วันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกริก และ เจ้าของรางวัลแมกไซไซ ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “เมื่อการค้าโลกเปลี่ยน ...การค้าไทย-จีน เปลี่ยน!” ชี้ชัดไทยต้องสร้างคนให้มี “ภาวะผู้นำ” ในโมเดล “สี จิ้น ผิง” พร้อมเชื่อมั่นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนแน่นแฟ้นมากขึ้น ด้วยการปั้นนักค้าขายมืออาชีพ ผ่านหลักสูตร “นักพัฒนาธุรกิจการค้าไทย-จีน”
ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกริก กล่าวถึงหัวข้อปาฐกพิเศษ “เมื่อการค้าโลกเปลี่ยน...การค้าไทย-จีน เปลี่ยน!” ว่า ในเวทีการค้าโลกที่ต้องปรับตามสถานการณ์โดยมีปัจจัยภายนอกหลายด้าน อาทิ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-ไนน์ทีน ส่งผลให้ทุกประเทศทั่วโลกต้องปรับตัวในทุกๆด้าน ทั้งเศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิถีชีวิต รวมทั้งการปรับตัวนำเทคโนโลยีมาใช้กับทุกๆด้าน โดยประเทศไทยควรเน้นเดินหน้าสร้างภาวะผู้นำ เช่นเดียวกับที่ประเทศจีน มี “สี จิ้น ผิง” เป็นประธานาธิบดี ที่มีความชัดเจนในการเป็นผู้นำ โดยที่ผ่านมาประกาศจุดยืนว่า “ความฝันของเรา คือ ความฝันของประชาชน”
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่า การค้าขายระหว่างไทยและจีนจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น เพราะการทำการค้าร่วมกับประเทศจีนนั้น อาจทำได้ในหลายมิติ เช่น รัฐบาลต่อรัฐบาล ,สมาคมต่อสมาคม และ ประชาชนต่อประชาชน โดยต้องเน้นที่หลักวิชาการทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติผ่านหลักสูตร “นักพัฒนาธุรกิจการค้าไทย-จีน” หรือ นพธ.รุ่นที่ 1
.jpg)
“การทำการค้าขายระหว่างไทยและจีนนั้นมีหลายวิธี นอกจากรัฐบาลต่อรัฐบาลที่จะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อให้ไปไหนมาไหนได้สะดวก ด้วยรูปแบบความร่วมมือกัน หรือด้วยวิธีสมาคมต่อสมาคม หรือ แม้แต่ประชาชนต่อประชาชนก็มีความสำคัญ บางทีอาจเกิดความคิดใหม่ๆ เช่น ประชาชนต่อประชาชนที่มีความเป็นองค์กร และ รัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งมีหลายระดับ แต่ว่าคนที่จะเป็นนักพัฒนาการค้าไทย-จีน ต้องเตรียมให้ดี เพื่อจะได้เป็นผู้นำหรือสอนคนอื่นได้
ซึ่งโควิด-19 ทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม วิถีชีวิต ได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงไม่อยากให้เรารู้สึกว่าเทคโนโลยีมาแทนที่แรงงานคน เพราะเราสามารถรับรู้และนำมาใช้เมื่อยามจำเป็นได้ แต่สิ่งที่ต้องพัฒนาก็คือ ภาวะผู้นำให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์ตลอดเวลา เพราะชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าการเมือง การค้า การขาย เศรษฐกิจ การพัฒนาชนบท ชุมชน เขาใช้สามัญสำนึกมาก เพราะบางคนบอกว่า ไม่ต้องบริหารที่ใช้สามัญสำนึก ต้องใช้วิชาการ แต่จริงๆความสำเร็จที่แท้จริง สุดท้ายจริงๆคือ สามัญสำนึก” อธิการบดี กล่าว
.jpg)
นอกจากนี้ ศ.ดร.นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ กล่าวถึง หลักสูตรนักพัฒนาธุรกิจการค้าไทย-จีน ว่า เป็นหลักสูตรแรกของมหาวิทยาลัยเกริก ที่จะมีบทบาทสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการทำการค้าร่วมกับจีน โดยการมาเรียนหลักหลักสูตรนี้เปรียบเสมือนนักมวยที่มีครู ซึ่งจะทำให้การทำการค้ากับจีนเดินหน้าได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะข้อกฎหมายการค้าที่มีต่อกันระหว่างไทยและจีน
“ต่อไปนี้ถ้าเราจะเป็นนักพัฒนาธุรกิจการค้าไทย-จีน ถ้ามีคำว่านัก แสดงว่าเป็นผู้เก่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักการแพทย์ นักการศึกษา นักกฎหมาย โดยข้อที่ 1 ต้องมองประชาชนก่อน สมมติว่าเราจะค้ากับจีน ต้องศึกษาก่อนว่าจีน เป็นคนยังไง ศึกษาประวัติศาสตร์ ศึกษาวัฒนธรรม คนจีนชอบอะไร และ คนจีนมีหลายเผ่าพันธุ์เหลือเกิน
ขณะเดียวกัน เมื่อพูดถึงจีนต้องไม่ทิ้งอาเซียน เพราะจีนกับอาเซียนต้องไปด้วยกัน เพราะเราก็อยู่อาเซียน ฉะนั้นพวกเราต้องให้เวลากับตัวเอง ศึกษาคนอาเซียน คนเขมรอย่าไปว่าเขาอะไรยังไง เพราะเขามีจุดแข็งเยอะมาก ส่วนคนลาวเป็นยังไง เราก็ต้องศึกษา ข้อที่ 2 การค้าการขายสมัยใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาถึงวันนี้ เราต้องใช้หลักการ ความเป็นมืออาชีพ จะมาถูๆไถๆไม่ได้ ต้องมีระบบ มีหลักการ และข้อที่ 3 ตัวเราเอง ที่จะไปติดต่อใครต่อใคร ต้องมีวินัยของตัวเองให้ดีๆ” อธิการบดี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี