เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะที่เป็น GREEN RETAIL แห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งได้ร่วมเป็นภาคีสมาชิกของ CLIMATE NEUTRAL NETWORK โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP)เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากว่า13 ปี ขานรับนโยบายยุทธศาสตร์ชาติกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20-25% ภายในปี 2573 เดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รณรงค์ให้ประชาชนร่วมปลูกต้นไม้ สร้างสมดุลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ผืนป่าของประเทศไทย เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย4 ธันวาคม ปีนี้ ด้วยโครงการ “ปลูกเพื่อเปลี่ยน เพิ่มผืนป่า ลดก๊าซเรือนกระจก” รณรงค์ปลูกต้นไม้คืนสู่ธรรมชาติ ผ่านการระดมทุน จากองค์กรภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ควบคู่กับรณรงค์ให้ประชาชนเห็นคุณค่า และความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตั้งแต่วันที่4 ธันวาคม 2563 – 5 มิถุนายน 2564
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด(Miss VoralakTulaphorn: Chief Marketing Officer, The Mall Group Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ปัญหาสภาวะโลกร้อน (Global Warming) และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate change)กำลังเป็นวาระสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และพร้อมใจกันร่วมแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะที่เป็นองค์กรภาคเอกชนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยนำร่องการงดบริการถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ( Single Use Plastic ) ที่กูร์เมต์มาร์เก็ต ทุกสาขา และได้ขานรับแนวนโยบายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) งดบริการถุงพลาสติก “Everyday Say No To Plastic Bags” ดีเดย์พร้อมกันทั่วประเทศ 1 มกราคม 2563
ที่ห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป และกูร์เมต์มาร์เก็ต ทุกสาขา อีกทั้งยังขยายผลเปิดจุดบริการ Plastic Drop Point เชิญชวนประชาชนนำขยะพลาสติกสะอาดกลับสู่กระบวนการรีไซเคิล กับโครงการ “The Mall Group Go Green : Plastic Drop Point”
เพื่อประกาศเจตนารมณ์เป็นห้างสรรพสินค้าสีเขียว มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรภาคเอกชนที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutral ภายในปี 2573 สอดคล้องกับนโยบายยุทธศาสตร์ชาติของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการยกระดับการปฏิบัติการสู่แผน Nationally Determined Contribution: NDC ซึ่งมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 20-25% ภายในปี 2573 ที่ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนง การดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ หรือ Thailand NAMAs Pledge 2014 ในปี 2557 ที่การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย UNFCCC รวมถึงสานต่อเจตนารมณ์การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างจิตสำนึกในการลดวิกฤตภาวะโลกร้อน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากทุกภาคส่วนในวันสิ่งแวดล้อมไทยเดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงได้ผนึกความร่วมมือองค์กรสิ่งแวดล้อม ตลอดจนพันธมิตรธุรกิจเครือข่าย อาทิ WWF,ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย , TikTok และ LIFEiS ขานรับแนวนโยบายกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดตัวโครงการ “ปลูกเพื่อเปลี่ยน เพิ่มผืนป่า ลดก๊าซเรือนกระจก” โดยโครงการดังกล่าวยังถือเป็นการนำวิธีการแห่งศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตมาสานต่อที่ว่า“การปลูกป่า 3 อย่าง แต่ให้ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งได้ไม้ผล ไม้สร้างบ้าน และไม้ฟืนนั้น สามารถให้ประโยชน์ได้ถึง 4 อย่าง คือ นอกจากประโยชน์ในตัวเองตามชื่อแล้วยังสามารถให้ประโยชน์อันที่ 4 ซึ่งเป็นข้อสำคัญ คือสามารถช่วยอนุรักษ์ดินและต้นน้ำลำธารด้วย” อีกทั้งยังเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนแบบพอเพียงและยั่งยืน รวมถึงการขยายแนวผืนป่าเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อเป็นแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจก ลดปัญหาโลกร้อนได้
สำหรับโครงการระดมทุนเพื่อการปลูกต้นไม้ และส่งเสริมการดูแลต้นไม้อย่างยั่งยืน ประชาชนผู้สนใจสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนแผนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ด้วยการร่วมปกป้องดูแลผืนป่า ผ่าน 3 ช่องทางการบริจาค อาทิ ช่องทางที่1 ผ่านกล่องรับบริจาคที่เดอะมอลล์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และพารากอนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ช่องทางที่ 2บริจาคผ่านMcardApplication เพียงใช้คะแนน M Point 1600 คะแนน และช่องทางที่3 บริจาคผ่านบัญชีธนาคาร “ปลูกเพื่อเปลี่ยน เพิ่มผืนป่า ลดก๊าซเรือนกระจก”เลขที่บัญชี 009-300-5056 ธนาคารกรุงเทพ สาขา เดอะมอลล์3 รามคำแหง
นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาคีเครือข่าย เข้าร่วมโครงการ ประเดิมนำร่องโดยกลุ่มทรูร่วมสนับสนุนโครงการ เปิดช่องทางให้ลูกค้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคผ่านแอปทรูไอดีซึ่งลูกค้าสามารถนำทรูพอยท์มาใช้แทนเงินบริจาคได้ ซึ่งทรูพอยท์ 50 คะแนน
เท่ากับ 5 บาท, ทรูพอยท์ 100 คะแนน เท่ากับ 10 บาท และ ทรูพอยท์ 300 คะแนน เท่ากับ30 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 5 มิถุนายน 2564
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังได้จัดแคมเปญ ส่งมอบความสุขครั้งแรกของวงการรีเทลThe Mall Group จับมือกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม TikTokสร้างสรรค์แคมเปญ HAPPIER TOGETHER : สุขกว่านี้ คือสุขด้วยกัน ขยายพื้นที่ความสนุกไปสู่ดิจิทัลแพลทฟอร์มเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่แสดงความคิดสร้างสรรค์และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่มีคุณค่าต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมชวนพันธมิตรและคนไทยมาร่วมส่งต่อความสุขร่วมกับครอบครัว เพื่อน คนรัก กับกิจกรรมแชร์คลิปวิดีโอแฮชแท็กชาเลนจ์#HappierTogetherTHบนช่องทาง TikTok เพื่อร่วมบริจาคเงินสนับสนุนให้โครงการ Care The Wild “ปลูกป้อง”Plant & Protect แพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, กรมป่าไม้, WWF, ภาคีในเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคนไทยทุกคนรวมพลัง เพื่อร่วมคืนผืนป่าสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน เพิ่มจำนวนต้นไม้ และขยายผืนป่าต้นน้ำจังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 – 6 มกราคม 2564
ประชาชนผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมส่งความสุขและร่วมระดมทุนดูแลผืนป่า ในกิจกรรม แฮชแท็กชาเลนจ์#HappierTogetherTH ได้ เพียงถ่ายคลิปวิดีโอโมเมนต์ความสุขที่อยู่ร่วมกันมากกว่า 1 คน และแชร์คลิปบนช่องทาง TikTok พร้อมติดแฮชแท็ก #HappierTogetherTH ร่วมลุ้นรางวัลมากมาย อาทิ รางวัลใหญ่ โทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Z Fold 2 5G จำนวน 3 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 69,990 บาท รวมมูลค่า 209,970 บาท สำหรับคลิปที่มียอดชมคลิปสูงสุด Most Viewed จำนวน 1 รางวัล และ รางวัล Most Creative Content จำนวน 2 รางวัล สำหรับคลิปที่สร้างโมเมนต์ความสุขร่วมกันได้ครีเอทีฟและถูกใจกรรมการมากที่สุดในแคมเปญ (ประกาศชื่อผู้ชนะวันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564เวลา18.00 น.) และรางวัลประจำสัปดาห์ บัตรชมภาพยนตร์จากเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ทุกสัปดาห์ รวม 500 รางวัล จำนวน 1,000 ที่นั่ง รวมมูลค่า 250,000 บาท (รางวัลละ 2 ที่นั่ง มูลค่า 500 บาท รวม 100 รางวัล / สัปดาห์)ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกประจำสัปดาห์ 100 ท่าน ทุกวันศุกร์ที่ 4, 11, 18, 25 ธันวาคม 2563 และ 8 มกราคม 2564 เวลา 18.00 น. ทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ The Mall Thailand และข้อความส่วนตัวทาง TikTokและนอกจากนี้ 1 แฮชแท็กที่แชร์ มีค่าเท่ากับร่วมบริจาค 10 บาทโดยร่วมกิจกรรม ได้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 – 6 มกราคม 2564
โดยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัดยังได้ดำเนินนโยบายสนับสนุนในการที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมในกลุ่มอาคารจนได้รับรางวัลจากโครงการ Thailand Energy Awards ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 - 2562 นอกจากนี้ยังจัดทำโครงการอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมมชาติอย่างยั่งยืน อาทิ โครงการหลังคาสีเขียว กรีนรูฟ โปรเจค (Green Roof Project ) หรือสวนบนหลังคาช่วยลดความร้อนที่จะเข้ามาในตัวอาคาร และสามารถนำผักที่ปลูกไปแจกจ่ายให้กับพนักงานได้รับประทาน รวมถึงโครงการ การบำบัดน้ำเสียและการรีไซเคิลน้ำ โดยผลิตและตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำให้ได้ตามมาตรฐานน้ำประปาก่อนถึงจะสามารถนำไปใช้งานต่อผ่านการระบบ Flush Valve ของห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้ ลานพื้นลานจอดรถ เป็นต้น
เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย ประจำปี 2563 เดอะมอลล์ กรุ๊ป ขอเชิญชวนประชาชนทุกคน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความยั่งยืนให้กับผืนป่าประเทศไทย ด้วยการรณรงค์ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และปกป้องผืนป่า ผ่านโครงการ ปลูกเพื่อเปลี่ยน เพิ่มผืนป่า ลดก๊าซเรือนกระจก และโครงการ HAPPIER TOGETHERที่เดอะมอลล์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และพารากอนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี