31 ม.ค. 2566  ที่ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ คิง เพาเอร์ ผนึกกำลังพันธมิตรอย่าง วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อม 6 ค่ายเพลงชั้นนำของเมืองไทย อาทิ MuzikMove , LOVEIS Entertainment , Small Room , What The Duck , Warner Music Thailand และ XOXO Entertainment รวมถึงโรงเรียนดนตรียามาฮา GuitarMAG และ T-POP แถลงข่าวเปิดเวทีประกวดวงดนตรีสากล “The Power Band 2023 Season 3” ค้นหาสุดยอดวงดนตรีรุ่นใหม่ที่มีแรงบันดาลใจและโดดเด่นด้วยพลังสร้างสรรค์ ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 1,500,000 บาท 

นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า คิง เพาเวอร์ มีความเชื่อในพลังของดนตรี ซึ่งต้องขอบคุณ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล พันธมิตร 6 ค่ายเพลง ตลอดจนพาร์ทเนอร์หลักๆ ที่เข้ามาช่วยจัดงานยิ่งใหญ่แบบนี้เพื่อเป็นเวทีให้น้องๆ ได้ใช้โอกาสแสดงฝีมือทางด้านดนตรีของตนเอง โดยงานนี้ไม่อาจเกิดขึ้นจากคิง เพาเวอร์ เพียงองค์กรเดียว แต่มีพาร์ทเนอร์ต่างๆ เข้ามาร่วมกันช่วยทำให้วงการดนตรีคึกคักขึ้น

“เป็นเวทีสำคัญจริงๆ ที่ให้น้องๆ ได้แสดงฝีมือ นอกจากโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือแล้วยังช่วยเข้าไปพัฒนาให้ประสบการณ์ต่างๆ ของทางค่ายเพลง มาทำให้น้องๆ ได้เรียนรู้ว่ายังขาดอะไร ควรจะพัฒนาตรงไหน ผมว่ามันเป็นวทีที่ดีมากๆ ตลอด 2 Seasons ที่ผ่านมา ทางเราและทางพาร์ทเนอร์ทุกๆ ท่านก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเวทีนี้ต่อไปเรื่อยๆ” นายอภิเชษฐ์ กล่าว

ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ย้อนไปในการจัดเวที Season แรก แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ก็ยังพยายามจัดเพราะเชื่อว่าทุกคนต้องไม่สิ้นหวัง ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นแต่ชีวิตก็ยังต้องไปต่อ ทำให้ผ่านการจัดเวทีม่ได้ 2 Seasons กระทั่งในครั้งนี้เป็น Season ที่ 3 โดยมาในธีม “It’s Possible” ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้มากขึ้น

เช่น ในการประกวดครั้งก่อนๆ สำหรับรุ่น “Class A” สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมหรือเทียบเท่า กำหนดให้สมาชิกในวงที่จะเข้าประกวดต้องเรียนในสถาบันการศึกษาเดียวกันเท่านั้น แต่ครั้งนี้จะไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว ดังนั้นหากน้องๆ มีเพื่อนที่รักในเสียงดนตรีเหมือนกัน แม้ไม่ได้เรียนที่เดียวกันก็สามารถรวมวงกันมาประกวดได้ เป็นการเน้นย้ำถึงความร่วมมือที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถาบันเดียวกันก็ได้ ซึ่งก็เหมือนกับองค์กรต่างๆ ที่มาร่วมจัดเวทีประกวดนี้ ที่ต่างก็เชื่อว่าดนตรีสามารถใช้เพื่อพัฒนาสังคมได้

“ที่ประทับใจที่สุด ปีที่แล้วด้วยความที่เราจัดภาคสนาม เป็นการเปิดโอกาสให้น้องแข่งข้ามกันไป-มา เราไม่ได้บังคับว่าภาคกลางต้องแข่งที่กรุงเทพฯ เท่านั้น เพราะฉะนั้นน้องข้ามกันไป-มาก็จะมีน้องที่กรุงเทพฯ ไปแข่งที่ภาคใต้ แล้วในที่สุดก็เข้าร่วมมาจากการไปแข่งที่ภาคใต้ หลายๆ คนถ้ามองในแง่ลบอาจจะเห็นว่าเป็นการแย่งโอกาส แต่สำหรับผมรู้สึกว่ามันเป็นการแชร์โอกาส เพราะคนที่ภาคใต้ก็จะได้เห็นความสามารถของน้องๆ ในกรุงเทพฯ แล้วในท้ายที่สุด น้องที่ชนะเป็นน้องที่มาจากภูเก็ต จากภาคใต้ ด้วยความที่เห็นว่าคนกรุงเทพฯ เก่งขนาดนี้ เดี๋ยวจะซ้อม ต้องชนะให้ได้” คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าว

ในงานแถลงข่าวเวทีประกวด “The Power Band 2023 Season 3” ยังมีตัวแทนค่ายแพลงรวมถึงกรรมการตัดสิน มาบอกเล่าความประทับใจจากเวทีประกวดในครั้งก่อนๆ อาทิ “บอม” ดนุภพ กมล รองกรรมการผู้จัดการ “MuzikMove” บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด กล่าวว่า ในมุมของค่ายเพลง ในการประกวดครั้งที่แล้วได้ส่งศิลปินไปให้กำลังใจน้องๆ ในเวทีระดับภูมิภาค รวมถึงไปโชว์และแชร์ประสบการณ์ของตนเอง ขณะที่คณะกรรมการที่ไปชมก็ตื่นเต้นไม่แพ้ผู้เข้าแข่งขันเช่นกัน

“อาจารย์เช่” อัคราวิชญ์ พิริโยดม มือเบสแห่งวง The Richman Toy และหัวหน้าสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การประกวดครั้งนี้มีการเพิ่มรางวัล Best Creative Award ขึ้นมาอีกรางวัลหนึ่ง เนื่องจากสังเกตว่า วงที่มีความคิดสร้างสรรค์ เช่น ในการเรียบเรียงเพลง วงนั้นมีโอกาสที่จะได้รับรางวัลหรือแม้แต่กระทั่งเป็นศิลปินก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นหลัก จึงอยากเพิ่มรางวัล Best Creative Award ให้กับน้องๆ ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์พร้อมกับการฝึกฝนความเป็นเลิศทางด้านดนตรี

“พล” คชภัค ผลธนโชติ มือกีตาร์แห่งวง Clash ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหารค่ายเพลง Boxx Music และ Zircle Muzik กล่าวว่า การซ้อมดนตรีเพื่อเตรียมแข่งขันเป็นการสร้างทีมเวิร์ค เมื่อมาขึ้นเวทีประกวดได้สัมผัสอุปกรณ์ที่ศิลปินมืออาชีพใช้ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากในห้องซ้อมดนตรี ได้เห็นฝีมือของเพื่อนๆ ต่างโรงเรียนที่ตั้งวงดนตรีมาร่วมแข่งขัน สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ ต้องเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยการมาสมัครเข้าร่วมประกวด

“ติ๊ก” กฤษติกร พรสาธิต นักร้องนำแห่งวง Playground และผู้บริหารค่าย Home Run Music เล่าถึงการเดินทางไปตัดสินการประกวดระดับภูมิภาคในเวทีของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปีก่อน พบหนึ่งในวงดนตรีที่สมัครเข้าร่วมประกวดในรุ่น “Class B” สำหรับบุคคลทั่วไป สมาชิกในวงเป็นผู้มีอายุสูงกว่าตน ทั้งที่ตนก็อยู่ในวงการดนตรีมานานกว่า 2 ทศวรรษแล้ว ทำให้นึกถึงคำที่ว่า “ความฝันไม่มีวันหมดอายุ” เพราะได้เห็นความตั้งใจ เห็นความซาบซึ้งของการได้รับโอกาสให้คนที่อายุไม่น้อยแล้วได้ปลดปล่อยบนเวทีการประกวดเช่นกัน สิ่งนี้มีความหมายทั้งต่อผู้ที่มีความฝันและต่อตนที่เป็นกรรมการตัดสินด้วย และเชื่อว่าการประกวดในปีนี้ก็น่าจะมีแบบนี้อีก

สำหรับการประกวดวงดนตรีสากล รายการ “The Power Band 2023 Season 3” แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือรุ่น Class A สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาในระดับชั้นไม่เกินมัธยมศึกษาปีที่ 6 (หรือเทียบเท่า) และอายุไม่เกิน 19 ปีบริบูรณ์ (เกิดตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2547 เป็นต้นไป) รวมวงกันมาโดยมีสมาชิกตั้งแต่ 3-12 คน ซึ่งสมาชิกจะเรียนอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ก็ได้ กับรุ่น Class B สำหรับบุคคลทั่วไปไม่จำกัดอายุ (แต่ต้องไม่อยู่ภายใต้สัญญากับสังกัดของค่ายเพลงใดๆ) รวมวงกันมาโดยมีสมาชิกตั้งแต่ 3-12 คน ทั้งนี้ การประกวดทั้ง Class A และ Class B ทุกวงต้องมีสมาชิกในตำแหน่งนักร้องนำ ซึ่งจะเป็นคนเดียวกับนักดนตรีหรือไม่ก็ได้

การประกวดจะเริ่มจากเวทีระดับภูมิภาค แบ่งเป็นรอบคัดเลือก (บันทึกการแสดงในรูปแบบวีดีโอ) และรอบตัดสินซึ่งเป็นการแสดงสด ได้แก่ “กรุงเทพฯ” เปิดรับสมัครวันที่ 13 ก.พ.-5 พ.ค. 2566 ประกาศผลรอบคัดเลือก วันที่ 15 พ.ค. 2566 ประกวดรอบแสดงสด วันที่ 27 พ.ค. 2566 , “ขอนแก่น (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)” เปิดรับสมัครวันที่ 1 เม.ย.- 26 พ.ค. 2566 ประกาศผลรอบคัดเลือก วันที่ 5 มิ.ย. 2566 ประกวดรอบแสดงสดวันที่ 17 มิ.ย. 2566 , “เชียงใหม่ (ภาคเหนือ)” เปิดรับสมัครวันที่ 1 พ.ค.-16 มิ.ย. 2566 ประกาศผลรอบคัดเลือก วันที่ 26 มิ.ย. 2566 ประกวดรอบแสดงสด วันที่ 8 ก.ค. 2566 ,

“สงขลา (ภาคใต้)” เปิดรับสมัครวันที่ 1 มิ.ย.-14 ก.ค. 2566 ประกาศผลรอบคัดเลือก วันที่ 24 ก.ค. 2566 ประกวดรอบแสดงสด วันที่ 5 ส.ค. 2566  และ “นครปฐม (ภาคกลาง)” เปิดรับสมัครวันที่ 1 ก.ค.-4 ส.ค. 2566 ประกาศผลรอบคัดเลือก วันที่ 14 ส.ค. 2566 ประกวดรอบแสดงสด วันที่ 26 ส.ค. 2566 เพื่อเฟ้นหาตัวแทนของเวทีประกวดแต่ละภาค มาตัดสินกันในการประกวดรอบชิงชนะเลิศ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 21-21 ก.ย. 2566

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดและสมัครได้ที่เว็บไซต์ www.music.mahidol.ac.th/thepowerband หรือที่เพจเฟซบุ๊ก “The Power Band” www.facebook.com/thepowerband.mahidol โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-800-2525 ต่อ 3109 และ 02-441-5305