ใกล้จะถึงช่วงเสียภาษีเงินได้กันอีกแล้ว สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ใครที่มีรายได้ทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีจำนวนไม่น้อย อาจต้องการวางแผนภาษีให้ดี เพราะนอกจากจะถูกหักไปกับประกันสังคม ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากบริษัทแล้ว ถ้าทำเอกสารได้ไม่ครบถ้วน หรือเก็บเอกสารไม่ดี หรือยังไม่ใช้สิทธิ์การลดหย่อนภาษีอย่างครบถ้วน อาจต้องโดนจ่ายภาษีเพิ่มอีกด้วย ลองมาดูวิธีการวางแผนภาษีเพื่อให้ได้สิทธิ์ลดหย่อนมาก ๆ จนได้เงินภาษีคืนกันดีกว่า

วิธีการวางแผนภาษีเพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนให้ครบถ้วน

ลองมาดูเช็กลิสต์การวางแผนภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือน เพื่อให้ได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเยอะ ๆ กัน

• กางรายได้ทั้งปี ทั้งเงินเดือน โบนัส ผลตอบแทน รายได้อื่น ๆ จากการจ้างงานมาคำนวณรวมกันทั้งหมด และดูว่าอยู่ในเรตที่ต้องเสียภาษีกี่เปอร์เซนต์ เพื่อคำนวณฐานภาษีว่าต้องจ่ายภาษีเท่าไร หากเป็นพนักงานประจำอยู่ออฟฟิศหนึ่ง และรับฟรีแลนซ์อีกออฟฟิศหนึ่งก็ต้องเก็บใบเสียภาษีของทุกออฟฟิศมาให้ครบ เพราะต้องยื่นภาษีทั้งหมดนั่นเอง
• ดูสิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่เข้ากับเงื่อนไขของเราเอง เพื่อการวางแผนภาษีที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น
  • นโยบายภาครัฐ ที่ให้นำใบกำกับภาษีจากการช็อปในช่วงเดือนที่กำหนดมาใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ 
  • ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา โดยต้องให้แน่ใจว่าบิดามารดาไม่มีรายได้ประจำ และในหมู่พี่น้องด้วยกันไม่ได้ใช้สิทธิ์เลี้ยงดูบิดามารดาซ้ำซ้อนกัน
  • การสมทบเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ PVD (Provident Fund) สามารถนำมาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ เพราะรัฐบาลสนับสนันการออมเพื่อการเกษียณในอนาคต 
  • การลงทุนในบางกองทุน สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น SSF (Super Savings Fund) กองทุนรวมเพื่อการออม และ RMF (Retirement Mutual Fund) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
  • การทำประกัน อีกสิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่สามารถนำมาใช้ได้ โดยมีหลายประเภทประกันที่นำมาลดหย่อนภาษีได้
  • ดอกเบี้ยผ่อนบ้าน หากกำลังผ่อนบ้านอยู่สามารถนำดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านมาเป็นสิทธิ์ลดหย่อนได้ด้วย 
  • เงินบริจาค บางคนต้องเดินทางไปโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น การบริจาคเงินให้โรงพยาบาลก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ และต้องให้แน่ใจว่าในใบเสร็จมีเลขกำกับภาษี ที่สามารถนำลดหย่อนได้จริง

เจาะลึกการวางแผนภาษีด้วยการทำประกันประเภทต่าง ๆ

สำหรับใครที่กำลังสนใจการวางแผนภาษีด้วยการทำประกัน ที่เหมือนได้ประโยชน์สองต่อ ได้ทั้งความคุ้มครองและการลดหย่อนภาษี เรามีข้อมูลน่ารู้มาบอกกัน ดังนี้

• เมื่อคำนวณฐานภาษีที่ต้องจ่ายแล้ว ก็ซื้อประกันที่นำมาลดหย่อนภาษีได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
• ประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท แต่ระยะเวลาคุ้มครองจะต้องอยู่ที่ 10 ปีขึ้นไป และทำกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น และสามารถนำเบี้ยประกันของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ มาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ แต่ต้องไม่เกิน 10,000 บาท
• ประกันสุขภาพ ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี  และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และต้องทำกับบริษัทประกันในไทย แถมยังนำเบี้ยประกันสุขภาพที่ทำให้แก่พ่อแม่ของทั้งตัวเองและคู่สมรสที่ไม่มีรายได้มาลดหย่อนได้อีกด้วย สูงสุด 15,000 บาทต่อปี โดยที่เราหรือคู่สมรสจะต้องเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อแม่ ไม่ใช่ลูกบุญธรรม
• ประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่การันตีรายได้หลังเกษียณ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท แต่หากใครไม่ได้ใช้สิทธิ์ในประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท

เมื่อรู้เทคนิคการลดหย่อนภาษีแล้ว ก็อย่าลืมเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้ให้พร้อม และยื่นภาษีให้ตรงตามกำหนดเวลา บางคนวางแผนได้ดี ได้เงินคืนภาษีกันหลักหลายหมื่นเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นความหวังของมนุษย์ออฟฟิศอย่างเรา ๆ เลยทีเดียว