วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ประชาสัมพันธ์
ใช้กัญชาเลิกยาบ้าได้! ‘ปานเทพ’ งัดผลวิจัย’ สหรัฐฯ-แคนาดา’ ค้านดึง ‘กัญชา’ กลับ ‘ยาเสพติด’

ใช้กัญชาเลิกยาบ้าได้! ‘ปานเทพ’ งัดผลวิจัย’ สหรัฐฯ-แคนาดา’ ค้านดึง ‘กัญชา’ กลับ ‘ยาเสพติด’

วันอาทิตย์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 14.50 น.
Tag : แนวหน้าออนไลน์ ปานเทพ ยาเสพติด
  •  

ใช้กัญชาเลิกยาบ้าได้! ‘ปานเทพ’ งัดผลวิจัย’ สหรัฐฯ-แคนาดา’ ค้านดึง ‘กัญชา’ กลับ ‘ยาเสพติด’ ยันใช้เลิกสิ่งเสพติดแบบรุนแรงได้

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2567 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงความพยายามของบางฝ่ายในการนำกัญชา กลับไปเป็นยาเสพติดว่า อาจจะหลงลืมบางข้อมูลที่สำคัญไป รู้หรือไม่ว่ากัญชา เป็นตัวช่วยให้คนเลิกยาเสพติดได้ ถ้านำกัญชากลับเป็นยาเสพติดแล้ว เราอาจจะเปิดให้ยาเสพติด ระบาดยิ่งกว่าเดิม ทั้งยาบ้า ทั้งเฮโรอีน ซึ่งเริ่มกลับมาแล้ว ในขณะเดียวกัน เราได้ตัดตัวช่วยที่สำคัญอย่างกัญชาทิ้งไปสืบข้อมูล ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 11ต.ค.2565 กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มประชุมขับเคลื่อนผลักดันกัญชา เพื่อลดปัญหายาบ้า อาจนำไปสู่การได้มาซึ่งการคืนกลับมาสู่สังคมของผู้ที่ติดยาบ้า หรือยาเสพติดที่ร้ายแรงได้ เป็นไปตามมติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก ค.ศ. 2016 (UNGASS 2016)


นายปานเทพ กล่าวต่อว่า โดยประเทศไทยในฐานะภาคีจะต้องกำหนดให้มีมาตรการทางเลือกกับผู้เสพยาเสพติด เพื่อผู้เสพเข้าสู่การบำบัดรักษา เช่น การนำมาตรการลดอันตรายจากยาเสพติด (Harm Reduction)รวมถึงการพัฒนาทางเลือก (Alternative Development) มาปรับใช้เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปอย่างยั่งยืน ทั้งนี้งานวิจัยพบความจริงว่า“กัญชา”เป็นสมุนไพรที่ทำให้เกิดการเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่[6] และมีความน่าจะเป็นในการติดกัญชาอยู่เพียงระดับ “กาแฟ”เท่านั้น ในขณะที่สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime) ได้รายงานว่าในปี 2563 มีประชากรในโลกที่อายุ 15-64 ปีมีผู้ใช้สารเสพติดมากถึง 284 ล้านคน แบ่งเป็นการใช้กัญชามากถึง 209 ล้านคน(ร้อยละ 73.59), รองลงมาอันดับที่สองคือกลุ่มฝิ่นหรือโอปิออยด์ 61 ล้านคน (ร้อยละ 21.48), ยาบ้า 34 ล้านคน (ร้อยละ 11.97), โคเคน 21 ล้านคน(ร้อยละ 7.39) และยาอีประมาณ 20 ล้านคน (ร้อยละ 7.04)

นายปานเทพ กล่าวอีกว่า จากกลุ่มผู้ใช้ยาทั้งหมด มีสาเหตุการเสียชีวิตสูงที่สุดในโลกกลับเป็นยากลุ่มฝิ่นหรือโอปิออยด์คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 77, ยาบ้ามีสัดส่วนร้อยละ 7, โคเคนมีสัดส่วนร้อยละ 4, กัญชามีสัดส่วนร้อยละ 4 โดยหากพิจารณาจากสัดส่วนของประชากรที่ใช้สารเสพติด กับ จำนวนการตายอันเนื่องมาจากยาเสพติดนั้น ย่อมเห็นสัดส่วนได้อ่างชัดเจนว่า ในขณะที่กัญชามีผู้ใช้มากที่สุดถึง 209 ล้านคน (ร้อยละ 73.59) แต่กลับมีสัดส่วนอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าทั้งโอปิออยด์ ยาบ้า และโคเคน ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า “กัญชา” อันตรายน้อยกว่ายาเสพติดที่รุนแรงเหล่านี้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นกัญชายังมีบทบาทในฐานะเป็นสมุนไพรที่ช่วยทดแทนเพื่อลดอันตรายจากยาเสพติดที่รุนแรง (Harm Reduction)อีกด้วย โดยกัญชาได้ถูกนำมาเริ่มต้นนำมาใช้สารสกัดแคนนาบิไดออลทั้งในกัญชาหรือกัญชง เพื่อลดการติดยากลุ่มฝิ่นหรือโอปิออยด์ รวมทั้งเฮโรอีน รวมทั้งการใช้กัญชาเพื่อลดการติดโคเคนในแคนนาดาอีกด้วย

นายปานเทพ กล่าวว่า ขณะที่วารสารเกี่ยวกับการลดความรุนแรงจากยาเสพติดโดยตรงที่เรียกว่า Harm Reduction Journal ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562 นั้น คณะวิจัยชาวแคนนาดาได้ทำการสำรวจประชากรชายและหญิงประมาณ 3,110 คน อายุเฉลี่ย 40 ปี โดยเป็นผู้ป่วยที่มีอาการปวดหรือมีปัญหาทางสุขภาพจิต 1,700 คน หรือประมาณร้อยละ 83.7 และพบว่าผู้ที่ใช้กัญชาเพื่อแทนใบสั่งยา เพื่อลดยากลุ่มฝิ่นหรือโอปิออยด์ เพื่อลดการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดบุหรี่ และทดแนยาเสพติดอื่นๆ โดยงานวิจัยมีความเห็นแนะนำว่าการเพิ่มขึ้นในการเข้าถึงกัญชาทั้งทางการแพทย์และนันทนาการอย่างมีการควบคุมให้เหมาะสม สามารถส่งผลทำให้ลดความรุนแรงจาก โอปิออยด์, แอลกอฮอล์ บุหรี่ และยาเสพติดอื่นๆได้[11] ต่อมาผลการศึกษาวารสารสาธารณสุขของอเมริกัน ชื่อ American Journal of Public Health (AJPH) ได้เผยแพร่งานวิจัยเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ในการศึกษาที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนนาดาระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2559-2561 พบว่าร้อยละ 25 ของผู้ที่ใช้กัญชานั้นเพื่อลดยาที่อันตรายหรือรุนแรงอย่างอื่นที่เรียกว่า “Harm Reduction” (เช่น เฮโรอิน, ฝิ่น, โคเคน, ยาบ้า, หรือแอลกอฮอล์) และพบเหตุผลที่มากที่สุดคือใช้กัญชาเพื่อทดแทนยาเสพติดที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทถึงร้อยละ 50 และการทดแทนกลุ่มฝิ่นหรือโอปิออยด์ที่ผิดกฎหมายอีกร้อยละ 31

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า หัวหน้าคณะวิจัยชาวแคนนาดาคนเดียวกันนี้ ได้วิจัยต่อเนื่อง และ ได้ทำงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารกัญชาและสารสกัดจากกัญชาในปีต่อมาชื่อ Cannabis and Cannabinoid Research เผยแพร่เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เป็นการศึกษาเรื่องกัญชาแบบไปข้างหน้า (Cohort Study) ในการเฝ้าสังเกตการณ์กลุ่มประชากร 5,706 คน พบว่าการใช้กัญชาได้ประสบความสำเร็จในการทดแทนกลุ่มประชากรที่ใช้ยาเสพติดที่รุนแรง โดยเฉพาะยาบ้า (Metamphetamine) และทำให้ต้องมองกัญชาเป็น “ยุทธศาสตร์” ที่จะนำมาใช้เพื่อลดปัญหาผู้ที่ใช้ยาเสพติดได้มากขึ้น

“ดังนั้นผู้ที่ใช้กัญชาเพิ่มขึ้นอาจเป็นกลุ่มที่กำลังลดความรุนแรงของยาเสพติดที่รุนแรงหลายชนิด รวมถึงการลดพฤติกรรมความรุนแรงของยาเสพติดชนิดอื่น รวมถึงการลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ที่เป็นปัญหาการเสียชีวิตของคนทั้งโลกมากขึ้นด้วย ซึ่งหากมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาจะต้องไม่สำรวจเพียงว่ามีประชากรใช้กัญชาเพิ่มมากขึ้นแต่เพียงอย่างเดียวหรือไม่ แต่ควรต้องสำรวจลึกไปกว่านั้นว่าคนที่ใช้กัญชานั้นเป็นไปเพื่อการลดการใช้ยาเสพติดที่รุนแรงหรือไม่ด้วย” นายปานเทพ กล่าว

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เดินหน้าฟื้นฟู\'ป่าพรุควนเคร็ง\'บูรณาการแก้ไฟป่า คืนความสมบูรณ์ สร้างความหลากหลาย สู่ความยั่งยืน เดินหน้าฟื้นฟู'ป่าพรุควนเคร็ง'บูรณาการแก้ไฟป่า คืนความสมบูรณ์ สร้างความหลากหลาย สู่ความยั่งยืน
  • ANT-DPU นำทัพ Garena Game Jam ยกระดับวงการเกม จากพันธมิตรสู่ผู้ร่วมจัดหลัก ปั้น Digital Talent สู่ตลาดโลก ANT-DPU นำทัพ Garena Game Jam ยกระดับวงการเกม จากพันธมิตรสู่ผู้ร่วมจัดหลัก ปั้น Digital Talent สู่ตลาดโลก
  • \'โรงพิมพ์รุ่งศิลป์\'ฟ้อง\'รอง ผอ.องค์การค้าฯ\'เขียนทีโออาร์กีดกัน \'ศาลทุจริต\'นัดฟังคำสั่ง 22 ก.ค.นี้ 'โรงพิมพ์รุ่งศิลป์'ฟ้อง'รอง ผอ.องค์การค้าฯ'เขียนทีโออาร์กีดกัน 'ศาลทุจริต'นัดฟังคำสั่ง 22 ก.ค.นี้
  • \'ไบเออร์ไทย\' คว้า 3 รางวัลจาก Employee Experience Awards Thailand 2025 'ไบเออร์ไทย' คว้า 3 รางวัลจาก Employee Experience Awards Thailand 2025
  • \'สอน.\'สอนใช้โดรนและ AI นำร่องพื้นที่ปลูกอ้อย หวังเพิ่มประสิทธิภาพ ลดฝุ่น PM2.5 'สอน.'สอนใช้โดรนและ AI นำร่องพื้นที่ปลูกอ้อย หวังเพิ่มประสิทธิภาพ ลดฝุ่น PM2.5
  • \'DPU\'จับมือ รร.สตรีนนทบุรี ติวเข้ม HSK5 เสริมทักษะภาษาจีนสู่ความพร้อมระดับสูง 'DPU'จับมือ รร.สตรีนนทบุรี ติวเข้ม HSK5 เสริมทักษะภาษาจีนสู่ความพร้อมระดับสูง
  •  

Breaking News

‘จีน’เผยยอดสมาชิก‘พรรคคอมมิวนิสต์’ทะลุ100ล้านคนแล้ว

‘ชูวิทย์’เลคเชอร์‘เรื่องตลก’พรรคร่วมฯ เหน็บจุกๆทุกครั้ง‘เพื่อไทย’เป็นรัฐบาล ต้องไล่ถึงจะลง

คนสวยใจบุญ! 'ชมพู่ อารยา-น้องแอบิเกล'บริจาคเครื่องมือแพทย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง

หายไปเกือบครึ่ง! ท้องถิ่น‘เวียดนาม’ ประกาศควบรวมจังหวัดเหลือเพียง34แห่ง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved