ไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 กำลังจะผ่านไป ด้วยสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใส ถ้าพิจารณาจากภาพรวมที่ประเมินได้ว่าธุรกิจบางประเภทขยับตัวดีขึ้น เช่น ภาคการท่องเที่ยวบางธุรกิจยังทรงตัว และบางธุรกิจยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะข่าวความเคลื่อนไหวของหนี้ภาคครัวเรือน และหนี้ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ยังไม่มีข่าวดีมากระตุ้นและมีท่าทีที่จะกลับมาเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นภาคธุรกิจสำคัญ และเป็นธุรกิจที่มีผลต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวม ต้องยอมรับว่าปี2567 เป็นปีที่ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ซบเซาค่อนข้างมาก ทั้งยอดขายรถยนต์ใหม่ และยอดขายรถยนต์มือสองที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการสนับสนุนยอดการปล่อยสินเชื่อรถยนต์

          นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทแอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทที่ดำเนินธุรกิจการประมูลรถยนต์รายใหญ่อันดับต้นของประเทศ ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ภายในประเทศ ปี 2567 เผชิญปัญหาท้าทายมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ต่อเนื่องมาถึงปี 2567

          ในปี 2567 คาดว่ายอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะจบที่ประมาณ 600,000 คัน ลดลงจากปี 2566 ประมาณ ร้อยละ 25 รวมถึงตลาดรถยนต์ใช้แล้วก็น่าจะลดลงประมาณร้อยละ 20 ยอดขายรถยนต์ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 4 ปี ถือเป็นภาพสะท้อนเศรษฐกิจไทยและการสนับสนุนสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ต้องเผชิญกับหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น ทำให้จำเป็นต้องเข้มงวดกับการคัดเลือกลูกหนี้ใหม่ จึงส่งผลต่อการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์น้อยลงในปี 2567 เพื่อลดความเสี่ยงจากผลขาดทุนจากรถยึดที่เกิดหนี้เสีย

          อย่างไรก็ตามภาครัฐรวมทั้งสถาบันการเงินได้เข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยเฉพาะหนี้สินเชื่อรถยนต์เพื่อให้สถานการณ์หนี้กลับมาผ่อนคลายให้ดีขึ้นเพื่อให้ธุรกิจรถยนต์เข้าสู่สถานการณ์ปกติ สถาบันการเงินก็จะสามารถอนุมัติและคัดสรรลูกหนี้สินเชื่อรถยนต์ได้มากขึ้น

          มาตรการแก้ไขหนี้ในปี 2568 ที่จะช่วยเหลือลูกหนี้วงเงินสินเชื่อที่ไม่เกิน 700,000 บาท และเป็นลูกหนี้ก่อน 31 ตุลาคม 2567 ที่จะใช้มาตรการให้ลูกหนี้ผ่อนเงินต้นและตัดเงินต้นก่อน โดยดอกเบี้ยจะแขวนไว้ก่อน ส่วนรายละเอียดต่างๆจะออกมาเป็นเงื่อนไขให้ปฏิบัติต่อไป ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยลูกหนี้แบ่งเบาภาระหนี้ได้ค่อนข้างมาก คาดว่าจะช่วยเหลือลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ให้มีความสามารถผ่อนชำระได้จนเป็นปกติ

          เมื่อมองภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้ว หากมาตรการแก้หนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ตลาดรถยนต์ใช้แล้วอาจมีโอกาสเกิดภาพที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนี้

1. ปริมาณรถยึดที่จะหมุนเวียนเข้ามาในตลาดรถยนต์ใช้แล้วจะลดปริมาณลงเพราะโอกาสที่จะเกิดหนี้เสียน้อยลงจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และจากคุณภาพการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อในปี 2567 ที่คัดกรองเข้มงวดขึ้นจะส่งผลให้ Supply รถยนต์ใช้แล้วในตลาดมีปริมาณลดลงขณะที่ Demand หรือความต้องการรถยนต์ใช้แล้วยังคงมีต่อเนื่อง จะทำให้ราคารถยนต์ใช้แล้วในตลาดปรับขึ้นได้ หรือราคาลดลงไม่รวดเร็วเหมือนในอดีต
2. ปริมาณรถยนต์ใช้แล้วที่ลดลงจะเกิดจากการแข่งขันของรถยนต์ใหม่ที่เข้ามาในตลาดทั้งรถยนต์โมเดลใหม่ๆ และรถยนต์ EV ที่จะแข่งขันกันในเรื่องราคาค่อนข้างมากส่งผลให้ความสนใจของผู้บริโภคไปสนใจรถยนต์ EV ทดแทนได้ ทั้งนี้ต้องประเมินตลาดรถ EV ในปี 2568
3. จากความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อที่ตั้งเงื่อนไขการจัดเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วจะกำหนดหลักเกณฑ์เข้มข้นขึ้น เช่น รถยนต์อายุเกิน 10 ปี รถยนต์ที่ใช้แก๊ส รถยนต์ดัดแปลงสภาพ จะไม่รับจัดเช่าซื้อ เป็นต้น จะทำให้รถยนต์ใช้แล้วจะถูกตลาดบังคับให้ออกจากระบบซื้อขายไปส่วนหนึ่ง

ดังนั้นสถานการณ์ตลาดรถยนต์ใช้แล้วที่ในปี 2567 ที่เคยหมุนเวียนในระบบ มีการซื้อขายประมาณ 300,000 คัน จะหมุนเวียนลดลงในปี 2568 ขณะที่ Demand ในตลาดยังมีความต้องการของผู้บริโภคเพราะรถยนต์มือสองจะตอบโจทย์การใช้รถในการลดค่าใช้จ่ายที่ทดแทนรถยนต์ใหม่ได้ ขณะเดียวกันในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ความจำเป็นในการใช้รถยนต์ใช้แล้วน่าจะตอบสนองกับกำลังซื้อของผู้บริโภคได้

     อย่างไรก็ตามความท้าทายในการประกอบธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วของผู้ประกอบการจะเป็นอีกบทพิสูจน์ที่ผู้ประกอบการต้องประเมินและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เชื่อว่าตลาดรถยนต์ยังเป็นธุรกิจที่ยังมีอนาคตตราบใดที่ความต้องการใช้รถยนต์ยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องบริหารสภาพคล่องให้สอดคล้องกับปัจจัยแวดล้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว