“สถาบันศิโรจน์ผลพันธิน” ร่วมกับ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชน ทั่วประเทศเรื่อง “มหาวิทยาลัยไทยในสายตาประชาชน” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,180 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2568 สรุปผลได้ ดังนี้
สรุปวิเคราะห์ผลโพล : “มหาวิทยาลัยไทย” ในสายตาประชาชน
“สถาบันศิโรจน์ผลพันธิน” ร่วมกับ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศเรื่อง “มหาวิทยาลัยไทยในสายตาประชาชน” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,180 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความเชื่อมั่นต่อมหาวิทยาลัยไทยในด้านการจัดการเรียนการสอนมากที่สุด ร้อยละ 81.39 โดยมองว่าในโลกของการเปลี่ยนแปลงมหาวิทยาลัยควรเน้นการวิจัยที่นำไปใช้ได้จริงและสร้างรายได้จริง ร้อยละ 28.17 ด้านจุดแข็งของมหาวิทยาลัยไทย คือ หลักสูตรการเรียนการสอนหลากหลาย ร้อยละ 75.21 จุดอ่อน คือ ผู้สอนเน้นทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติจริง ร้อยละ 66.38 สิ่งที่คาดหวังต่อมหาวิทยาลัยไทย คือ ผลิตบัณฑิตคุณภาพสูงและพร้อมทำงาน ร้อยละ 74.41 โดยคิดว่ามหาวิทยาลัยไทยพอจะเป็นที่พึ่งของสังคมไทยได้บ้าง ร้อยละ 61.86 ทั้งนี้ให้คะแนนมหาวิทยาลัยในประเทศไทยในภาพรวม 7.35 คะแนน
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนว่าประชาชนคาดหวังให้มหาวิทยาลัยไทย ทำหน้าที่มากกว่าการผลิตบัณฑิตโดยต้องผลิตคนที่ใช่ สร้างงานวิจัยที่ตอบโจทย์ เชื่อมโยงกับชุมชน ไม่อยู่แค่ในห้องเรียนหรืองานวิชาการ ดังนั้น มหาวิทยาลัยไทยจึงควรปรับบทบาทจากการเป็นแหล่งความรู้แบบดั้งเดิมไปเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เกิดขึ้นได้ ทุกที่ทุกเวลา (One World Library) สร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ของผู้คนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและเป็นที่พึ่งให้กับสังคมมากขึ้น
นางสาวพรพรรณ บัวทอง
ประธานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
โทร 086-3766533
รองศาสตราจารย์ ดร.ชนะศึก นิชานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร วิจัย และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่าจากผลสำรวจความคิดเห็นเรื่องบทบาทของมหาวิทยาลัยไทย โดย “สถาบันศิโรจน์ผลพันธิน” ร่วมกับ “สวนดุสิตโพล” ได้สะท้อนความเชื่อมั่นที่สังคมยังคงมีต่อมหาวิทยาลัย ในฐานะศูนย์กลางทางวิชาการของชาติและยังคงเป็นที่พึ่งทางปัญญาของสังคม ข้อค้นพบสำคัญคือ ประชาชนไม่ได้ต้องการเพียงสถาบันที่สอนดีหรือผลิตบัณฑิตเก่งเท่านั้น หากแต่ต้องการเห็นมหาวิทยาลัยที่สามารถปฏิบัติได้จริง วิจัยใช้ได้จริง และตอบโจทย์สังคมได้อย่างเท่าทัน เพื่อตอบสนองความคาดหวังดังกล่าว มหาวิทยาลัยไทยจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์การดำเนินงานใน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1) การปฏิรูปการเรียนการสอน เรียนแล้วต้องใช้ได้จริง 2) การวิจัยเพื่อใช้ ไม่ใช่แค่เพื่อตีพิมพ์ ปรับทิศทางจาก “วิจัยเชิงวิชาการ” ไปสู่ “วิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์” และ 3) เสริมบทบาทต่อสังคม เป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาชุมชนผ่านกลไก University Social Responsibility (USR) และ Service Learning เพื่อเป้าหมายที่สำคัญคือการยกระดับศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน
รองศาสตราจารย์ ดร.ชนะศึก นิชานนท์
รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร วิจัย และนวัตกรรม
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี