ม.สวนดุสิต เจ้าภาพจัดประชุมสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติด้านการศึกษาพิเศษ ครั้งที่ 9 (ISSED9) Learning, Living and Working for Children with special needs "การเปลี่ยนผ่านชีวิต: การเรียนรู้ การดำรงชีวิต และการทำงานสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ"
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โดยคณะครุศาสตร์และสถาบันศิโรจน์ผลพันธิน ร่วมกับ คุรุสภา มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ มูลนิธิอนุสารสุนทรเพื่อสงเคราะห์คนหูหนวก ในพระอุปถัมภ์ และโรงเรียนปัญญาวุฒิกร จัดประชุมสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติด้านการศึกษาพิเศษ ครั้งที่ 9 (ISSED9) ภายใต้หัวข้อ "การเปลี่ยนผ่านชีวิต: การเรียนรู้ การดำรงชีวิต และการทำงานสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ" ณ หอประชุมรักตะกนิษฐ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ไฮไลท์ของงาน คือ การนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นในหัวข้อ "การศึกษาพิเศษในมุมมองของคนไทย" โดยสถาบันศิโรจน์ผลพันธิน ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทัศนคติและความเข้าใจของประชาชนไทยต่อการศึกษาพิเศษ พร้อมกับงานวิจัยจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว ภูฏาน ศรีลังกา และญี่ปุ่น และพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่บุคคลดีเด่นที่มีคุณูปการด้านการศึกษาพิเศษ 4 ท่าน ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ผู้มีคุณูปการในการส่งเสริมการศึกษาพิเศษและการวิจัยด้านการศึกษาพิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิทักษ์ จันทร์เจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ผู้นำในการพัฒนาการศึกษาพิเศษในระดับอุดมศึกษา คุณศุขสนั่น โชติกเสถียร ประธานกรรมการมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้อุทิศตนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนหูหนวก และดร.ตรี บุญเจือ ผู้อำนวยการสำนักรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ผู้สนับสนุนสิทธิและการเข้าถึงสื่อของผู้พิการ
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เผยแพร่ผลงานวิชาการ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการจัดการศึกษาพิเศษ รวมถึงครอบครัวและชุมชน ได้เข้าถึงองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการเรียนรู้ของบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ โดยได้รับเกียรติจาก พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติระดับนานาชาติ ได้แก่ H.E. Mr. Robert F. Godec เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย คุณจูเลีย ฟีนี่ย์ รองหัวหน้าคณะผู้แทนประจำประเทศไทย สถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย
พร้อมด้วยการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญระดับชาติ ในหัวข้อ "การพัฒนาครูเพื่อการศึกษาพิเศษ" โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา นโยบายการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กพิเศษ โดยว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และแบ่งปันประสบการณ์ในการบริหารจัดการการศึกษาพิเศษ โดยดร.นัยนา ตันเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษาพิเศษ
พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานเปิดการประชุม กล่าวว่า การประชุมวิชาการนานาชาติด้านการศึกษาพิเศษ ครั้งที่ 9 มีความหมายสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาด้านการศึกษาพิเศษของประเทศไทยและนานาประเทศ ซึ่งมีประเด็นหลักที่สำคัญคือ "การเปลี่ยนผ่านของชีวิตเด็กที่มีความต้องการพิเศษ" ซึ่งเป็นหัวข้อที่สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่ให้โอกาสและเปิดกว้างสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
การเปลี่ยนผ่านของชีวิตเด็กที่มีความต้องการพิเศษไม่ได้หมายความเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายหรือสติปัญญาเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงการเปลี่ยนผ่านในทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่การศึกษา การพัฒนาทักษะชีวิต การเตรียมความพร้อมสู่การประกอบอาชีพ และที่สำคัญที่สุด คือ การเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างเต็มศักยภาพ กระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาพิเศษมาโดยตลอด โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการศึกษาที่ครอบคลุมและเป็นธรรมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกประเภท โดยได้ดำเนินนโยบายการศึกษาแบบครบวงจร ตั้งแต่ระดับการศึกษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพื้นฐาน ตลอดจนถึงการศึกษาต่อเนื่องและการฝึกอบรมอาชีพ พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล
ในปัจจุบัน เราได้เห็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาและการดำรงชีวิตของเด็กที่มีความต้องการพิเศษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสิ่งช่วยเหลือ การเรียนรู้ผ่านสื่อดิจิทัล หรือการพัฒนาทักษะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษสามารถเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่
ด้าน ผศ.ดร.พรชนิตว์ แก้วเนตร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญและนักปฏิบัติการจากทั่วโลกเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และนวัตกรรมด้านการศึกษาพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เป็นใจกลางของการพัฒนาเด็กที่มีความต้องการพิเศษ นั่นคือ "การเปลี่ยนผ่าน" ซึ่งไม่ได้หมายความเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงจากช่วงวัยหนึ่งไปสู่อีกช่วงวัยหนึ่ง แต่รวมถึงการเปลี่ยนผ่านในทุกมิติของชีวิต มหาวิทยาลัยสวนดุสิตให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาด้านการศึกษาพิเศษมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีฝ่ายสนับสนุนนักศึกษาพิการเรียนร่วม (DSS) คณะครุศาสตร์ และพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัยสำหรับการผลิตบุคลากรด้านการศึกษาพิเศษ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ การประชุมครั้งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างประเทศ
และสุดท้าน ผศ.ดร.วีณัฐ สกุลหอม คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ร่วมกับ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ภายใต้หัวข้อ "ช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต : การเรียนรู้ การดำรงชีวิต และการทำงาน" การประชุมวิชาการในครั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมทั้งหมด 4 ประเภท ด้วยกัน ได้แก่ Keynote Speakers จำนวน 5 ท่าน Paper Presenters จำนวน 31 ท่าน Poster Presenters จำนวน 15 ท่าน และ Participants ที่ลงทะเบียน จำนวน 60 ท่าน
การจัดการศึกษาพิเศษถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ปัจจุบันประเทศไทยและนานาประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาระบบการศึกษาพิเศษให้มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้เรียน การประชุมครั้งนี้เกิดจากความตระหนักถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เพื่อนำเสนอผลงานวิจัย นวัตกรรม และแนวคิดใหม่ที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษาพิเศษ โดยมีวัตถุประสงค์ของการประชุม 4 ประการ
ประการแรก เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นวัตกรรม และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการศึกษาพิเศษในระดับนานาชาติ โดยมีมหาวิทยาลัยสวนดุสิตเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเครือข่ายวิชาการทางด้านการศึกษาพิเศษ
ประการที่สอง เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิจัย และผลงานวิชาการด้านการศึกษาพิเศษของคณาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษาสู่เวทีระดับนานาชาติ
ประการที่สาม เพื่อสร้างความร่วมมือและเครือข่ายทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยสวนดุสิตกับสถาบันการศึกษาและองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศด้านการศึกษาพิเศษ
ประการที่สี่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงครอบครัวและชุมชน ได้เข้าถึงองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ
ดังนั้น การประชุมสัมมนาวิชาการ ISSED9 ครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการบริหารจัดการการศึกษาพิเศษ โดยเฉพาะในประเด็นการเตรียมความพร้อมของเด็กพิเศษให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพและเป็นอิสระในสังคม และถือเป็นเวทีสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการศึกษาพิเศษในระดับนานาชาติ โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และนวัตกรรมด้านการศึกษาพิเศษระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้เรียนรู้ ดำรงชีวิต และทำงานอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในสังคมและสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตและเครือข่ายในการสร้างสังคมที่เป็นมิตรและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน โดยเฉพาะบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานโยบายและแนวปฏิบัติด้านการศึกษาพิเศษในประเทศไทยและภูมิภาคต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี