สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยคณะการจัดการการท่องเที่ยว ร่วมกับกรมการท่องเที่ยว ลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ครอบคลุมการวิจัย การพัฒนาบุคลากร การจัดหลักสูตรฝึกอบรม และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับศักยภาพภาคการท่องเที่ยวให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก
ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของสถาบันการศึกษาและหน่วยงานภาครัฐในการร่วมขับเคลื่อนนโยบายการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การยกระดับศักยภาพบุคลากร และการพัฒนานวัตกรรมทางวิชาการ ทั้งนี้กิจกรรมภายใต้บันทึกความร่วมมือจะถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ศาสตราจารย์ ดร.ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า “วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติและขอขอบคุณกรมการท่องเที่ยวอย่างยิ่ง ในการร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ “การส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทย” ระหว่างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์กับกรมการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างภาควิชาการกับหน่วยงานภาครัฐในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประเทศอย่างยั่งยืน “ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มุ่งมั่นการสร้างปัญญา WISDOM FOR SUSTAINABLE DEVELOPMENT เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนั้นพันธะกิจการหนึ่งในนั้นคือการพัฒนาภาครัฐและสังคมไทยด้วยองค์ความรู้เชิงวิชาการและการวิจัยที่ใช้ได้จริง ความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ นิด้าจะต่อยอดใน 3 มิติหลัก ได้แก่ 1) การพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผ่านหลักสูตรปริญญาโทและเอก ตลอดจนหลักสูตรอบรมเชิงลึกและโมดูลที่ตอบโจทย์การบริหารจัดการการท่องเที่ยวในยุคเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะด้าน AI ที่เข้ามามีบทบาทต่อทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 2) การสร้างองค์ความรู้ผ่านงานวิจัยเชิงนโยบายที่สามารถนำไปใช้ในการออกแบบกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวในระดับประเทศและพื้นที่ และ 3) การเป็นเวทีกลางเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และชุมชน เพื่อสร้างนวัตกรรมการท่องเที่ยวที่เน้นความยั่งยืน”
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า “กรมการท่องเที่ยวมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในการเสริมสร้างองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการการท่องเที่ยวของประเทศ ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการระหว่างภาคราชการและภาควิชาการ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีความยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพทางวิชาการของสถาบันฯ ประกอบกับประสบการณ์และบทบาทของกรมการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรฐานต่าง ๆ จะสามารถนำไปสู่การพัฒนางานวิจัย การพัฒนาบุคลากร และการออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกการท่องเที่ยวในยุคใหม่”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.แสงแข บุญศิริ คณบดี คณะการจัดการการท่องเที่ยว กล่าวว่า “ในนามของคณะการจัดการการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ดิฉันรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการผลึกกำลังความร่วมมือกับกรมการท่องเที่ยวในครั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและสถาบันการศึกษาถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในยุคที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การวิจัยที่ตอบโจทย์ และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร คือปัจจัยหลักที่จะนำพาการท่องเที่ยวของไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ คณะการจัดการการท่องเที่ยวมีความพร้อมและมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนพันธกิจของกรมการท่องเที่ยว ทั้งในด้านวิชาการ งานวิจัย และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในเวทีระดับโลก ขอขอบคุณกรมการท่องเที่ยวที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือกับภาควิชาการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวม”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี