วันพฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ประชาสัมพันธ์
สมาคมนักข่าวฯจับมือ TDJ แถลงผลงาน 'ข่าวเจาะดาต้าเชิงลึก' 6 กลุ่ม ขับเคลื่อนนโยบายรัฐไทยให้ดีกว่าเดิม

สมาคมนักข่าวฯจับมือ TDJ แถลงผลงาน 'ข่าวเจาะดาต้าเชิงลึก' 6 กลุ่ม ขับเคลื่อนนโยบายรัฐไทยให้ดีกว่าเดิม

วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 13.27 น.
Tag : ข่าวเจาะดาต้าเชิงลึก สมาคมนักข่าวฯ TDJ
  •  

สมาคมนักข่าวฯจับมือ TDJ แถลงผลงาน “ข่าวเจาะดาต้าเชิงลึก” 6 กลุ่ม ขับเคลื่อนนโยบายรัฐไทยให้ดีกว่าเดิม พร้อมมอบรางวัล “Data Journalism Award” Thailand 2025 สุดยอดผลงานข่าวเจาะดาต้าเชิงลึก ด้านสังคม ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (Thai Journalists Association) และชมรมเครือข่ายนักสื่อสารข้อมูลเชิงลึกแห่งประเทศไทย (TDJ) ได้จัดงานแถลงข่าว “เปิดผลงาน 6 กลุ่ม ข่าวเจาะดาต้าเชิงลึกขับเคลื่อนนโยบายรัฐไทยให้ดีกว่าเดิม” ขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568 ณ ห้อง Galleria ชั้น 1 โรงแรม Best Western Chatuchak โดยงานนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อนำเสนอผลงานข่าวสืบสวนพลิกโฉมวงการสื่อไทยด้วยพลังของ Data Journalism และประกาศผลรางวัลสุดยอดผลงาน


โครงการ “TRAINING & WORKSHOP: DATA JOURNALISM FOR INVESTIGATIVE REPORTING” ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 6 เดือน (มกราคม - กรกฎาคม 2568) โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเสริมศักยภาพนักข่าวสืบสวนสอบสวนจากทุกแพลตฟอร์ม ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ รวมถึงนักข่าวภาคประชาชน ให้สามารถผลิตข่าวคุณภาพสูงระดับประเทศ ด้วยกระบวนการ Data Journalism แบบครบวงจร ทั้งในรูปแบบ Reskill, Upskill และ Newskill นอกจากนี้ยังมุ่งสร้างเครือข่ายนักข่าวสืบสวนที่เข้มแข็ง และเสริมความเข้าใจในประเด็นสาธารณะที่สำคัญ

โครงการนี้ได้รวบรวมนักข่าวจากสำนักข่าวชั้นนำทั่วประเทศ และทีมนักเทคโนโลยีจิตอาสาจาก ODDS -TEAMซึ่งมีทั้ง Developer, UX/UI และ Designer รวมกว่า 60 คน พร้อมด้วยทีมวิทยากรระดับมืออาชีพ อาทิ นักข่าวสืบสวนรางวัลดีเด่น นักวิชาการด้าน Data Journalism นักวิเคราะห์ Big Data ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อออนไลน์ และเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนระดับนานาชาติ

จากการขุดค้นข้อมูลเปิด (Open Data) และการสืบสวนเชิงลึกอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลาโครงการ ได้เกิดผลงานข่าวสืบสวนเชิงลึกจำนวน 6 ชุด ที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อกลุ่มผู้สนใจที่ต้องการผลักดันนโยบายของรัฐด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริง เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้ปรับปรุงและต่อยอดการบริหารจัดการให้เป็นรูปธรรม ผลงานทั้ง 6 ชุด ครอบคลุมประเด็นสำคัญดังนี้

ด้านความมั่นคง ประกอบด้วยประเด็น เจาะปมปัญหาทุ่นระเบิดตกค้าง 17 ล้านตารางเมตร บนพื้นที่พิพาทชายแดนไทยกัมพูชาด้วย Data Visualization ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกพื้นที่ทุ่นระเบิดตกค้างชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยแผนที่ลักษณะ Data Visualization นำเสนอภาพปัญหาที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย และประเด็น ถอดรหัสวิกฤตคดีอาชญากรรมในไทย การเล่าเรื่องด้วยข้อมูลจาก 3 หน่วยงาน ผลักดันปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมจากมิติเชิงลึกโดยเป็นการเจาะลึกข้อมูลคดีอาชญากรรมเพื่อเสนอแนวทางการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

ด้านสังคมประกอบด้วยประเด็น “ว่าแต่เขา อิเหนาไม่ทำ? สำรวจ Open Data การจ้างงาน ผู้สูงอายุของภาครัฐ “เมื่อนโยบายมุ่งแต่ให้เอกชนจ้าง โดยนำข้อมูลพร้อมด้วยบทสัมภาษณ์เชิงลึกมาสะท้อนความเหลื่อมล้ำในนโยบายภาครัฐด้านการจ้างงาน และประเด็น “เจาะลึก Data ผลสอบ ONET ท้าทายงบ 400 ล้านสูญเปล่า?”   ซึ่งเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพการใช้งบประมาณในการศึกษา และคุณภาพการศึกษาไทย

ด้านสิ่งแวดล้อม  รายงานข่าว “ตำงบ ละลายโขงสำรวจความคุ้มค่าเขื่อนป้องกันตลิ่ง 4 หมื่นล้าน” ที่จะพาไปตรวจสอบความคุ้มค่าของโครงการก่อสร้างเขื่อนรอบแม่น้ำโขง นอกจากนี้ยังมีประเด็น “เจาะ Open Data เปิด 3 มายากล ก๊าซเรือนกระจก ทุนใหญ่ Greenwashing ป่าเขียว” ที่พร้อมท้าชนกลุ่มนายทุนใหญ่ด้วยการขุดคุ้ยข้อมูลและข้อเท็จจริงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เอาเปรียบป่าสงวน สร้างภาพลวงตารักษ์โลกแต่ไม่รักชาวบ้าน    

โดยรายละเอียดแบบย่อ ผลงานข่าวเจาะดาต้าเชิงลึกทั้ง 6 กลุ่มมีดังนี้

เจาะปมปัญหาทุ่นระเบิดตกค้าง 17 ล้านตารางเมตร บนพื้นที่พิพาทชายแดนไทยกัมพูชาด้วย Data Visualization

สามารถอ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ลิงค์นี้  https://landmine.odd.works/home

@ ทุ่งระเบิดสังหารตกค้าง 17 ล้าน ตร.ม.ชายแดนไทย–กัมพูชา เก็บไม่หมด จบข้อพิพาทไม่ได้

 รวิวรรณ รักถิ่นกำเนิด, ดลวรรฒ สุนสุข, กัลยรัตน์ จิตรติกรกุล, กันตพิชญ์ แพงดี, จิราวรรณ อาสาสมัครTDJ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกปัญหาทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยแผนที่ลักษณะ Data Visualizationเพื่อ นำเสนอภาพปัญหาทุ่นระเบิดชายแดนที่ชัดเจนโดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

กว่า 17 ล้านตารางเมตรของชายแดนไทย–กัมพูชายังมีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลตกค้างจากสงครามในอดีต ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด 15 อำเภอ และส่วนใหญ่เป็นพื้นที่พิพาทที่ยังไม่สามารถปักปันเขตแดนได้ แม้ไทยจะลงนามในสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้และสะสมทุ่นระเบิดมาตั้งแต่ปี 2540 แต่การเก็บกู้ยังล่าช้า โดยเฉพาะในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณอีสานใต้ สุรินทร์ ศรีสะเกษ โดยแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการเหยียบทุ่นระเบิดเฉลี่ยปีละ 55 ราย โดยจังหวัดสระแก้วมียอดผู้ได้รับผลกระทบสะสมมากที่สุดถึง 165 ราย

โดยอุปสรรคหลักคือ ความล้มเหลวทางการทูต ไทย–กัมพูชาไม่สามารถตกลงกันเรื่องการสำรวจและเก็บกู้ร่วมได้ ข้อเสนอของไทยในปี 2565 ที่เสนอให้เก็บกู้ร่วมใน 10 พื้นที่ถูกปฏิเสธ และหน่วยงานพลเรือนของกัมพูชายังถูกกองทัพแทรกแซงมากกว่า 10 ครั้งภายในปีเดียว  แม้จะเหลือเวลาเพียง 1 ปี (สิ้นสุดธันวาคม 2569) ก่อนหมดกรอบเวลาตามสนธิสัญญา แต่ความคืบหน้ายังชะงักงัน ทั้งที่การเก็บกู้ทุ่นระเบิดถือเป็น เงื่อนไขสำคัญต่อการยุติข้อพิพาทเขตแดน อย่างถาวร    

กลุ่มนี้เสนอทางออกเพื่อปลดชนวนทุ่นระเบิดอย่างแท้จริง 3 ข้อดังนี้: 1. ผลักดันให้การเจรจาเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นวาระเร่งด่วนผ่านกลไกระหว่างประเทศ เช่น GBC 2.ปรับบทบาทการเก็บกู้ให้เป็นภารกิจพลเรือน ภายใต้กฎหมายที่สร้างความเชื่อมั่นระดับสากล 3.สร้างการรับรู้ในสังคมว่าทุ่นระเบิดคือปัญหาชีวิต ไม่ใช่แค่ปัญหาเชิงอาณาเขต ทั้งนี้กลุ่มได้จัดทำ แผนที่ความหนาแน่นของทุ่นระเบิดที่ยังตกค้าง และเปิดข้อมูลสำคัญต่อสาธารณะครั้งแรก ผ่านเว็บไซต์ https://landmine.odd.works/home

เจาะ Open Data เปิด 3 มายากล ก๊าซเรือนกระจก ทุนใหญ่ Greenwashing ป่าเขียว

สามารถอ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ลิงค์แนบนี้  https://green-washing-co2-credit.odd.works/

สำหรับประเด็นนี้ ชนิตา งามเหมือน, อลีฟ รักไทรทอง, บุณยวีร์ ฐานะบำรุง อาสาสมัครTDJ ตีแผ่การทำงานของ“ทุนใหญ่” ลับลวงพราง Greenwashing ป่าเขียว ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 386 ล้านตัน CO₂ จนทำให้ไทยติดอันดับ 24 ของโลก ส่งผลให้คนไทยรับผลกระทบอย่างรุนแรงจาก “โลกเดือด” เช่น อุณหภูมิที่พุ่งสูง 4-5 องศาในฤดูร้อน และฝนตกหนักรุนแรงแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจากการ ตรวจสอบข้อมูล Open Data ของหลายหน่วยงาน พบว่ากลุ่มบริษัทใหญ่ที่มีปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ใช้กลไก “ฟอกเขียว” หรือ Greenwashing ซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างลับลวงพรางจากโครงการป่าไม้ พร้อมใช้มายากลลวงข้อมูลและมายาคติบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้นโยบายด้านโลกร้อนของประเทศไทยไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้

อาสาสมัครกลุ่มนี้ได้ชวนคนไทยมาช่วยกันผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหลายพวกเรากลายเป็นเหยื่อภาวะโลกร้อนในอนาคต นั่นคือ  ข้อเรียกร้องให้รัฐและเอกชนต้องรายงานข้อมูลการปล่อยและลดก๊าซอย่างเปิดเผย พร้อมมาตรการ “ลด + ชดเชย” ที่เป็นข้อบังคับ และผลักดันให้ไทยแลนด์มี “กฏหมายลดโลกร้อน” หลังจากเรียกร้องมานานกว่า 10 ปี เพื่อบังคับให้มีระบบภาษีคาร์บอน, บทลงโทษ, และการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนอย่างแท้จริง

สำรวจความคุ้มค่าเขื่อนป้องกันตลิ่ง 4 หมื่นล้าน

สามารถอ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ลิงค์แนบนี้  https://rethinking-mekong-defenses.odd.works/

วงศ์พันธ์ อมรินทร์เทวา, วิโรจน์ เลิศจิตต์ธรรม, ณรงค์กร มโนจันทร์เพ็ญ วศินี พบูประภาพ, พิพัฒน์พงษ์ ศรีวิชัย, สุทธิพัฒน์ กนิษฐกุล อธิเบศร์ ประวะเน, อภินันท์ ทองภู, ปฏิพร กลางประพันธ์, สมฤทัย บุญมา  อาสาสมัครTDJ ร่วมกันสำรวจความคุ้มค่าการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง โดยพบข้อมูลว่าในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา แม่น้ำโขงกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างน่ากังวล ทั้งจากการสร้างเขื่อนในจีนและลาว ทำให้ระดับน้ำผันผวน ตลิ่งพัง และชุมชนกว่า 8 จังหวัดริมโขงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปี 2546–2552 หลังเขื่อนจิ่งหงเปิดใช้งาน

รัฐบาลไทยใช้งบกว่า 4 หมื่นล้านบาทสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งกว่า 500 โครงการในช่วงปี 2558–2567 จากข้อมูลที่ขุดคุ้ยและนำมาวิเคราะห์ ทำให้พบว่า โครงการจำนวนมากใช้งบซ่อมสูงกว่าค่าก่อสร้างถึง 2-3 เท่า การออกแบบเขื่อนไม่สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น ชุมชนสูญเสียพื้นที่เกษตร วิถีชีวิตเปลี่ยน และไม่เคยมีการรับฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริงหลายโครงการยังอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายเลี่ยงการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ขณะที่รัฐขาดการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ส่งผลให้ไม่สามารถประเมินความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณมหาศาลได้อย่างแท้จริง

พร้อมเสนอทางออกว่าควรมีการประเมินความคุ้มค่าอย่างโปร่งใส,ทุกหน่วยงานต้องร่วมวางแผนและกำหนดทิศทางร่วมกัน, เปิดทางให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วม,และผลักดันความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อฟื้นฟูแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน

เจาะลึก Data ผลสอบ ONET ท้าทายงบ 400 ล้านสูญเปล่า?

สามารถอ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ลิงค์แนบนี้ https://why-onet-matter.odds.team/

@ 20 ปี O-NET: เราวัดผล หรือวัดพลาด?ถึงเวลาทบทวนอนาคต กับคำถามเรื่อง “ความคุ้มค่า” ที่ยังไม่มีคำตอบ

ในวาระครบ 20 ปีของการจัดสอบ O-NET ซึ่งใช้งบประมาณเฉลี่ยกว่า 400 ล้านบาทต่อปี อาสาสมัครTDJ ประกอบด้วย ฐิตินันท์ ใกล้ชิด  ,ปวริศ อำนวยพรไพศาล ,สุวิมล จินะมูล ,ปราโมทย์ คำมา สรวิชญ์ บุญจันทร์คง, บุญญาภรณ์ มีแก้ว ,เกษศิรินทร์ หมื่นวงษ์ศา ,ณิชชารีย์ พัฒน์กุลจิรถาวร  กฤตพล ปุญญพลัง ร่วมกันเปิดข้อมูลชวนตั้งคำถามว่า O-NET ได้สะท้อนพัฒนาการของระบบการศึกษาไทยจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียง “ภาพลวง” ของความเท่าเทียมที่ไม่มีอยู่จริง

ทั้งนี้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา คะแนนเฉลี่ยนักเรียน ป.6 และ ม.3 ใน 4 วิชาหลัก ยังคงต่ำกว่าระดับ 50 คะแนน และไม่แสดงพัฒนาการที่ชัดเจน แม้จะมีการปรับนโยบายใช้งานคะแนนหลายครั้ง งบประมาณกว่า 7,960 ล้านบาทใน 7 ปี เทียบได้กับการสร้างโรงเรียนมัธยม 39 แห่ง หรือห้องทดลอง STEM Lab กว่า 16,000 ห้องแต่ผลลัพธ์ยังไม่ตอบคำถามว่าได้อะไรกลับคืนมา

ปัญหาเชิงโครงสร้าง ยังปรากฏชัด นักเรียนจากพื้นที่ชายแดนใต้ เช่น ยะลา ปัตตานี นราธิวาส มีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อเนื่อง ทั้งที่บางพื้นที่ไม่ได้ยากจนที่สุด สะท้อนข้อจำกัดของข้อสอบกลางที่ไม่เข้าใจความหลากหลายของผู้เเสียงจากครูและนักวิชาการ เช่น ผศ.ดร.อรรถพล อนันตวรสกุล ชี้ว่า O-NET กลายเป็น “เครื่องมือกดดัน” มากกว่า “เครื่องมือพัฒนา” เพราะคะแนนถูกนำไปใช้ผิดจุดประสงค์ ตั้งแต่การประเมินครู โรงเรียน ไปจนถึงนักเรียน ซึ่งบั่นทอนแรงจูงใจในการสอนอย่างมีคุณภาพ

จึงมีข้อเสนอแนะให้ปรับบทบาท O-NET เป็น “เครื่องมือเข้าใจความเหลื่อมล้ำ” มากกว่าการจัดอันดับส่งเสริมข้อสอบแบบ Literacy-based เหมือน PISA ,ใช้ข้อมูลเพื่อออกแบบนโยบายที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ และที่สำคัญการวัดผลที่ดี ควรนำไปสู่การเรียนรู้ที่ดี ไม่ใช่ความกลัวหรือแรงกดดัน

“ว่าแต่เขา อิเหนาไม่ทำ?” สำรวจ Open Data การจ้างงานผู้สูงอายุของภาครัฐ

สามารถอ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ลิงค์แนบนี้ https://thailandagingworkforce.odds.team/

ปวีณา ชูรัตน์, ชนากานต์ อาทรประชาชิต, ณภัค ปวีชัยณภา, ธนบัตร บุญธูป, อภิรัช นิ่มอนุสสรณ์กุล, อธิตย์ คัมภีราวัฒน์ อาสาสมัครTDJ สำรวจ Open Data การจ้างงานผู้สูงอายุของภาครัฐ เมื่อนโยบายมุ่งแต่ให้เอกชนจ้าง ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2567 มีประชากรผู้สูงอายุถึง 14 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประเทศ แต่ภาครัฐกลับจ้างงานผู้สูงอายุเพียง 2% ของแรงงานทั้งหมด  ทั้งที่รัฐเองคือ นายจ้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลการจ้างงานทั่วประเทศโดยทีม TDJ พบว่า แม้มีผู้สูงวัยที่ยังทำงานกว่า 5 ล้านคน แต่ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรมหรือแรงงานนอกระบบ มีเพียงจำนวนน้อยที่ได้รับโอกาสในหน่วยงานรัฐในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา รัฐใช้งบประมาณเพียง 261 ล้านบาทในการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ ครอบคลุมเพียง 1.3 แสนคน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์จริงที่ผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังต้องการรายได้และคุณค่าจากการทำงาน ภาคเอกชนที่ถูกมอบหมายบทบาทหลักก็ยังเผชิญข้อจำกัด เช่น ขาดแรงจูงใจเชิงนโยบาย ระบบสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ และการออกแบบงานที่เหมาะกับวัยเกษียณ

กลุ่ม ฯจึงเสนอทางออกให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้ กำหนดเป้าชัดเจนในการจ้างผู้สูงวัยรายใหม่ในหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ,ส่งเสริมและสนับสนุนภาคเอกชนให้จ้างผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบ   คุ้มครองสิทธิแรงงานสูงอายุ ให้ค่าตอบแทนเหมาะสม ไม่เลือกปฏิบัติ   จัดทำ “ฐานข้อมูลกลาง” ที่เข้าถึงง่าย เชื่อมโยงแรงงานสูงวัยกับโอกาสการจ้างงานอย่างแท้จริง

ถอดรหัสวิกฤตคดีอาชญากรรมในไทย

สามารถอ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ลิงค์แนบนี้ https://thejustice.odd.works/

@เปิดตัวเลขคดีอาชญากรรมไทย 5 ปี คดีพุ่ง 143% โดยเฉพาะฉ้อโกงออนไลน์ เพิ่ม 759.2%  สวนทางจำนวนบุคลากรกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เพียงพอ พบปัญหา “คอขวด” ทำคดีค้าง-ล่าช้ากระทบระบบยุติธรรมไทย เสนอปฏิรูปเชิงโครงสร้าง “ 4 ด้าน” เร่งแก้วิกฤต

ดารินทร์ หอวัฒนกุล, ธีรนันท์ ขันตี, พิกุลทิพย์ ยุระพันธุ์, คทาวุธ แช่ม ,กานต์อุ่ย วิรัช, บุณยวีร์ ฐานะบำรุง, สมฤทัย บุญมา, อัญชิสา วัฒนภิรมย์ อาสาสมัครTDJ ร่วมกันศึกษาข้อมูลเชิงลึกของสถานการณ์อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยโดยพบข้อมูลที่สำคัญว่าสถานการณ์คดีอาชญากรรมในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต จากข้อมูลการแจ้งความของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าในปี 2566 มีคดีอาชญากรรมที่ถูกแจ้งถึง 1.37ล้านคดี เพิ่มขึ้นถึง 143% จากปี 2562 ที่มีเพียง 5.6แสนคดี   โดยเฉพาะ คดีฉ้อโกงออนไลน์ ซึ่งพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดจากการขยายตัวของเทคโนโลยีและอาชญากรรมไซเบอร์ พบว่าระหว่างปี 2564–2566 ยอดการแจ้งความเพิ่มขึ้นสูงถึง 759% สะท้อนภาระงานที่ถาโถมต่อบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ทั้งพนักงานสอบสวน อัยการ และระบบเรือนจำ

กลุ่มฯ วิเคราะห์ว่า ต้นทางของปัญหาคือกำลังพลไม่เพียงพอ โดยเฉพาะพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นกลไกหลักในการเริ่มต้นกระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันมีเพียง 1.2หมื่นคน จากจำนวนที่ควรมีประมาณ 2 หมื่นคน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบคดีจำนวนมากเกินมาตรฐาน ส่งผลให้กระบวนการสอบสวนล่าช้า ข้อมูลไม่ครบถ้วน และกระทบคุณภาพของคดีโดยรวม  นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าปัญหาไม่ได้จบแค่การสอบสวน “กลางน้ำ” ของกระบวนการยุติธรรมอย่างอัยการ ก็ต้องแบกรับคดีค้างสะสมต่อเนื่อง จากการส่งสำนวนล่าช้าและปริมาณงานที่มากเกินกำลัง ขณะที่ปลายน้ำอย่างเรือนจำ ก็รับผู้ต้องขังล้นเกินความจุ

ที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือ ตัวเลขคดีที่เห็น ยังไม่ใช่ตัวเลขจริงทั้งหมด เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยเลือกไม่แจ้งความ เนื่องจากความไม่เชื่อมั่นในระบบยุติธรรม ทำให้ปัญหาถูกซุกไว้ใต้พรม และยิ่งเพิ่มภาระให้ระบบโดยรวมในระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนกลุ่มฯจึงได้ เสนอแนวทาง “ปฏิรูปเชิงโครงสร้าง 4 ด้าน” ได้แก่ 1. ปฏิรูปงานสอบสวนตำรวจ: ปรับปรุงระบบอัตรากำลัง การฝึกอบรม และเทคโนโลยีสนับสนุน 2.ปฏิรูปกฎหมายลดความล่าช้าโดยการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย และให้ความสำคัญกับการใช้ดุลยพินิจอย่างเป็นธรรม 3.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมลดภาระคดีสะสมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอัยการ–ศาล 4.ปฏิรูปการเข้าถึงความยุติธรรมสร้างระบบที่ประชาชนเข้าถึงง่าย โปร่งใส และเชื่อถือได้

ไฮไลต์จากกำหนดการงานแถลงข่าว DATA JOURNALISM FOR INVESTIGATIVE REPORTING

ภายในงาน นอกจากการเปิดตัวและมอบรางวัลผลงานข่าวทั้ง 6 ชุดแล้ว ยังมีพิธีเปิดงานโดย น.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ ทวิร พานิชสมบัติ กรรมการผู้จัดการ ODDS-Team

หลังการนำเสนอผลงาน ยังมีการจัดพิธีมอบรางวัลผลงานข่าวเจาะดาต้าเชิงลึกดีเด่นโดยมีกลุ่มที่ได้รับรางวัลดังนี้

รางวัล Best Investigative Reporting Award กลุ่มที่ได้รางวัลคือกลุ่ม        “ปัญหาทุ่นระเบิดตกค้าง 17 ล้านตารางเมตร บนพื้นที่พิพาทชายแดนไทยกัมพูชา”                

รางวัล Best In–Depth Data Reporting Award   กลุ่มที่ได้รางวัล

คือกลุ่ม “ตำงบ ละลายโขงสำรวจความคุ้มค่าเขื่อนป้องกันตลิ่ง 4 หมื่นล้าน“

นอกจากนี้ยังมีรางวัล Data Investigative Reporting Award อีก  4 รางวัล ซึ่งกลุ่มที่ได้รับรางวัลมีดังนี้

          รางวัล  Best  Environmental Reporting กลุ่ม   “เจาะ Open Data เปิด 3 มายากล ก๊าซเรือนกระจก ทุนใหญ่Greenwashingป่าเขียว”

           ราววัล Best Public Service Reporting กลุ่ม   “ถอดรหัสวิกฤตคดีอาชญากรรมในไทย”

          รางวัล Best Youth and Education Reporting  กลุ่ม “เจาะลึก Data ผลสอบ ONET ท้าทายงบ 400 ล้านสูญเปล่า?”

           รางวัล Best Senior Social Welfare กลุ่ม “ว่าแต่เขา อิเหนาไม่ทำ?” สำรวจ Open Data การจ้างงาน ผู้สูงอายุของภาครัฐ”

นอกจากนี้ในงานยังมีเวทีเสวนาพิเศษในหัวข้อ “The New Equation of Journalism “สาย Tech + สายข่าว” สมการใหม่ท้าทายวงการสื่อ” เพื่อการเปิดมุมมองถึงการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับงานข่าว โดยพิธีปิดงานได้รับเกียรติจาก ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติในฐานะผู้ก่อตั้งโครงการ

การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และชมรมเครือข่ายนักสื่อสารข้อมูลเชิงลึกแห่งประเทศไทย (TDJ) ในการยกระดับคุณภาพของวงการสื่อสารมวลชนไทยให้ก้าวสู่ยุคใหม่ที่แข็งแกร่งด้วยพลังของข้อมูล พร้อมเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'ธนกร'หนุน'มทภ. 2' ตรึงกำลัง 11 พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

3 รร.กทม. คว้ารางวัล Future Youth Thailand 2025 กิจกรรม Future Ed Fest 2025

เปิดหน้าใหม่! 'ตั๊กแตน ชลดา'ขึ้นเขียงทำสวยจึ้ง จนแฟนคลับจำแทบไม่ได้

มิติใหม่ฟุตซอล!ยกระดับเต็มระบบทุกชุด

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved