“เมื่อคุณภาพการทำงานของช่าง ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องมือOSUKA จึงไม่ใช่แค่แบรนด์เครื่องมือไร้สาย แต่คือพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจทุกปัญหาหน้างานจริง”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมซ่อมบำรุง งานช่าง และงานก่อสร้างขนาดเล็ก-กลางของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ SME และงานรีโนเวทภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการเครื่องมือที่ “ใช้งานง่าย เคลื่อนที่ได้สะดวก และประสิทธิภาพสูง”

แนวโน้มนี้ผลักดันให้ตลาด เครื่องมือช่างไร้สาย กลายเป็นหมวดสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดเครื่องมือช่างแบบเดิม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ที่ต้องการเครื่องมือที่ตอบโจทย์งานจริงในต้นทุนที่เหมาะสม

หนึ่งในแบรนด์ที่กำลังได้รับความสนใจจากทั้งกลุ่มผู้ใช้งาน และภาคธุรกิจร้านตัวแทนจำหน่ายคือ OSUKA แบรนด์ไทยที่ตั้งเป้าชัดเจนว่าจะไม่เป็นแค่ “ผู้ผลิต” แต่ต้องการเป็น “ผู้ยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องมือช่างของไทย” ผ่านวิธีคิดใหม่ในโลกการผลิตและการตลาด

กลยุทธ์การวางหมากแบบ SME รู้ให้ลึก ศึกษาจากตลาดจริง

เบื้องหลังการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ OSUKA ไม่ได้เกิดจากการทุ่มงบโฆษณาจำนวนมหาศาลเพื่อสร้างการรับรู้ในชั่วข้ามคืน หรือการใช้กลยุทธ์ลดราคาแบบทำลายตลาดเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่ง สิ่งที่ขับเคลื่อนให้ OSUKA ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่น่าจับตาในวงการเครื่องมือช่างไร้สายของไทย คือการวางหมากกลยุทธ์อันชาญฉลาดที่เรียกว่า "การเข้าใจตลาดระดับรากฐาน และขยับขึ้นอย่างมีทิศทาง" 

OSUKA เริ่มต้นจากการคลุกคลีและพูดคุยกับช่างผู้ใช้หน้างานจริง เพื่อทำความเข้าใจถึงชีวิตประจำวันและความท้าทายที่พวกเขาต้องเผชิญในแต่ละวัน พวกเขาได้เรียนรู้ว่าเครื่องมือช่างแบบไหนที่ถูกใช้งานอย่างสมบุกสมบันตลอดทั้งวัน ระหว่างการทำงานที่เร่งรีบ ช่างหลายคนไม่มีเวลามาคอยเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกชั่วโมง และเจ้าของกิจการขนาดเล็กหรือผู้ประกอบการ SME เองก็ต้องการเครื่องมือช่างที่ไว้ใจได้ มีประสิทธิภาพสูง ไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุงบ่อยครั้ง ที่สำคัญราคาต้องจับต้องได้ 

จากความเข้าใจที่ลึกซึ้งนี้เอง OSUKA จึงไม่ได้มุ่งพัฒนาเครื่องมือช่าง ที่พยายามแข่งขันด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งอาจเกินความจำเป็น และมักจะมาพร้อมต้นทุนที่สูงลิ่ว แต่กลับเลือกที่จะพัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ "พอดี" กับความต้องการในปัญหานั้นๆ อย่างแท้จริง รวมไปถึง"ความเสถียร" ของการใช้งานที่ต่อเนื่อง "ความทนทาน" ที่สามารถรับมือกับการทำงานหนักได้ในระยะยาว และที่สำคัญคือ "ระบบบริการหลังการขาย" ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านค้า ผู้รับเหมา หรือแม้แต่ช่างอิสระสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่

ไม่ได้พัฒนาแค่เครื่องมือช่าง แต่มุ่งมั่นที่จะพัฒนา "ทุกสิ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้ดีขึ้น"

สิ่งที่ OSUKA ทำได้ดีและแตกต่างจากหลายแบรนด์ คือการไม่เน้นขาย "เครื่องมือ" อย่างเดียว แต่ลงทุนสร้างระบบนิเวศแบบครบวงจร ตั้งแต่แบตเตอรี่ที่ใช้งานร่วมกันได้หลายรุ่น อุปกรณ์เสริมที่ผลิตเข้ากับเครื่องมือหลัก รวมถึงศูนย์บริการหลังการขายที่มีอยู่จริง ไม่ใช่แค่ระบุไว้ในกล่อง

นอกจากนี้ OSUKA ยังให้ความสำคัญกับการสร้าง "คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน" ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ช่างและผู้ที่สนใจได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ รวมถึงพูดคุยและช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เจอในการทำงานได้อย่างอิสระ การสร้างพื้นที่แห่งการแบ่งปันนี้เป็นการยกระดับมาตรฐานการใช้งานเครื่องมือช่างในไทยให้ก้าวไปอีกขั้น

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า การเติบโตของแบรนด์ ไม่ได้เน้นแค่ยอดขายรายไตรมาสเพียงเท่านั้น แต่ตั้งใจที่จะปูรากฐานระยะยาวในฐานะแบรนด์ที่อยู่กับอุตสาหกรรมของไทยอย่างแท้จริง

เป้าหมายต่อไป ขยายฐานผู้ใช้ สร้างชื่อในระดับภูมิภาค

ในขณะที่แบรนด์ต่างชาติบางรายกำลังปรับฐานราคาให้สูงขึ้น หรือเปลี่ยนช่องทางจำหน่าย OSUKA กลับใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือกับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ เพิ่มช่องทางออนไลน์ และสร้างแบรนด์ให้ชัดขึ้นในกลุ่มตลาด B2B เช่น โรงงานขนาดเล็ก-กลาง หรือกลุ่มวิชาชีพอิสระ

พร้อมกันนี้ OSUKA ยังวางเป้าหมายระยะกลางในการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ซึ่งล้วนมีโครงสร้างตลาดเครื่องมือช่างที่คล้ายไทย และมีดีมานด์ด้านเครื่องมือไร้สายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

บทบาทใหม่ ไม่ใช่แค่ขายได้ แต่ต้องการสร้างมาตรฐาน

การที่แบรนด์ไทยสามารถเติบโตในตลาดที่มีผู้เล่นระดับโลกอยู่เต็มพื้นที่ ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าจับตามอง เพราะสิ่งที่ OSUKA กำลังแสดงให้เห็น ไม่ใช่เพียงความสามารถในการผลิตหรือจำหน่ายเท่านั้น แต่คือ “ความสามารถในการฟัง เข้าใจ และออกแบบระบบ” ที่รองรับการใช้งานได้จริงในบริบทของคนไทย

และถ้าเส้นทางนี้ยังเดินอย่างมีแบบแผนและสม่ำเสมอ ไม่แน่ว่าในอนาคต “เครื่องมือช่างสัญชาติไทย” อาจไม่ใช่แค่เรื่องของทางเลือก แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ทั้งตลาดต้องหันมามอง