สกสว. ปักหมุด “ภาคเหนือ” สานพลังวิจัยไทยใช้งานจริง จุดเริ่มต้นขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์งานวิจัย ววน. ระดับภูมิภาค เดินหน้าสร้างระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จริง ขยายผลทั่วประเทศ ผ่านวิสัยทัศน์ SRI for ALL
สู่ผลกระทบที่วัดผลได้ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และนโยบาย พร้อมต่อยอดความร่วมมือระดับประเทศและนานาชาติ
วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม 2568 อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่) ศ. ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวเปิดงาน RU Connext ครั้งที่ 1: สานพลัง วิจัยไทย ใช้งานจริง (ภาคเหนือ)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เดินหน้าสร้างระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมระดับพื้นที่ ผ่านกิจกรรม “RU CONNEXT: สานพลัง วิจัยไทย ใช้งานจริง” ครั้งที่ 1 ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 7 – 8 สิงหาคม 2568 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน การใช้ประโยชน์งานวิจัย (Research Utilization: RU) คือ “ระบบคิดและระบบปฏิบัติ” ที่เชื่อมต่อ งานวิจัย – ผู้ใช้ – ผลลัพธ์เชิงนโยบายและสังคม อย่างเป็นรูปธรรมทุกมิติ พร้อมวางระบบนิเวศงานวิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ให้เชื่อมโยงกับความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง พร้อมขยายผลสู่ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ
ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า สกสว. มุ่งมั่นยกระดับการใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จริง ไม่ใช่เพียงการพัฒนาองค์ความรู้ในเชิงทฤษฎี แต่ต้องเชื่อมโยงกับความต้องการของพื้นที่ สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกในการสร้างระบบนิเวศ ววน. ที่เข้มแข็งระดับภูมิภาค และจะขยายผลสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง ต่อเนื่องในลำดับถัดไป เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนทั่วประเทศ
สำหรับ RU CONNEXT: สานพลัง วิจัยไทย ใช้งานจริง เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ “SRI for ALL” มุ่งให้ทุกภาคส่วนของประเทศทั้งมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ มหาวิทยาลัยท้องถิ่น ภาคเอกชน หรือชุมชนสามารถเข้าถึงและร่วมสร้างคุณค่าจากวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้อย่างเสมอภาค โดยใช้กลยุทธ์ “SILK” ประกอบด้วย Synergy & Boundaryless, Intelligent SRI System, Leap Technology Investment และ Knowledge Governance เพื่อผลักดันระบบ ววน. ให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และวัดผลได้จริง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวทางการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมของกลุ่มมหาวิทยาลัยในแต่ละภูมิภาค
ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม/พื้นที่ และนโยบาย พร้อมทั้งรวบรวมผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงจากสถาบันอุดมศึกษา เพื่อนำไปต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม สู่การต่อยอดผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่โดดเด่นของสถาบันอุดมศึกษาในภูมิภาค เกิดความร่วมมือในระดับนานาชาติ หรือการสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก อันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศในภาพรวม
“สกสว. มุ่งมั่นยกระดับระบบ ววน. ให้เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศอย่างแท้จริง เรามองว่าการลงพื้นที่และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคคือกุญแจสำคัญ เพราะจะช่วยเชื่อมโยงงานวิจัยเข้ากับชีวิตจริงของประชาชน รวมถึงตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สกสว. หาเงินได้ ใช้เงินเป็น และเห็นผลกระทบชัดเจน ซึ่งจะขับเคลื่อนผ่านการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างเครือข่ายการลงทุน และกลไกความร่วมมือที่ยืดหยุ่น เปิดกว้าง และวัดผลได้จริง"ศ.ดร.สมปอง กล่าวทิ้งท้าย
ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว สกสว. ได้พัฒนา “Research Utilization Map” (RU Map) เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ในการกำหนด “กลุ่มผู้ใช้” เช่น ผู้กำหนดนโยบาย ผู้ประกอบการ และชุมชน “รูปแบบการใช้ประโยชน์” เช่น นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์/บริการ หรือออกแบบนโยบาย และ “ตัวชี้วัดผลลัพธ์” ที่วัดได้จริง เช่น ROI และระดับความพึงพอใจของผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยติดตามผลลัพธ์ของงานวิจัยอย่างเป็นระบบ และปรับปรุงการลงทุนให้ตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับผลกระทบของงานวิจัยให้วัดผลได้จริง ทั้งในมิติของนโยบาย เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต
จากงานวิจัยสู่การเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ ประกอบด้วย 3 ด้านหลัก คือ RU ด้านนโยบาย: ใช้ผลงานวิจัยขับเคลื่อนและพัฒนานโยบายสาธารณะ RU ด้านพาณิชย์: ต่อยอดงานวิจัยสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจและรายได้ และRU ด้านสังคม/ชุมชน: นำความรู้จากงานวิจัยไปถ่ายทอดสู่ชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในพื้นที่เป้าหมาย จุดเด่นของโมเดลนี้ คือการสร้างกลไก "สื่อสารสองทาง" (2-way communication) ที่เชื่อมโยงระหว่างนักวิจัยผู้สร้างองค์ความรู้ และผู้ใช้งานที่นำไปสร้างมูลค่าอย่างชัดเจน
สำหรับผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาจนสามารถนำไปใช้จริงในพื้นที่ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่น อาทิ การเชื่อมโยงคลินิกแพทย์แผนไทยประยุกต์ และสถานบริบาลผู้สูงอายุ โรงงานต้นแบบสารสกัดสมุนไพร ม.นเรศวร ศูนย์นวัตกรรมสมุนไพรต้นแบบ ม.แม่ฟ้าหลวง การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานสู่การแปรรูปเชิงนวัตกรรม ม.พะเยา ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุญาตใช้สิทธิ และผลงานวิจัยพร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ และผลงานวิจัยพร้อมใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ม.แม่โจ้ เป็นต้น
นอกจากการลงพื้นที่ในประเทศ สกสว. ยังมุ่งสู่การยกระดับการใช้ประโยชน์งานวิจัยสู่ระดับสากลผ่านโครงการ “INNOGLOBE” ที่ส่งเสริมการลงทุนระหว่างประเทศในอุตสาหกรรมฐานวิจัย เช่น AI พลังงานสะอาด เทคโนโลยีอาหาร และชีวเภสัชภัณฑ์ โดยร่วมมือกับพันธมิตรจาก จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี สหรัฐฯ และสิงคโปร์ ผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการขยายผลเชิงพาณิชย์ การลงพื้นที่ของ สกสว. จึงไม่เพียงเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ หากแต่เป็นการวางรากฐานเชิงระบบ เพื่อเปลี่ยนงานวิจัยจากเอกสารสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และสามารถขยายผลสู่ระดับประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือกับภาคเหนือในครั้งนี้ สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของ สกสว. ที่ไม่เพียงแค่ “ส่งเสริมงานวิจัย” แต่ มุ่งขับเคลื่อนให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดย ”RU CONNEXT สานพลังวิจัยไทยใช้งานจริง“ในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่พร้อมสู่การขยายผลอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค โดย สกสว. เชื่อมั่นว่าระบบ ววน. จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างผลกระทบในพื้นที่จริง ผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัยและหน่วยรับงบประมาณของกองทุน ววน.ทั่วประเทศ สานพลังภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อตอบสนองต่อบริบทที่หลากหลายในแต่ละภูมิภาคได้อย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี