การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเหมาะกับคุณไหม ? อ่านคำตอบสำหรับ 5 คำถามสำคัญ ทั้งเรื่องคุณสมบัติ ประวัติเครดิต และความแตกต่างจากการปรับโครงสร้างหนี้ได้ที่นี่

การจัดการภาระหนี้สินหลายก้อน ทั้งจากบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีกำหนดชำระ และอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกัน ถือเป็นความท้าทายทางการเงินที่สร้างความกังวลให้ใครหลายคน การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยจัดระเบียบการเงินให้ง่ายขึ้น บทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับบริการรวมยอดหนี้ พร้อมตอบ 5 คำถามสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณประเมินได้ว่าทางออกนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริงหรือไม่

รู้จัก “บริการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว” ตัวช่วยจัดระเบียบหนี้สิน

บริการรวมยอดหนี้ หรือ Debt Consolidation คือ การขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียว เพื่อนำเงินไปชำระหนี้สินเดิมทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลจากหลาย ๆ ที่ ผลลัพธ์คือเหลือภาระผ่อนชำระแค่ที่เดียว ช่วยให้การจัดการง่ายขึ้น ลดความสับสน และมักมาพร้อมกับค่างวดต่อเดือนที่ลดลง ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น และมองเห็นเส้นทางการปลดหนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

5 คำถาม-คำตอบ เคลียร์ทุกข้อสงสัยก่อนขอสินเชื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียว

เพื่อให้คุณเข้าใจสินเชื่อประเภทนี้ได้ดียิ่งขึ้น สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ ลองมาทำความเข้าใจ และดูคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับบริการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวไปพร้อมกัน

1. บริการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเหมาะกับใคร ?

บริการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีภาระหนี้หลายก้อนจากหลายสถาบันการเงิน และต้องการจัดระเบียบการชำระหนี้ให้ง่ายขึ้น โดยผู้ที่สนใจควรมีคุณสมบัติเบื้องต้นคือ มีรายได้ประจำที่แน่นอน มีประวัติการชำระหนี้ที่ดีในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และมีความตั้งใจที่จะลดภาระค่างวดต่อเดือน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของตัวเอง

2. รวมหนี้แล้วจะเสียประวัติข้อมูลเครดิตไหม ?

ไม่เสียประวัติอย่างแน่นอน หากคุณดำเนินการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ในขณะที่ยังชำระหนี้ได้ตามปกติ หรือค้างชำระไม่เกิน 90 วัน (ก่อนที่หนี้นั้นจะกลายเป็นหนี้เสีย หรือ NPL) เพราะการรวมหนี้ถือเป็นการจัดการหนี้เชิงรุก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่การแก้ปัญหาหลังจากเสียประวัติไปแล้ว

3. รวมหนี้เป็นก้อนเดียวต่างจากการปรับโครงสร้างหนี้อย่างไร ?

แม้จะเป็นการจัดการหนี้เหมือนกัน แต่ทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย “การรวมหนี้” คือการขอสินเชื่อก้อนใหม่เพื่อไปปิดหนี้เก่าทั้งหมด ทำให้คุณมีเจ้าหนี้เพียงรายเดียว ในขณะที่ “การปรับโครงสร้างหนี้” คือการเข้าไปเจรจาเปลี่ยนเงื่อนไขของหนี้ก้อนเดิมกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้โดยตรง เช่น ขอลดดอกเบี้ย หรือขยายเวลาผ่อนชำระ

4. มีหนี้หลายธนาคาร สามารถรวมหนี้ได้หรือไม่ ?

ทำได้อย่างแน่นอน เพราะนี่คือหัวใจหลักของบริการนี้ คุณสามารถขอสินเชื่อใหม่จากธนาคารหนึ่ง (Bank A) เพื่อนำเงินที่ได้รับอนุมัติไปปิดยอดหนี้สินเดิมที่มีอยู่กับธนาคารอื่น ๆ (Bank B, C, D) ได้ทั้งหมด ทำให้ภาระหนี้ที่เคยกระจัดกระจายมารวมอยู่ที่ Bank A เพียงที่เดียว ช่วยให้จัดการง่าย จ่ายสะดวก

5. สามารถรวมหนี้ได้สูงสุดเท่าไร ?

โดยทั่วไปสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะอนุมัติวงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน อย่างไรก็ตาม วงเงินที่ได้รับจริงจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาประวัติทางการเงิน ความสามารถในการชำระหนี้ และคุณสมบัติของผู้กู้แต่ละรายประกอบกัน

การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างวินัยทางการเงินหลังได้รับอนุมัติ ไม่ก่อหนี้เพิ่ม และชำระคืนอย่างสม่ำเสมอ การจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากกับดักหนี้ และกลับมามีอิสรภาพทางการเงินได้ในที่สุด

ที่มา : Krungsri The COACH