สผ. X กฟผ. ผนึกกำลังเพื่อยกระดับการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

สผ. X กฟผ. ผนึกกำลังเพื่อยกระดับการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568, 18.53 น.
Tag :

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. ณ สํานักงานใหญ่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายบรรณรักษ์ เสริมทอง เลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และนายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อการดําเนินงานด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ระหว่าง สผ. 

และ กฟผ. โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล กรรมการ กฟผ. และประธานกรรมการธรรมาภิบาลและความยั่งยืน กฟผ. เป็นประธานในพิธีลงนาม พร้อมด้วย นายทรงเกียรติ ตาตะยานนท์ รองเลขาธิการ สผ. นางกตัญชลี ธรรมกุล ผู้อำนวยการกองจัดการความหลากหลากทางชีวภาพ สผ. นายเอกรัฐ สมินทรปัญญา ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า นางรัดเกล้า พันธุ์อร่าม ผู้อํานวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ กฟผ. เจ้าหน้าที่ สผ. และเจ้าหน้าที่ กฟผ. จำนวน 80 คน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายบรรณรักษ์ เสริมทอง เลขาธิการ สผ. กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย สผ. ในฐานะหน่วยงานประสานงานกลางระดับชาติ (National Focal Point) ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดผลสําเร็จที่เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย (Thailand Biodiversity Information Facility: TH-BIF) การร่วมขับเคลื่อนพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครองหรือ OECMs เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมาย 30x30 รวมถึง การส่งเสริมความตระหนักผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนกิจกรรมการสร้างความรู้ความเข้าใจและสื่อประชาสัมพันธ์ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ พลังที่เข้มแข็งนําไปสู่การยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมความสมบูรณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน บันทึกความเข้าใจฉบับใหม่นี้มีผลลัพธ์สูงสุด คือ การหยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างสมดุลและกลมกลืนให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้และช่วยรักษามรดกความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่กับคนไทยและโลกใบนี้สืบไป



นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กล่าวว่า กฟผ. ตระหนักมาโดยตลอด ถึงความรับผิดชอบในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการรักษาความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของประเทศ จึงได้กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนในหลายด้านอาทิ การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงาน พร้อมกับการพัฒนาองค์กรให้เป็นต้นแบบด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดของเสียจากกระบวนการผลิต ควบคู่การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยได้จัดทำแผนและดำเนินกิจกรรมเพื่อปกป้อง ติดตาม และอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพในพื้นที่ปฏิบัติงานของ กฟผ. รวมถึง การร่วมเสนอพื้นที่ของ กฟผ. เป็นพื้นที่นำร่องพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (OECMs) การลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ จึงเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของ กฟผ. ที่จะสานต่อการดำเนินงานร่วมกันระหว่างสองหน่วยงาน เพื่อร่วมกันผลักดัน สนับสนุนบูรณาการการดำเนินงาน และองค์ความรู้ทางวิชาการ รวมถึง สร้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพของทั้งสองหน่วยงาน ให้สามารถบรรลุเป้าหมายของประเทศไทย และมุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไปบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อการดําเนินงานด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ระหว่าง สผ. และ กฟผ. มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือในการบูรณาการและสนับสนุนการดําเนินงานตามภารกิจด้านความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมการดําเนินงานด้านพื้นที่สีเขียวในระดับพื้นที่และระดับประเทศ และการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขีดความสามารถของระบบนิเวศและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยมีระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2568 - 2573

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top