ผนึกกำลังศูนย์เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร-เทคโนโลยีชีวภาพพัฒนานวัตกรรมอาหารฟังก์ชันและฟิวเจอร์ฟู้ด ยกระดับท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารไทยสู่อาหารสุขภาพ

ผนึกกำลังศูนย์เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร-เทคโนโลยีชีวภาพพัฒนานวัตกรรมอาหารฟังก์ชันและฟิวเจอร์ฟู้ด ยกระดับท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารไทยสู่อาหารสุขภาพ

วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 21.38 น.
Tag :

ผนึกกำลังศูนย์เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร-เทคโนโลยีชีวภาพพัฒนานวัตกรรมอาหารฟังก์ชันและฟิวเจอร์ฟู้ด (Functional & Future Food) ยกระดับท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารไทยสู่อาหารสุขภาพ

รองศาสตราจารย์ ดร. พรรณี สวนเพลง ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร (Hub of Talents in Gastronomy Tourism)  ดร.ชยพล ผู้พัฒน์ ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร. สุทธิพันธุ์ แก้วสมพงษ์ คณบดีคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์เพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (Hub of Talents for Microbial Biotechnology in Agriculture and Agro-Industry) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)


ประกาศความร่วมมือเชิงวิชาการในการพัฒนานวัตกรรมอาหารฟังก์ชันและฟิวเจอร์ฟู้ด (Functional & Future Food) เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารไทยให้เป็น “อาหารไทยในตำนาน อร่อยสุขภาพดี มีประโยชน์”โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการนำพืช ผัก และสมุนไพรท้องถิ่นมาแปรรูปเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ โดยต่อยอดด้วยนวัตกรรมพลีไบโอติกส์ (Prebiotics) และโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งเป็นสารอาหารที่ส่งเสริมจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม การวิจัยอาศัยฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากทั้งสองศูนย์เชี่ยวชาญ โดยผสานความรู้ด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเข้ากับเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่เพียงอร่อยตามตำรับดั้งเดิม แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและยั่งยืน

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังดำเนินการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของอาหารพื้นบ้านในรูปแบบ Gratro Low Carbon ซึ่งกำหนดให้เป็น “อาหารต้นทาง” ที่หาได้จากชุมชนท้องถิ่น โดยเน้นการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การแปรรูป ไปจนถึงการบริโภค ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ว่า อาหารพื้นบ้านหลายเมนู เช่น แกงส้มผักบุ้งปลาช่อน หรือยำสมุนไพรพื้นถิ่น มีศักยภาพสูงในการเป็นอาหารคาร์บอนต่ำ หากปรับปรุงกระบวนการด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น การหมักด้วยจุลินทรีย์โปรไบโอติกเพื่อเพิ่มมูลค่าและยืดอายุการเก็บรักษาไฮไลต์สำคัญคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและขนมต้นแบบ เช่น ขนมไทยผสมโพรไบโอติกจากข้าวกล้องงอกและสมุนไพร หรือเครื่องดื่มฟังก์ชันจากผักพื้นบ้านเสริมพลีไบโอติกส์ ซึ่งผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการและชุมชนนำร่อง พบว่ามีปริมาณไฟเบอร์สูง ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การพัฒนาเหล่านี้ไม่เพียงยกระดับมูลค่าเศรษฐกิจชุมชน แต่ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร โดยเชื่อมโยงตำนานอาหารไทยเข้ากับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

 

รองศาสตราจารย์ ดร. พรรณี สวนเพลง กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นการผสานพลังระหว่างวัฒนธรรมและนวัตกรรม เพื่อให้อาหารไทยไม่ใช่แค่อร่อย แต่ยังเป็นยาและเครื่องมือท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” ขณะที่ รองศาสตราจารย์ ดร. สุทธิพันธุ์ แก้วสมพงษ์ เสริมว่า “เทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์จะช่วยแปลงวัตถุดิบท้องถิ่นให้เป็นฟิวเจอร์ฟู้ด ลดการพึ่งพานำเข้า และสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ”ความร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ผู้ประกอบการและชุมชนพร้อมแผนขยายผลสู่การท่องเที่ยวเชิงอาหารทั่วประเทศ

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top