วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วิธีเตรียมทุนการศึกษาให้ลูกรักด้วย 4 ด้วยเคล็ดลับวางแผนการเงินอย่างการออม ลงทุน และใช้รถเป็นทุนสำรองฉุกเฉินรับมือเงินเฟ้อ เพื่ออนาคตที่มั่นคงของลูก
การมอบอนาคตทางการศึกษาที่ดีที่สุดให้กับลูก คือความฝันอันสูงสุดของคุณพ่อคุณแม่ทุกคน แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ท่ามกลางค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทุกปี ต้องอาศัยการเตรียมตัวและการวางแผนการเงินที่ดีตั้งแต่วันนี้ บทความนี้ได้รวบรวม 4 แนวทางสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเตรียมทุนการศึกษาให้ลูก ๆ ได้อย่างอุ่นใจ
การวางแผนการเงินสำหรับค่าเล่าเรียนหรือการศึกษานั้นยากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 3-5% ต่อปี ซึ่งหมายความว่าค่าเล่าเรียนในวันนี้ จะแพงขึ้นอีกมากในอีก 10-15 ปีข้างหน้า การออมเงินไว้ในบัญชีที่ให้ผลตอบแทนต่ำ อาจทำให้มูลค่าของเงินที่เราเก็บไว้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายจริงในอนาคต
เพื่อให้เห็นภาพเป้าหมายที่ชัดเจน เราควรประมาณการค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อใช้เป็นตัวเลขตั้งต้นในการคำนวณ
ตัวเลขเหล่านี้คือค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน อย่าลืมว่าเราต้องนำอัตราเงินเฟ้อมาคำนวณเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อให้ได้เป้าหมายทางการเงินที่แท้จริงในอีก 15 ปีข้างหน้า

เมื่อเราทราบเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการลงมือปฏิบัติ แนวทางหลักที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างอนาคตทางการศึกษาให้ลูกได้อย่างมั่นคง
หัวใจสำคัญที่สุดคือการ "เริ่มต้นให้เร็วที่สุด" เพราะยิ่งมีระยะเวลาในการออมและลงทุนนาน พลังของผลตอบแทนทบต้น ก็จะยิ่งช่วยให้เงินเติบโตได้มากขึ้น การเริ่มออมตั้งแต่ลูกแรกเกิด แม้จะเป็นจำนวนเงินไม่มากต่อเดือน ก็สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับการเริ่มออมเมื่อลูกอายุ 10 ปี ควรเลือกเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม เช่น การลงทุนในกองทุนรวม หรือการออมผ่านประกันชีวิตสะสมทรัพย์
การออมเงินหรือลงทุนจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว (ผู้ปกครอง) แผนการออมนั้นอาจจะต้องหยุดชะงักลง การทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองวงเงินทุนการศึกษา หรือประกันสะสมทรัพย์ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วย "การันตี" ได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกจะยังมีเงินก้อนสำหรับใช้ในการศึกษาต่อไปตามแผนที่วางไว้

การวางแผนระยะยาวย่อมมีความไม่แน่นอน บางครั้งครอบครัวอาจพบเหตุฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินก้อนเร่งด่วน เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือการขาดสภาพคล่องชั่วคราว ซึ่งอาจกระทบต่อแผนการออมเพื่อการศึกษา ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อทางการเงินอย่าง ทิสโก้ ออโต้แคช มักจะแนะนำให้พิจารณาสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อใช้เป็นทุนสำรองฉุกเฉิน อย่างการใช้บริการสินเชื่อที่น่าเชื่อถืออย่าง สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการเข้าถึงเงินก้อนเร่งด่วน โดยนำเล่มทะเบียนรถมาเป็นหลักประกัน เพื่อรับเงินสดไปใช้ในยามจำเป็น ทำให้แผนการศึกษาของลูกไม่สะดุด โดยที่ยังมีรถยนต์ไว้ใช้งานตามปกติ
แผนการเงินที่ดีต้องมีความยืดหยุ่น ควรมีการทบทวนแผนการออมและการลงทุนอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจสอบว่ายังสอดคล้องกับเป้าหมายหรือไม่ สถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ เมื่อลูกโตขึ้นและใกล้ถึงช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ควรปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความเสี่ยงต่ำลง เพื่อรักษาเงินต้นและผลตอบแทนที่สะสมมา
การวางแผนการเงินเพื่อการศึกษาบุตร ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยวินัยและการเริ่มต้นที่รวดเร็ว และสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อาจต้องการเงินทุนก้อนฉุกเฉินเพื่อการศึกษาของลูกในช่วงเวลาสำคัญ หรือต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องในครอบครัวโดยไม่กระทบแผนการออมหลัก ทิสโก้ ออโต้แคช ขอเสนอ สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ หรือรีไฟแนนซ์รถยนต์ ที่สามารถเปลี่ยนรถยนต์ให้เป็นเงินทุนสำรองพร้อมใช้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงของลูก
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-123-4000 หรือ แอดไลน์ @TISCOAutoCash เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเรื่องการเงินให้คุณทันที
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว | อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 12% - 24% ต่อปี
เงื่อนไขและการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี