วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568
อย. ร่วมมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) เปิดผลเฝ้าระวังอาหารเสี่ยงปนเปื้อนไขมันทรานส์ ตอกย้ำความสำเร็จของประเทศไทยในการกำจัดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหารได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมคงมาตรการเฝ้าระวังเข้มอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยอาหาร และสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน
เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า นับจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (PHOs) ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของไขมันทรานส์ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ เพื่อขจัดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการบริโภคไขมันทรานส์ที่เป็นปัจจัยเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด จนได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ไทยเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกำจัดกรดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหาร
ผลการเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ในอาหารกลุ่มเสี่ยงปนเปื้อนไขมันทรานส์จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (PHOs) ได้แก่ โดนัททอด พัฟและเพสทรี ขนมเบเกอรี่ เนยเทียม เนยขาว ครีมเทียม และเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต รวมทั้งสิ้น 546 ตัวอย่างไม่พบการใช้น้ำมันจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในผลิตภัณฑ์ใด ๆ สะท้อนถึงความร่วมมือของผู้ประกอบการและประสิทธิภาพการกำกับดูแลของภาครัฐที่สามารถคงสถานะ “ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์” ได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากลดการบริโภคไขมันทรานส์แล้ว ควรลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดและหัวใจเช่นกัน โดยควรบริโภคไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 20 กรัมต่อวัน และไขมันทรานส์ไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน และอ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (NCDs) โดย อย. จะยังคงเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ทั้งการติดตามเฝ้าระวัง การให้ความรู้ผู้บริโภค และการขับเคลื่อนความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อรักษามาตรฐานประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์และยกระดับความปลอดภัยอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนในระยะยาว
คุณทัศนีย์ แน่นอุดร รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ในส่วนของการสุ่มตรวจที่สภาองค์กรของผู้บริโภคร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สุ่มเก็บตัวอย่างไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ (Soft serve) เพื่อหาปริมาณไขมันทรานส์ เพราะเป็นสินค้าที่กำลังได้รับความนิยม และมีจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ โดยในปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่นิตยสารฉลาดซื้อเก็บข้อมูลนั้น ซอฟท์เสิร์ฟเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่มีการแข่งขันกันในท้องตลาดสูงมาก ด้วยราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย ราคาหลัก 10 บาทต่อโคน เรารวบรวมรายชื่อผลิตภัณฑ์ซอฟท์เสิร์ฟ โดยพิจารณาจากความนิยมของแบรนด์ สุ่มเลือกเก็บตัวอย่างในเดือนตุลาคม 2568 และบันทึกข้อมูลของตัวอย่าง โดยมีจำนวนไม่น้อยกว่า 15 รายการ จากร้านค้าที่จัดจำหน่ายทั่วไปในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล และนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการทดสอบที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 เพื่อตรวจหาปริมาณไขมันทรานส์ และ ไขมันรวม (total fat) ตัวอย่างซอฟท์เสิร์ฟ จำนวน 15 ตัวอย่างแสดงฉลากยี่ห้อ ดังนี้ 1. MIXUE 2. Wedrink 3. Ai-CHA 4. Dairy Queen 5. KFC 6. McDonald's 7. Mos Burger 8. Burger king 9. Tian Tian 10. Cacoa dutch 11. Minkki 12. Top Daily 13. SNOWTEE
14. BingChun และ 15. IKEA ผลการทดสอบ พบว่า
- ผลิตภัณฑ์ 15 ตัวอย่าง พบไขมันทรานส์ ตั้งแต่ 0.013 ถึง 0.242 กรัม/ 100 กรัม มีค่าเฉลี่ย 0.051กรัม/ 100 กรัม
- พบไขมันรวม (Total Fat) ตั้งแต่ 2.422 ถึง 6.205 กรัม/100 กรัม มีค่าเฉลี่ย 4.07 กรัม/ 100 กรัม
โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.chaladsue.com
อย่างที่ทราบว่าตามกฎหมายห้ามเติมไฮโดรเจน เพื่อเป็นไขมันทรานส์ แต่ไขมันทรานส์นั้นมีในธรรมชาติได้ เช่น ไขมันจากสัตว์ นม เนย ชีส ที่ผ่านมา อย. ได้ทำงานร่วมกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อหาปริมาณไขมันทรานส์ตามธรรมชาติในอาหาร หากตรวจพบไขมันทรานส์ในอาหาร อย. จะมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานในว่า ไขมันทรานส์ที่ตรวจพบในอาหารนั้นมาจากแหล่งธรรมชาติ หรือการใช้น้ำมันที่มีการเติมไฮโดรเจนบางส่วน และจากผลการตรวจสอบ ถ้ากินเพียง 1 โคน อาจจะไม่เกิน แต่ในชีวิตประจำวันนั้น เรายังได้รับไขมันทรานส์จากอาหารประเภทอื่น ๆ ด้วย แม้ว่าไขมันทรานส์ธรรมชาติจะไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจผิดต่อผู้ที่รักสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก หากรับประทานเกินหนึ่งหน่วยบริโภคต้องออกกำลังกายให้เหมาะสมด้วย
ด้านคุณโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า สภาองค์กรของผู้บริโภคเราทำงานเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค รวมทั้งสนับสนุนและดำเนินการ ตรวจสอบ เฝ้าระวังสถานการณ์ปัญหาสินค้าและบริการ แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารหรือเตือนภัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ที่อาจกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคด้วย นอกจากนี้ สภาฯ มีอำนาจตามกฎหมายในการรวบรวม และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ผลการเฝ้าระวังในครั้งนี้มีผลออกมาเป็นผลเชิงบวก พูดง่าย ๆ ถ้าไม่ดี ก็เตือนภัย แต่ถ้าดี ก็ชื่นชม บทบาทของเครือข่ายผู้บริโภคและภาคประชาสังคมในการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด การร่วมกันระหว่างภาครัฐ วิชาการและประชาสังคมในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน นับเป็นเบื้องหลังความสำเร็จที่เป็นต้นแบบให้กับประเทศต่าง ๆ ได้ เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานร่วมกัน คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือประชาชน
ในมุมมองของสภาองค์กรของผู้บริโภค เมื่อมีการออกกฎหมายเพื่อควบคุมไขมันทรานส์แล้วลดลงได้จริง การควบคุมแต่ต้นทางและการกำกับดูแลของภาครัฐอย่างจริงจัง จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี