วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การเริ่มต้นธุรกิจเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ประกอบการทุกคน ตั้งแต่การวางแผนโมเดลธุรกิจ การหาทีมงาน ไปจนถึง "การตั้งชื่อบริษัท" ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ล้วน ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในมุมมองของ กฎหมายธุรกิจ การตั้งชื่อนิติบุคคลเป็นด่านแรกที่สำคัญและมีความเข้มงวดมากที่สุดด่านหนึ่ง หลายคนตกม้าตายตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพียงเพราะละเลยขั้นตอนการเช็กชื่อจดทะเบียนบริษัท หรือที่เรียกเป็นทางการว่า "ตรวจและจองชื่อนิติบุคคล" กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) อย่างละเอียด การคิดชื่อที่ไพเราะหรือมีความหมายดีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากชื่อนั้นไปขัดต่อระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง และนี่คือ 5 ปัญหาใหญ่ที่คุณจะต้องเจอ หากคุณยื่นจดทะเบียนโดยไม่เช็กชื่อจดทะเบียนบริษัทให้ดีเสียก่อน

1. เสียเวลาฟรี เพราะโดน "นายทะเบียน" ตีกลับคำขอ
นี่คือปัญหาที่พบบ่อยที่สุดสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ยอมเช็กชื่อจดทะเบียนบริษัทก่อนยื่น เพราะกฎหมายระบุชัดเจนว่า ชื่อบริษัทจะต้อง "ไม่ซ้ำ" หรือ "ไม่คล้ายคลึง" กับนิติบุคคลที่จดทะเบียนไว้แล้ว หรือชื่อที่ถูกจองไว้ก่อนหน้า รวมถึงต้องไม่มีคำต้องห้ามตามกฎกระทรวง
หากคุณยื่นจดทะเบียนไปโดยไม่เช็ก แล้วนายทะเบียนตรวจพบว่าชื่อของคุณไปพ้องเสียง (เช่น เขียนต่างกันแต่อ่านเหมือนกัน) หรือมีความหมายใกล้เคียงจนอาจทำให้ประชาชนสับสน คำขอของคุณจะถูก ปฏิเสธทันที คุณจะต้องเสียเวลาคิดชื่อใหม่ จองใหม่ และยื่นเอกสารใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้แผนการเปิดตัวธุรกิจ (Grand Opening) ของคุณต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
2. เสี่ยงโดนฟ้องละเมิดเครื่องหมายการค้าในภายหลัง
หลายคนเข้าใจผิดว่า การจดชื่อบริษัทผ่าน DBD ได้ แปลว่าชื่อนั้นปลอดภัย 100% แต่ในทางกฎหมาย ชื่อนิติบุคคล (Company Name) กับ เครื่องหมายการค้า (Trademark) เป็นคนละส่วนกัน
คุณอาจจะจดชื่อบริษัทผ่านเพราะไม่มีใครใช้ชื่อบริษัทนี้มาก่อน แต่ชื่อนั้นอาจไปตรงกับ "แบรนด์สินค้า" ของคนอื่นที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา หากเจ้าของสิทธิ์มาพบเห็น เขาอาจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือร้องขอต่อศาลให้สั่งให้คุณเปลี่ยนชื่อบริษัทได้ ซึ่งนำไปสู่คดีความทางแพ่งที่ยืดเยื้อและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีมหาศาล
3. ติดกับดักคำสงวนและ "ข้อกำหนดพิเศษ"
กฎหมายไทยมีการสงวนคำบางคำที่ห้ามนำมาตั้งชื่อ หรือต้องได้รับอนุญาตเป็นพิเศษก่อนจึงจะใช้ได้ เช่นคำว่า "แห่งประเทศไทย", "มหาวิทยาลัย", "ธนาคาร", "เงินทุน", หรือคำที่สื่อถึงความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และหน่วยงานราชการ
หากคุณไม่ยอมเช็กชื่อจดทะเบียนบริษัทก่อนยื่น และเผลอใช้คำเหล่านี้ หรือใช้คำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี นายทะเบียนจะไม่รับจดทะเบียนแน่นอน หรือหากหลุดรอดไปได้ ก็อาจถูกสั่งเพิกถอนในภายหลัง นอกจากนี้ การใช้ชื่อภาษาอังกฤษที่ความหมายไม่ตรงกับชื่อภาษาไทยอย่างสิ้นเชิง ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่มักถูกตีกลับบ่อยครั้ง
4. ต้นทุนบานปลาย หากต้อง "เปลี่ยนชื่อ" กลางคัน
ลองจินตนาการว่าคุณหละหลวมไม่เช็กชื่อจดทะเบียนบริษัท แต่กลับจดชื่อบริษัทผ่านแบบงง ๆ สั่งทำป้ายหน้าร้าน พิมพ์นามบัตร ทำตรายางบริษัท หรือสกรีนชื่อลงบนบรรจุภัณฑ์สินค้าไปแล้วเป็นแสนบาท ทว่ ต่อมาพบว่าชื่อมีปัญหาทางกฎหมายจนต้องเปลี่ยนชื่อ
กระบวนการ "จดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคล" นั้นยุ่งยากและมีค่าธรรมเนียม ไม่ใช่แค่ค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้หลวง แต่คือต้นทุนค่าเสียหายจากการที่ต้องโละทิ้งอุปกรณ์ทางการตลาดทั้งหมด สั่งทำตรายางใหม่ แก้ไขสัญญาต่าง ๆ กับคู่ค้า และแจ้งเปลี่ยนข้อมูลกับธนาคารและสรรพากร ซึ่งถือเป็นความเสียหายทางธุรกิจที่ไม่ควรเกิดขึ้น
5. สูญเสียโอกาสบนโลกออนไลน์ (Digital Footprint Issues)
ในยุคดิจิทัล ชื่อบริษัทมักจะผูกติดกับ Domain Name (เว็บไซต์) และ Social Media Handle หากคุณรีบจดชื่อบริษัทโดยไม่เช็กความพร้อมในโลกออนไลน์ คุณอาจพบว่าชื่อบริษัทที่คุณเพิ่งจดทะเบียนไปนั้น มีคนจด .com หรือ .co.th ไปแล้ว หรือมีเพจ Facebook ที่ใช้ชื่อเดียวกันและมีผู้ติดตามหลักแสน
การที่ชื่อบริษัทไม่ตรงกับชื่อเว็บไซต์ หรือไปซ้ำกับเพจอื่น จะสร้างความสับสนให้กับลูกค้าอย่างมาก และทำให้ความน่าเชื่อถือของธุรกิจลดลง การกู้คืน Branding กลับมานั้นยากกว่าการเริ่มต้นด้วยชื่อที่เคลียร์ตั้งแต่แรก
การตั้งชื่อบริษัทไม่ใช่แค่เรื่องของศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ แต่เป็นเรื่องของ "นิติศาสตร์" ที่ต้องอาศัยความรอบคอบ การสละเวลาเช็กชื่อจดทะเบียนบริษัทผ่านระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) และตรวจสอบข้ามไปยังฐานข้อมูลเครื่องหมายการค้า เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ Corporate Legal Officer แนะนำให้ทำก่อนเสมอ เพื่อป้องกันปัญหา "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" ในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี