"สสส.ลั่น!" ปี69ไม่ยอมให้เด็กไทยตกเป็นเหยื่อ 'ย้ำ' ตรวจสอบงบเข้มทุกบาท พร้อมงัดไม้เด็ดสู้ "กลยุทธ์ซ่อนรูป" อุตสาหกรรมทำลายสุขภาพ

วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 15.02 น.
Tag :

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารล้นทะลักและเทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ "สุขภาพ" ของคนไทยไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่การกินดีอยู่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับ "ภัยเงียบ" ที่ปรับตัวเก่งยิ่งกว่าไวรัส นั่นคือกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมปัจจัยเสี่ยง (บุหรี่ไฟฟ้า สุรา และการพนัน) ที่มุ่งเป้าไปที่ "เด็กและเยาวชน" อย่างเข้มข้น

คุณรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก (สำนัก 1) สสส. ได้สะท้อนภาพการทำงานที่ต้องปรับตัวอย่างขนานใหญ่ โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่ปี 2569 ที่ความโปร่งใสและประสิทธิภาพการทำงานต้องเดินคู่ไปกับนวัตกรรมการสื่อสาร


"ธรรมาภิบาล" หัวใจหลักของการบริหารงบประมาณ

หนึ่งในประเด็นที่สังคมมักตั้งคำถามคือ "ความโปร่งใส" ในการกระจายงบประมาณ คุณรุ่งอรุณยืนยันว่า สสส. มีกลไกการตรวจสอบที่รัดกุมและเป็นมาตรฐานสากล โดยเฉพาะโครงการที่มีวงเงินเกิน 20 ล้านบาท จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการประเมินผลจากภายนอกเข้ามาประกบ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินทุกบาทถูกใช้อย่างคุ้มค่า

นอกจากนี้ ยังมีระบบการตรวจสอบที่ครอบคลุม 3 มิติหลัก ได้แก่:

  1. การตรวจสอบการใช้จ่ายเงิน : มุ่งเน้นความถูกต้องตามมาตรฐานการสอบบัญชี
  2. การตรวจสอบภายในโครงการ : เพื่อเพิ่มคุณค่าและปรับปรุงการทำงานของผู้รับทุนผ่านกระบวนการบริหารความเสี่ยง
  3. การประเมินผลสัมฤทธิ์ : วัดความคุ้มค่าทางสังคมในลักษณะการลงทุนเชิงป้องกัน ซึ่งช่วยให้รัฐประหยัดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลได้มหาศาลในระยะยาว

สงครามข้อมูล : เมื่อ AI และการบิดเบือนกลายเป็นความท้าทายใหม่

ความท้าทายที่น่ากังวลที่สุดในปี 2569 คือการแพร่กระจายของ "ข้อมูลบิดเบือนด้านสุขภาพ" (Health Misinformation) โดยเฉพาะการใช้ AI สร้างเนื้อหาที่ทำให้ดูเหมือนว่าปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง เช่น บุหรี่ไฟฟ้า มีอันตรายน้อยกว่าความเป็นจริง

คุณรุ่งอรุณย้ำว่า สสส. จะไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ให้ความรู้แบบเดิมๆ อีกต่อไป แต่จะต้องสร้าง “ระบบนิเวศข้อมูลที่ถูกต้อง” และยกระดับ “ความรอบรู้ทางสุขภาพ” (Health Literacy) ให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันในการกรองข้อมูลที่ซับซ้อนเหล่านี้

อุตสาหกรรมล่าเหยื่อ : กลยุทธ์ที่มุ่งเป้าเด็กและเยาวชน

สิ่งที่น่าจับตาและต้องเฝ้าระวังอย่างที่สุดคือ "กลยุทธ์อุตสาหกรรมล่าเหยื่อเด็ก" ซึ่งใช้ช่องทางที่เข้าถึงง่ายแต่ควบคุมยาก เช่น เกมออนไลน์, Social Media และการใช้ Micro-influencer ที่เน้นการสร้างภาพลักษณ์ให้ปัจจัยเสี่ยงกลายเป็นเรื่องทันสมัยและเข้าถึงง่าย

"เราพบว่ามีการใช้กลยุทธ์ซ่อนรูปเพื่อเข้าถึงเด็กผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งเป็นการทำงานที่ยากกว่าเดิมมาก เพราะไม่ได้มาในรูปแบบโฆษณาตรงๆ แต่มาในรูปแบบของไลฟ์สไตล์" ผู้อำนวยการสำนัก 1 ระบุ

ผลสำเร็จที่จับต้องได้ : จาก "งดเหล้าเข้าพรรษา" สู่ความยั่งยืน

แม้จะมีความท้าทายใหม่ๆ แต่บทเรียนจากอดีตอย่างแคมเปญ "งดเหล้าเข้าพรรษา" ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน (ปี 2568) แสดงให้เห็นถึงพลังของการทำงานเชิงเครือข่าย ผลประเมินล่าสุดพบว่าสามารถสร้างแรงกระเพื่อมในระดับนโยบายและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ในช่วงหลังจะมีปัจจัยแทรกซ้อนที่ทำให้สถิติแกว่งตัวบ้าง แต่ภาพรวมยังคงชี้ให้เห็นว่าการรณรงค์ที่ต่อเนื่องสามารถ "เซฟ" ชีวิตและงบประมาณของชาติได้จริง

ก้าวต่อไปสู่ปี 2569

ทิศทางของ สสส. ในปี 2569 จึงไม่ใช่แค่การตั้งรับ แต่คือการรุกเข้าสู่พื้นที่ที่อุตสาหกรรมปัจจัยเสี่ยงพยายามยึดครอง การสร้างเครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่และเหล้า การใช้ข้อมูลจริงมาหักล้างความเชื่อผิดๆ และการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จะยังคงเป็นอาวุธสำคัญ

ท้ายที่สุด "เป้าหมาย" ของ สสส. ไม่ใช่แค่การทำงานให้บรรลุตัวชี้วัดตามเอกสาร แต่คือการทำให้มั่นใจว่าเยาวชนไทยรุ่นถัดไปจะเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี และมีความเข้มแข็งพอที่จะไม่ตกเป็น "เหยื่อ" ของกลยุทธ์ทำลายสุขภาพในโลกดิจิทัล

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top