พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระราชทาน "ห้องตรวจหาเชื้อ" แห่งที่ 15 ให้ "โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ" เพื่อปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ให้ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19
วันที่ 4 มิถุนายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน "ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)" ภายใต้ “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” ให้กับ “โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ” อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นแห่งที่ 15 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจี ดำเนินการก่อสร้างให้ 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเสริมความพร้อมหากมีสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวมีการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมมีระบบฆ่าเชื้อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคโดยสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้ในเวลาเพียง 3 วัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่มาตรวจรักษา ยังความปลื้มปีติแก่บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
โดยพิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อในครั้งนี้ มี พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือโท วิชัย มนัสศิริวิทยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พลเรือตรี เกิดศักดิ์ วีระโยธิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ นายเสรี เจตสุคนธร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี, แพทย์หญิง ลานทิพย์ เหราปัตย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรค เขต 6 ชลบุรี, นายอนุชา อินทศร นายอำเภอสัตหีบ, นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเอสซีจี ร่วมพิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ ณ อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ รวม 20 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
กองทัพเรือ จังหวัดชลบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพสกนิกรทุกหมู่เหล่าต่างซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้รับมอบห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ นับเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลกับทางจังหวัดที่จะนำไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นแนวหน้า เพื่อให้มีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต่อไป ซึ่งการได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) ในครั้งนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ อันเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มาจากพัทยาและโรงพยาบาลใกล้เคียงการตรวจหาเชื้อจากผู้ป่วยเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์
โดยห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) จะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากการติดเชื้อและให้ความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี และถ้าหากสถานการณ์โควิด-19 เบาบางลงยังสามารถใช้สำหรับตรวจสอบเชื้อวัณโรคและโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้อีกด้วย
สำหรับห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งได้ออกแบบให้มีระบบที่จะช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย มีระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ภายในอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มากขึ้น โดยนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า–ออก ตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย
ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่องโดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจพร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต และยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว
ทั้งนี้ โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้รับพระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดย “เอสซีจี” ได้แก่ 1.โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 2.โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 3.โรงพยาบาลกลาง 4.สถาบันโรคทรวงอก 5.สถาบันบำราศนราดูร 6.โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก 7. โรงพยาบาลตำรวจ 8.โรงพยาบาลราชบุรี 9.โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 10.โรงพยาบาลนครปฐม 11.โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ 12.โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ 13.โรงพยาบาลนครพิงค์ 14.โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา 15. โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ 16.โรงพยาบาลอุดรธานี 17.โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ 18.โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี 19.โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และ 20.โรงพยาบาลหาดใหญ่
ต่อมาในเวลา 09.30 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางต่อไปยังอาคารพิเคราะห์และบำบัดโรค เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยา และห้องผ่าตัดแรงดันลบ ซึ่งห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยานั้น โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ได้มีการพัฒนาศักยภาพการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ในการขยายห้องปฏิบัติการในการตรวจยืนยันเชื้อ ด้วยวิธี Real Time RT-PCR ซึ่งเป็นการบริการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่าง ที่สงสัยติดเชื้อโดยตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อได้ผลอย่างแม่นยำ สามารถรายงานผลภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้เกิดความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการรักษา นับเป็นห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยาที่ได้รับการรับรองในภาครัฐเขตต่างจังหวัด 1 ใน 112 แห่งของประเทศ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้วันละประมาณ 500 ตัวอย่าง รองรับพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง
ในส่วนของห้องผ่าตัดแรงดันลบนั้น เป็นห้องผ่าตัดที่ใช้แยกผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ออกจากผู้ป่วยรายอื่นในโรงพยาบาลมีความดันอากาศภายในห้องต่ำกว่าภายนอก ซึ่งตามปกติอากาศจะไหลจากที่ที่มีความดันอากาศสูงกว่าไปหาที่ที่มีความดันอากาศต่ำกว่า นั่นหมายความว่า อากาศภายในห้องผู้ป่วยซึ่งถูกทำให้มีความดันต่ำกว่าจะไม่ไหลออกจากห้องเมื่อมีการเปิด-ปิดประตู และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากในห้องไปสู่บริเวณอื่น ๆ ในสถานพยาบาล ซึ่งนอกจากจะป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 หรือ เชื้อ `COVID – 19 ได้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้กับโรคที่ติดต่อทางอากาศได้ เช่น ผู้ป่วย วัณโรคปอด ซึ่งมีโอกาสติดผู้ป่วยคนอื่น ๆ และบุคลากรของโรงพยาบาลได้ง่ายหากไม่มีการแยกห้องที่ถูกต้อง