พสกนิกรรอเฝ้าฯรับเสด็จ
เสื้อสีเหลืองแน่นวัดพระแก้ว
รวมพลังไทยปกป้องสถาบัน
‘บิณฑ์-วรงค์’ผนึกกำลังนำทัพ
เตือนอย่าคิดจาบจ้วงเด็ดขาด
‘ไทยภักดี’ชี้ม็อบราษฎรใกล้จบ
มวลชนเสื้อเหลืองร่วมเฝ้าฯรับเสด็จหน้าวัดพระแก้ว แสดงพลังปกป้องสถาบัน พระเอก “บิณฑ์” ลั่นคิดต่างการเมืองไม่ขัด แต่ย่ำยีสถาบันไม่ยอมแน่นอน พร้อมเดินสายทั่วไทยปกป้องด้วยบริสุทธิ์ใจ ซัด 10 ข้ออ้างปฏิรูปจ้องล้มล้างชัดๆ ด้าน “หมอวรงค์” เผย“เกมใกล้จบแล้ว”วอนทุกฝ่ายใจเย็นๆ อดทนต่อสิ่งยั่วยุ“กลุ่มไทยภักดี” แถลงการณ์ 14 เหตุผล ค้านแก้รธน.-ตั้งส.ส.ร.ปิดทางนักการเมืองเหิมเกริม-ทำทุจริตซัดบางพรรค
แอบหลังม็อบคิดการใหญ่ ด้าน รมว.ดิจิทัล ส่งข้อมูลให้ตำรวจดำเนินคดีกับนักเลงคีบอร์ดมือบอน ปั่นกระแสความวุ่นวายกว่า2พันราย“ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง”ยังไม่ฟื้น ตำรวจรอเช็คบิลเพียบ
เวลาประมาณ15.00น.วันที่ 1พฤศจิกายน ที่บริเวณศาลหลักเมืองใกล้กับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี พร้อมกลุ่มไทยภักดี ได้เดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต) โดยให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มีพี่น้องประชาชนหลายจังหวัดจำนวนมากมาร่วมรับเสด็จ ด้วยความรักความผูกพันของประชาชนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เราเชื่อว่าปรากฎเหล่านี้มีผลทางจิตวิทยา จะทำให้สถานการณ์การเมืองต่างๆเริ่มกลับมาสู่ปกติ เพื่อบ่งบอกให้ฝ่ายที่ล้มล้างสถาบันฯรู้ว่าประชาชนไทยมีความผูกพัน จงรักภักดี ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญ เรามองว่าเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับสถาบันฯ เพราะมีคนจ้องที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ และการล้มล้างดังกล่าวจะนำไปสู่การจาบจ้วง ทำลายพระราชอำนาจของสถาบันฯ เนื่องจากไม่เพียงแต่ในหมวดที่ 1-2 เท่านั้น แต่ในหมวดอื่นๆก็มีพระราชอำนาจของสถาบันฯอยู่หลายมาตรา จึงเป็นสิ่งที่เรากังวลใจ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถ้าดูในสาระแล้ว มันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า การที่เขาต้องการจะแก้ไขเพื่อการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ตนยังมองไม่ออกว่าประชาชนจะได้อะไร มีแต่การแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง
ด้าน นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดัง ที่เดินทางมาร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จเช่นกัน กล่าวว่า ประชาชนมาร่วมในครั้งนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ เราไม่ได้ออกมาเพื่อเข้าข้างใดข้างหนึ่ง เราอยู่กับสถาบันฯ เราคือสีแห่งความจงรักภักดี ยืนยันว่าตน และนายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ น้องชาย ไม่เคยไปข้องแวะเกี่ยวกับการเมืองหรืออะไรทั้งนั้น แต่วันนี้เราต้องแสดงจุดยืนของเรา เนื่องจากสถาบันฯถูกย่ำยี จาบจ้วง มากมายเหลือเกิน นี่คือพลังของพวกเรา อยากให้เขารู้ว่าประชาชนชาวไทยทุกคนยังต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่
‘บิณฑ์’ยันไม่มีการจัดม็อบชนม็อบ
เมื่อถามว่า จะไม่มีการม็อบชนม็อบใช่หรือไม่ นายบิณฑ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่ใช่นักปลุกม็อบ หรือตั้งม็อบขึ้นมา ตนไม่มีอย่างนั้น ตนไม่มีเงินทุนที่จะไปจ้างม็อบมา และไม่มีเจตนาที่จะเอาม็อบมาชนม็อบ เราจะออกมาแต่ละครั้งต้องมีเหตุผล อย่างไรก็ตามขณะนี้มีหลายจังหวัดติดต่อตนเข้ามา แต่ตนบอกว่าจังหวัดไหนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง มีเจตนาที่บริสุทธิ์ในการออกมาปกป้องสถาบันฯ แล้วมีการร้องขอเข้ามา ตนพร้อมไปยืนเคียงข้างทันที ไปร่วมกันทุกจังหวัด ทุกอำเภอ
“คนที่คิดต่างน่าจะทางการเมือง ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แต่อย่ามาคิดต่างเรื่องสถาบัน ผมไม่ยอมเพราะมันไม่มีเหตุผลใดๆที่จะมาปฏิรูป ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะมาล้ม สถาบัน ถ้าคิดต่างทางการเมืองโอเค มาสู้กันได้ แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้มีศัตรูกับใคร ตนออกมาปกป้องสถาบัน เพราะฉะนั้นอย่าทำเลย อย่าทำให้คนไทยต้องโมโห ต้องรู้สึกว่าโดนเหยียบย่ำยี กับสิ่งที่เขาเขิดชูและรักมาหลายร้อยปี ผมดู10ข้อที่ว่าจะปฏิรูปสถาบันแล้ว มันไม่ใช่ปฏิรูป นั่นคือการล้มล้าง” นายบิณฑ์ กล่าว
กลุ่มไทยภักดีค้านแก้รัฐธรรมนูญ
กลุ่มไทยภักดี ที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ออกแถลงการณ์ เรื่องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่โดยตั้ง ส.ส.ร. มีเนื้อหาดังนี้ตามที่มีพรรคการเมือง นักการเมือง มีแนวคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อนำไปสู่การตั้งส.ส.ร.และยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ กลุ่มไทยภักดีได้ติดตาม และมีข้อสังเกตที่อยากเรียนให้ ประชาชนซึ่งเป็นผู้สถาปนา รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นี้ 16.8 ล้านเสียงได้ทราบนั่นคือ พรรคการเมืองและนักการเมือง มองว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหา คือบทเฉพาะกาลในมาตรา 272 ที่ให้อำนาจสว.เลือกนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรก
ในทางปฏิบัติ มาตรานี้ผ่านประชามติและเป็นบทเฉพาะกาล อีกประมาณ 3 ปีก็จะสิ้นสุด หากคนกลุ่มนี้มองว่ามาตรานี้มีปัญหา ทำไมไม่เสนอแก้มาตรานี้มาตราเดียวแต่กลายเป็นว่า นำมาอ้างเพื่อต้องการล้มล้างรัฐธรรมนูญนี้ทั้งฉบับ ซึ่งกลุ่มไทยภักดี ขอเชิญชวนประชาชน ที่เป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่วมกันปกป้อง คัดค้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยเหตุผล
รธน.ผ่านการลงประชามติ16.8ล้านเสียง
1.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านการลงประชามติเสียงข้างมากของประชาชน 16.8 ล้านเสียง ซึ่งถือว่าเป็นการใช้อำนาจอธิปไตย โดยตรงของประชาชน และถือว่าเป็นอำนาจสูงสุด ที่นักการเมืองต้องเคารพ
2.ถ้ายอมให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะนำไปสู่การต้องร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอีก 10 ฉบับ เท่ากับว่าจะต้องร่างกฎหมายใหม่ทั้งสิ้น 11 ฉบับ ทำให้ง่ายแก่การซุกประโยชน์ของนักการเมือง 3.มีพรรคการเมืองบางพรรค อาศัยการล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่ ในครั้งนี้นำไปสู่การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์และแบ่งแยกประเทศ โดยอาศัยม็อบมาร่วมกดดัน
4.จุดเด่นของรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ การปราบโกง โดยเฉพาะคดีอาญาไม่หมดอายุความ และการพิจารณาคดีลับหลังหากจำเลยหนี ซึ่งอยู่ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มีคดีทุจริตถูกตัดสิทธิ์สมัครส.ส.ตลอดชีวิต ซึ่งนักการเมืองไม่ชอบ 5.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สามารถป้องกันส.ส.มาผลาญงบประมาณแผ่นดิน ปีละสามถึงสี่หมื่นล้านบาท เพราะในอดีตรัฐธรรมนูญไม่เข้มงวด แต่ฉบับนี้ทั้งรัฐมนตรีและส.ส.ถ้าถูกจับได้มีความผิด ต้องถูกถอดถอน
มีการเลือกตั้งที่คุมเข้ม
6.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ใช้ระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียว ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้ ตระกูลนักการเมือง นักการเมืองเก่าแก่ที่เป็นเจ้าถิ่น เจ้าพ่อ นักเลง พ่อค้าหวย ค้ายาประจำจังหวัดค่อย ๆถูกทำลายและมีโอกาสได้นักการเมืองคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ดังที่เห็นในปัจจุบัน 7.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะช่วยทำลายการตั้งมุ้งกลุ่มการเมืองเพื่อมาต่อรอง ตำแหน่งและผลประโยชน์ของตนเอง ดังจะเห็นชื่อมุ้งการเมืองในอดีต ที่มีบทบาทสำคัญ แทบจะหายไปในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน 8.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะทำให้การซื้อตัวส.ส.ช่วงยุบสภา หรือหมดวาระสภา ลดลงไปมาก เพราะอิทธิพลส่วนใหญ่จะมาจากหัวหน้าพรรค นโยบายพรรค กระแสพรรคเป็นตัวนำ 9.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะช่วยลดอิทธิพลของนายทุนเจ้าของพรรค ที่จะกำหนดลำดับส.ส.บัญชีรายชื่อตามเงินบริจาค หรือแม้แต่การจะชี้ตัวผู้สมัครส.ส.เขต เพราะอำนาจนี้จะถูกโอนมาให้ประชาชน ที่เป็นสมาชิกพรรคตัดสิน ผ่านการทำ Primary โหวต
10.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะเพิ่มอำนาจการต่อรองให้ประชาชน และพรรคการเมืองไม่สามารถมาขู่ประชาชนได้ว่าจังหวัดไหนไม่เลือกไม่ได้งบ เพราะทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำและมีความหมาย 11.ถ้าสว.หมดวาระตามบทเฉพาะกาล จะได้สว.ที่มีความเป็นอิสระ เพราะสว.จะมีการเลือกตั้งจากประชาชนกลุ่มอาชีพ ยากที่พรรคการเมืองจะมาครอบงำ เหมือนสว.ในชุดเก่า ที่ต้องอาศัยฐานเสียงพรรคการเมือง การเกิดเผด็จการรัฐสภาเช่นในอดีตจึงไม่มีโอกาสเกิดขึ้น 12.การต้องร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ รวม 11 ฉบับ มีโอกาสที่จะถูกยัดไส้ด้วยภาษากฎหมาย เพื่อนำไปสู่การนิรโทษกรรมตามมา โดยที่ประชาชนตามไม่ทัน เนื่องจากส.ส.ร. จะมีความใกล้ชิดพรรคการเมือง
รธน.ปกป้องผลประโยชน์ชาติ
13.เหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่พบว่าปัญหาของรัฐธรรมนูญนี้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน กลับกลายว่ารัฐธรรมนูญนี้ ช่วยปกป้องประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
14.ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ประชาชนยังยากลำบาก ควรจะประหยัดงบประมาณ 15,000 ล้านบาท ในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชน น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
“นี่คือเหตุผลสำคัญ ที่พวกเราประชาชนทุกคน ต้องช่วยกันปกป้องรักษารัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับนี้ และหากปล่อยให้มีการแก้ไข โดยเฉพาะระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ จะนำไปสู่ปัญหาเดิมๆของประเทศ และเป็นผลเสียต่อประชาชนมากกว่า เปิดโอกาสให้รัฐธรรมนูญนี้ได้ทำหน้าต่อไป หากดำเนินไปแล้วพบปัญหาใดๆ ในการปกป้องประโยชน์ของประชาชน จึงค่อยมาแก้ไขรายมาตรา และแจ้งเหตุผลให้ประชาชนได้ทราบ”
‘หมอวรงค์’ชี้เกมใกล้จบแล้ว
ก่อนหน้านี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี กล่าวว่า ช่วงนี้เราต้องอดทนต่อสิ่งที่ถูกยั่วยุต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างกำลังใกล้จะจบเรียบร้อย ขอให้ทุกคนสบายใจ ตนเชื่อว่าเรามีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่มีผลต่อประเทศชาติ และแผ่นดินของเรา เนื่องจากมีนักการเมืองไม่หวังดีจ้องล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้และยังเกี่ยวโยงถึงสถาบันด้วย ดังนั้นพวกเราทุกคนต้องออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่เป็นของประชาชน ถ้าเราปกป้องรัฐธรรมนูญได้ เกมนี้ก็ใกล้จบ อนาคตที่ดีของลูกหลานจะกลับมา
กลุ่มอาชีวะฯ-ดารา-คนดังพรึ่บ
เวลา 15.30น.ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม บรรยายากาศรเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เป็นไปด้วยความคึกคัก ประชาชนร่วมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง พร้อมประดับประดาด้วยธงชาติ และชูพระบรมฉายาลักษณ์เรียงราย มีการจับจองที่นั่งรอบถนนหน้าพระลานและตลอดแนวถนนราชดำเนินใน
เวลา 15.35น.กลุ่มศิษย์เก่าอาชีวะปกป้องสถาบัน เดินขบวนเข้าร่วมรับเสด็จ ก่อนตัวแทนกลุ่มจะออกมากล่าวคำปฏิญาณตน ว่าจะปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา สถาบัน ปกป้องราชวงศ์ชั่วชีวิตสืบไป ก่อนจะจัดขบวนหันหน้าไปยังวัดพระแก้ว และคุกเข่าถวายบังคมกลางถนนราชดำเนินในพร้อมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ยังมีบุคคลมีชื่อมากมายทยอยเข้าร่วม เช่น นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ เสี่ยโป้ ก็ได้เดินทางมาร่วมรับเสด็จ หลังก่อนหน้านี้ ศาลอนุมัติให้ประกันตัวในคดีร่วมกันพยายามฆ่า และความผิดในคดีอาวุธปืน ที่ร้านนวดย่านฝั่งธนบุรี โดยได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม พากันเข้ามาขอถ่ายรูป และตะโกน “เสี่ยโป้สู้ๆ” เป็นระยะ รวมถึง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศิวิไล ก็มาร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังมีดาราหลายคนเข้าร่วมรับเสด็จฯ เช่น ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ โพสต์ภาพระหว่างรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีเพื่อนศิลปินดารา ประกอบด้วย นิติพล ห่อนาค ไปรมา รัชตะ โอ-อนุชิต -นก-สินจัย เสรี วงษ์มณฑา เป็นต้น
ทำผิดพรบ.คอมพิวเตอร์เพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนพวกที่มีการเชิญชวนให้มีการเตรียมโพสต์ภาพ คลิป และเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันหลักของประเทศ
“วันนี้จากที่เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบ พบว่า มีกลุ่มคนบางกลุ่มได้ใช้โซเชียลมีเดียเชิญชวนให้มีการเตรียมโพสต์ภาพ คลิป และเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันหลักของประเทศ ซึ่งถือว่ามีความผิดอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
จึงขอแจ้งเตือนให้ระมัดระวัง ใช้สติก่อนใช้โซเชียล ไม่โพสต์ภาพและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่จะติดตามและดำเนินคดีทั้งผู้ที่โพสต์คนแรก รวมถึงผู้ที่แชร์ ส่งต่อข้อความที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจังเด็ดขาดทุกราย”
และล่าสุดได้โพสต์ข้อความอีกว่าโดยระบุว่า กระทรวงดิจิทัล ทำจริง ทำแล้ว ทำทันที
#เดินหน้ายื่นศาล-แจ้งความคนโพสต์ละเมิดสถาบันกว่า 1,887 URLs เร่งเอาผิดต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ปท.)และกองกฎหมาย กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม รายงานสรุปการติดตามการกระทำผิดกรณีใช้สื่อสังคมออนไลน์ละเมิดสถาบันหลักของประเทศ ช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1กันยายน จนถึง 29 ตุลาคม 2563 พบการกระทำความผิดผ่านแพลตฟอร์ม Facebook,YouTube, Twitter และเว็บไซต์อื่นๆ จำนวนรวม 1,887 URLs
โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการยื่นขออำนาจศาลและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางคดีอาญาไปแล้ว ล็อตแรกจำนวนหนึ่ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคง เร่งดำเนินการส่งหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนส่งศาลพิจารณาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
”ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง”ยังป่วย
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเดินทางมาที่รพ.พระรามเก้า เพื่อพูดคุยเจรจากับทางตำรวจ กรณีจะมาอายัดตัวแกนนำคณะราษฎร โดยนายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ทราบว่า ตอนนี้มีตำรวจจาก สภ.เมืองอุบลราชธานี มารอจะนำตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ไปดำเนินคดี ตาม.มาตรา 116 กรณีไปปราศรัยที่ จ.อุบลราชธานี รวมทั้ง มีตำรวจจากสภ.เมืองระยอง มารออายัดตัวนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ กรณีไปชูป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วนกรณี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ถูกอายัดตัว จากสน.ปทุมวัน และคุมขังไว้ที่นี่ขณะรักษาตัว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเฝ้า เนื่องจากเป็นช่วงฝากขัง จะขังไว้ที่ไหนก็ได้
ส่วนกรณีหมายจับของเพนกวิน ที่สภ.อุบลราชธานี ตามหลักไม่มีสิทธิมาจับแล้ว เพราะเพนกวิน มอบตัวไปแล้วที่ ตชด.ภาค1 รวมถึง ได้ให้การพิมพ์ลายนิ้วมือไปแล้ว หมายจับจึงสิ้นผลไปตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ส่วนหมายจับของนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ ที่ จ.ระยอง เนื่องจากยังไม่เคยแจ้งข้อกล่าวหา จึงยังไม่สิ้นผล สำหรับอาการของเด็กทั้งสามคน สภาพไม่พร้อมเดินทาง และทางแพทย์บอกว่า ให้พักรักรักษาตัวอีก 2-3 วัน ซึ่งอาการป่วยเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งสามคนมีโรคประจำตัว ตัวน.ส.ปนัสยา มีอาการขาดน้ำ เป็นไมเกรน ตัวเพนกวิน เป็นหอบหืด มีรอยบาดเจ็บจากกระจกค่อนข้างเยอะ และมีอาการอักเสบ ส่วนนายภาณุพงศ์ มีอาการต้องตรวจสอบทางสมอง ตอนนี้ยังคงให้น้ำเกลือและพักพื้นอยู่ อย่างไรก็ดี หลังจากเด็กๆ ได้พักฟื้นหายจากอาการป่วย ก็พร้อมไปต่อสู้ตามกฎหมายอยู่แล้ว
นายกฤษฎางค์ กล่าวด้วยว่า ตนกำลังจะขึ้นไปคุยกับตำรวจก่อนว่า ทางตำรวจจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะนำตัวไมค์-ภาณุพงศ์ ไปหรือไม่ หรือจะให้พักรักษาตัวที่นี่ แต่ดูทีท่าแล้วคิดว่าตำรวจอยากนำตัวไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้เวลาคุยกับตำรวจประมาณ 1ชม.หากได้ข้อสรุปจะบอกสื่อมวลชนอีกครั้ง
ตำรวจบอกทำตามกฎหมาย
วันเดียวกัน พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผกก.สน.ประชาชื่น แถลงชี้แจงกรณีเหตุการณ์ควบคุมตัวแกนนำกลุ่มราษฎร 3 ราย คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง มาไว้ที่ สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ต่อเนื่อง 31 ตุลาคม ว่า ทุกอย่างทำตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ ทำตามหลักยุทธวิธี ไม่มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้พันธนาการน้องทั้ง 3 คน เพราะเราไม่ได้ควบคุมเขาในฐานะผู้ต้องหา เพียงแต่รับตัวมาตามที่มีการแจ้งอายัดตัวไว้ ขณะที่ น.ส.ปนัสยา ก็ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน ยอมขึ้นรถมาแต่โดยดี
จ่อเล่นงานพวกทุบรถตำรวจ
พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า กรณีแกนนำได้ปราศรัยในพื้นที่ สน.ประชาชื่น นั้น เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ โดยอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับแกนนำที่ปราศรัยต่อไป ส่วนกรณีผู้ชุมนุมทุบทำลายรถคุมขังนั้น พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ ว่า กระจกของรถถูกทุบทำลายรอบคัน ซึ่งทางกองพิสูจน์หลักฐานได้มาเก็บหลักฐานเพื่อนำไปประกอบสำนวนแล้ว การกระทำดังกล่าวเบื้องต้นมีความผิดชัดเจน คือ ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 138,140 ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ มาตรา358และข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน มาตรา 295,296 ส่วนกรณีมีการกล่าวอ้างว่าตำรวจชนรถจักรยานยนต์ของประชาชน พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ ชี้แจงพร้อมนำคลิปวีดีโอเหตุการณ์มาอธิบาย ว่า รถคันดังกล่าวถูกนำมากีดขวางรถตำรวจไม่ให้สัญจรไปต่อได้ หลังจากนั้นมีรถ จยย.อีกหนึ่งคันมาจอดด้านข้าง ทำให้ตำรวจต้องเบี่ยงรถออกทางด้านขวา ทำให้จักรยานยนต์ที่จอดขวางไว้ล้มลง ซึ่งผู้ที่ขับรถตำรวจไม่ทราบว่ามีรถขวางอยู่และถูกลากติดมาด้วย ส่วนรายละเอียดอื่นๆอยู่ในสำนวนยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ผู้ชุมนุมไม่เคยชนะอำนาจรัฐ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ระบุว่า ช่วงนี้ ศาลยุติธรรมทำงานหนัก หลายเรื่องคำสั่งศาลออกมาดีครับ เช่น การยกคำร้องฝากขังผู้ต้องหากรณีการชุมนุมประท้วงรัฐบาล หรือการอนุญาตให้ฝากขังได้ตามความจำเป็นแห่งการสอบสวน ผมว่าศาลยืนตรงกลางเป๊ะเลย ระหว่างการคุ้มครองสิทธิของผู้ชุมนุม กับ การละเมิดกฎหมาย ไม่ให้ใครเอาอิสรภาพของผู้ชุมนุมมากดดัน ขณะเดียวกันก็ไม่ให้มีการละเมิดกฎหมาย แต่ไม่ใช่ว่า ศาลจะทำอย่างนี้ได้นานนะครับ เมื่อคดีเข้าสู่การพิจาณาของศาลมันก็ต้องจบด้วยการแพ้ หรือ ชนะ การต่อสู้คดีไม่เหมือนการเล่นกีฬา กีฬาอาจมีเสมอกันได้ แต่คดีอาญาแพ้หรือชนะเท่านั้น ผู้เล่นก็ต้องเสี่ยงเอาเอง และยอมรับผลจากการกระทำตามความเชื่อของตัวเอง การชุมนุมประท้วงในเมืองไทย ตามประวัติศาสตร์ ผู้ชุมนุมไม่เคยชนะรัฐบาลนะครับ ทหารต้องออกมาแทรกแซงในตอนสุดท้ายทุกครั้ง