“กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงเปิดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการศึกษาแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 (การศึกษา 2030) ครั้งที่ 2
วันที่ 6 มิถุนายน 2565 เวลา 08.52 น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไป ห้องแกรนด์ บอลลูม โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพมหานคร ทรงเปิดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการศึกษาแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 (การศึกษา 2030) ครั้งที่ 2 (Asia-Pacific Regional Education Conference – APREC -II ) หรือ APREMC-II จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 มิถุนายน 2565 โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนางกนกวรรณ วิลาวัณย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะผู้บริหารองค์กรหลักศธ. และผู้บริหารองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ Mr. Shigeru Aoyagi (นายชิเกรุ อาโอยากิ) ผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ (UNESCO Bangkok) Ms. Debora Comini (นางเด็บโบรา โคมินี) ผู้อำนวยการสำนักงานยูนิเซฟประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (UNICEF EAPRO) นางสเตฟาเนีย เกียนนินี่ (Ms. Stefania Giannini) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกด้านการศึกษา นางทามารา ราสโตวัค ไซมาชวิลี่ (Ms. Tamara Rastovac Siamashvili) ประธานคณะกรรมการบริหารยูเนสโก เฝ้าฯ รับเสด็จ
การประชุม APREMC-II กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ โดยการสนับสนุนจากองค์การยูนิเซฟ , กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ประเทศญี่ปุ่น และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จัดขึ้น ในหัวข้อ “การฟื้นฟูและการเปลี่ยนด้านการศึกษาเพื่อมุ่งสู่ระบบการศึกษาที่ตอบสนอง เชื่อมโยง และยืดหยุ่นมากขึ้น : การเร่งดำเนินความก้าวหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 การศึกษา 2030 เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเชิงนโยบาย โดยเฉพาะประเด็นปัญหา แนวปฏิบัติและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาที่เกิดขึ้นหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสเปิดการประชุม ความตอนหนึ่งว่า
“ขอแสดงความชื่นชมผู้จัดงานในครั้งนี้ซึ่งเป็นเวทีหารือความท้าทายและลำดับความสำคัญสำหรับการจัดการศึกษาภายหลังยุคโควิด-19 เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 ของภูมิภาคนี้ เศรษฐกิจดิจิทัล สังคมผู้สูงวัย และช่องว่างทางการเรียนรู้ เป็นแนวโน้มโลกที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของภูมิภาค ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องจัดเตรียมวาระการศึกษาและสร้างโอกาส ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มาซึ่งความรู้และทักษะ ค่านิยมและทัศนคติ อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป
ประเทศต่าง ๆในภูมิภาคควรต้องวางมาตรการในการจัดการกับปัญหาที่เกิดจากวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางการศึกษาในแง่ของการลดโอกาสทางการศึกษาของกลุ่มผู้เรียน เยาวชนและผู้ใหญ่ที่มีความเปราะบางมากที่สุด และให้มั่นใจว่าผู้เรียนจะสามารถเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อม ที่มีความปลอดภัยและสุขภาวะที่ดี ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทบาทของครูจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมสุขภาพทางจิตใจ และความเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียน ตลอดจนการจัดฝึกอบรมครูเพื่อให้มั่นใจว่าครูจะได้รับทักษะและองค์ความรู้ ที่เหมาะสมต่อการจัดรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานแนวใหม่
ขอชื่นชมต่อความพยายามของยูเนสโกต่อการเสริมสร้างระบบการศึกษา ที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองต่อสภาพการเรียนรู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง รวมทั้งการขับเคลื่อนทรัพยากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบการศึกษาทั่วโลก และมีความปรีดียิ่งในการทำงานร่วมกับยูเนสโกและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเด็กทุกคนให้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษย์ขั้นพื้นฐานในเรื่องของสิทธิการเข้าถึงการศึกษา ซึ่งรวมถึงสิทธิทางโภชนาการและการดูแลสุขภาพ และเชื่อมั่นว่า รัฐมนตรีและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการศึกษาจะทำงานร่วมกัน และนำไปสู่การเจรจาที่เกิดผล อันจะนำไปสู่การดำเนินความร่วมมือทางการศึกษาในอนาคตต่อไป”
จากนั้น ทรงฟังผู้บริหารองค์การระหว่างประเทศ กล่าวถ้อยแถลง เพื่อร่วมแสดงพลัง แสดงวิสัยทัศน์ ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนที่เข้มแข็งในการพัฒนาการศึกษา เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคนในภูมิภาค การประชุม APREMC-II ประกอบด้วยการประชุมเชิงวิชาการ และการประชุมระดับสูง ซึ่งเป็นการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี นอกจากนี้ ยังมีการประชุมและกิจกรรมคู่ขนานในหัวข้อย่อยต่าง ๆ อาทิ การฟื้นฟูการเรียนรู้และการจัดการวิกฤตการเรียนรู้ ความเสมอภาค ความครอบคลุม และความเท่าเทียมทางเพศ , การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล อุดมศึกษาและการศึกษาผู้ใหญ่ , การเงินและธรรมาภิบาล , การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง (การศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมืองโลก สุขภาพและสุขภาวะที่ดี) และการดูแลเด็กปฐมวัย
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมจะมีการรับรองถ้อยแถลงกรุงเทพฯ ปี พ.ศ. 2565 (Bangkok Statement 2022) ที่ให้ความสำคัญในด้านการเปิดเรียนอย่างปลอดภัย การฟื้นฟูการเรียนรู้ และความต่อเนื่องในการเรียนรู้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษาเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
จากนั้น ทรงตัดแถบแพรเปิดนิทรรศการด้านการศึกษาของหน่วยงานต่าง ๆ 11 บูธ ประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงเป็นทูตสันถวไมตรีของยูเนสโก ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตช่วยเหลือเด็กและเยาวชนทั้งในประเทศและต่างประเทศมาโดยตลอด ทรงให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาและการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน , นิทรรศการขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ , นิทรรศการกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ , นิทรรศการองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , นิทรรศการศูนย์วัฒนธรรมแห่งเอเชียและแปซิฟิกเพื่อยูเนสโก , นิทรรศการมูลนิธิบ้านเด็กเพซาล็อตซี่ , นิทรรศการศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว , นิทรรศการมูลนิธิช่วยเหลือไร้พรมแดน , นิทรรศการมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา , นิทรรศการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และ นิทรรศการของกระทรวงศึกษาธิการ
ด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. ในฐานะประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กล่าวภายหลัง ว่า การประชุม APREMC-II ศธ.เป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ โดยการสนับสนุนจาก UNICEF East Asia and Pacific Regional Office (UNICEF EAPRO) UNICEF Regional Office for South Asia (UNISEF ROSA) กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ประเทศญี่ปุ่น และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยเชิญผู้แทนระดับรัฐมนตรีหรือเทียบเท่าจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จำนวน 46 ประเทศ รวมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาสังคม เยาวชน ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม โดยวันนี้มีผู้มาเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีจากประเทศต่าง ๆ 20 ประเทศ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักศึกษา และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมกว่า 350 คน เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเชิงนโยบาย โดยเฉพาะประเด็นปัญหา แนวปฏิบัติและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องในการฟื้นฟู และเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา และวิกฤตการเรียนรู้ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
“การประชุมนี้มีเป้าหมายร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เห็นพ้องว่าเราต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษา เพราะในช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้การศึกษาหยุดชะงัก ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจว่าระบบการศึกษาของเราจะได้รับการปรับรูปแบบเพื่อให้เข้ากับสภาวการณ์ในยุคหลังโควิด-19 และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 (SDG4 Education 2030) ทุกประเทศในภูมิภาคจะมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมาทบทวนใหม่ว่า จะทำอย่างไรที่จะพัฒนาการศึกษาให้ได้ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4” น.ส.ตรีนุช กล่าว