“สมเด็จพระสังฆราช” ทรงบำเพ็ญพระกุศลอุทิศถวาย สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณเนื่องในวาระ 126 ปี นับแต่วันประสูติ
วันที่ 2 มีนาคม 2566 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงเป็นประธานในการบำเพ็ญพระกุศลอุทิศถวายเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องในวาระ 126 ปี นับแต่วันประสูติ
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ประสูติเมื่อวันพุธ ที่ 2 มีนาคม 2440 ทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ยุคที่ 4 เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระอุปัชฌายะของสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบัน เสด็จสถิตที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพุทธศักราช 2517 สิ้นพระชนม์เมื่อวันเสาร์ ที่ 27 สิงหาคม 2531
พลเอก หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล พลเอก หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล และพันโท หม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคล เสด็จมาทรงร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลในการนี้ด้วย
ภายหลังจากการทรงบำเพ็ญพระกุศล เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ผู้แทนวัด สำนักเรียนพระปริยัติธรรม มหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงพยาบาล และสถานสงเคราะห์ เฝ้ารับประทานทุนมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) จำนวน 50 ทุน ดุจเดียวกับที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ทรงบำเพ็ญเป็นประจำทุกปีเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ
การนี้ โปรดประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่ว่า
“ตามความทรงจำของอาตมภาพ และของผู้คนจำนวนมากที่มีโอกาสได้เฝ้า ได้ใกล้ชิด ได้สัมผัสพระบารมีธรรมของ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ คงกล่าวตรงกันอย่างหนึ่งว่า พระองค์ทรงมีกระแสแห่งความเยือกเย็น อ่อนโยน และสง่างาม เป็นพระคุณสมบัติอันเด่นชัด สามารถทำให้ผู้มีโอกาสได้ใกล้ชิด หรือได้พึ่งพระบารมี ต่างรู้สึกร่มเย็นเป็นสุข เสมือนมีร่มโพธิ์ร่มไทร ไว้ให้พึ่งพาอาศัย
ความร่มเย็นแห่งพระบารมีธรรมนั้น เป็นความสุขที่ไม่เจือด้วยความวุ่นวาย เร่าร้อน หรือสับสน แต่เป็นความฉ่ำเย็น แช่มชื่น เบาใจ และสบายใจ ที่ได้มีโชควาสนาอยู่ใต้ร่มพระบารมี เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพลังอานุภาพแห่งพระเมตตากรุณา ซึ่งทรงสั่งสมไว้อย่างบริบูรณ์แล้วในพระองค์ กระทั่งสามารถแผ่ขจรขจายออกมา เป็นพระรัศมีที่น่าอัศจรรย์ อันเราทั้งหลาย ต่างยังสัมผัสได้อย่างชัดเจน ด้วยหัวใจ
การที่ท่านมารับทุนมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) ต่อเบื้องหน้าพระอัฐิในวันนี้ จัดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติประหนึ่งสมัยยังทรงดำรงพระชนม์ จึงขอทุกท่านร่วมกันน้อมจิตน้อมใจ รำลึกถึงพระเมตตากรุณา แล้วมุ่งมั่นบำเพ็ญกรณียกิจ ตามหน้าที่ของตนๆ ด้วยสุจริตธรรม เป็นปฏิบัติบูชาสนองพระเดชพระคุณ เพื่อความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา และชาติบ้านเมืองสืบไป หากท่านทำได้เช่นนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า แม้สิ้นพระชนม์ไปนานแล้ว แต่ยังทรงดำรงอยู่ด้วยพระคุณ จักทรงพระโสมนัสอนุโมทนา และประทานพรให้ทุกท่านได้ประสบแต่ความสุขความเจริญทุกประการ”
อนึ่ง ด้วยวันนี้ ประจวบวาระคล้ายชาตกาลของเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (จินฺตากรเถร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ยุคที่ 5 เป็นปีที่ 115 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช เสด็จไปทรงสักการะสรีรางคารของเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี พระกรรมวาจาจารย์ของพระองค์ ซึ่งบรรจุในซุ้มคูหาพระเจดีย์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม