‘ในหลวง-พระราชินี’ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศ กงสุลใหญ่ อุปทูตรักษาการ และรักษาการกงสุลใหญ่ไทย ฯ เฝ้าฯ
วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 18.26 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำ คณะเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ อุปทูตรักษาการ และรักษาการกงสุลใหญ่ไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่
ขณะเดียวกัน เวลา 18.54 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีเสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดังนี้
นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 14 มกราคม 2568 พร้อมกล่องไม้มะค่า แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระทรวงการคลังจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 14 มกราคม 2568 โดยจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก จำนวน 6 ชนิด ประกอบด้วย เหรียญทองคำ ความบริสุทธิ์ 99 เปอร์เซ็นต์ ประเภทขัดเงา เหรียญทองคำ ความบริสุทธิ์ 99 เปอร์เซ็นต์ ประเภทธรรมดา เหรียญเงิน ความบริสุทธิ์ 92.5 เปอร์เซ็นต์ ประเภทขัดเงา เหรียญเงิน ความบริสุทธิ์ 92.5 เปอร์เซ็นต์ ประเภทธรรมดา เหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ประเภทขัดเงา และเหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ประเภทธรรมดา กับจัดทำเหรียญที่ระลึก จำนวน 2 ชนิด ประกอบด้วย เหรียญทองแดงรมดำพ่นทรายพิเศษ ความบริสุทธิ์ 95 เปอร์เซ็นต์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 70 มิลลิเมตร และเหรียญทองแดงรมดำพ่นทรายพิเศษ ความบริสุทธิ์ 95 เปอร์เซ็นต์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 มิลลิเมตร
ศาสตราจารย์เกียรติคุณยงยุทธ ยุทธวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นำ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ฯ เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล พร้อมครุยวิทยฐานะ และหุ่นจำลองเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง “เอฟ ห้าอี” (F-5E) บรรจุในกล่องอะคริลิกใส แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทูลเกล้าฯถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาศาสตร์ประยุกต์ พร้อมครุยวิทยฐานะ และผ้าซิ่นไทยวน (ไท-ยวน) บรรจุในกล่องผ้าไหมสีม่วง แด่ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
ด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถในด้านวิศวกรรมการบินและอากาศยาน ทรงมีชั่วโมงการบินหลายพันชั่วโมง แสดงให้เห็นถึงความชำนาญ ความเชี่ยวชาญอันเป็นเลิศในวิทยาการการบิน ทั้งอากาศยานทหารและอากาศยานพาณิชย์ ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินพระราชทาน ทรงถ่ายทอดวิทยาการฝึกสอนทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติ โดยพระปรีชาสามารถเป็นที่ประจักษ์ชัด เมื่อครั้งทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 ทรงขับเครื่องบินพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง ทั้งเที่ยวไปและกลับ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติพาโร ราชอาณาจักรภูฎาน ซึ่งท่าอากาศยานพาโร นับเป็นท่าอากาศยานที่มีความยากในการนำเครื่องขึ้นและลงจอดแห่งหนึ่งของโลก
ทั้งยังทรงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการเรียนการสอนทางวิศวกรรมศาสตร์ โดยทรงรับกองทุนเพื่อการศึกษา และวิจัยทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ และโครงการเหรียญรางวัลเรียนดี ของนิสิต นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
นอกจากนี้ ยังทรงพระปรีชาสามารถในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางด้านวิศวกรรมมาประยุกต์ใช้ในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรและประเทศชาติเป็นอเนกอนันต์
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยพระวิริยอุตสาหะทั้งด้านการทหาร การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และการต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงพระปรีชาสามารถด้านภาษาและการสื่อสาร ทรงใช้ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสอย่างแตกฉาน ทั้งยังทรงใช้ประกอบในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจสำคัญต่าง ๆ ที่โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงเยือนต่างประเทศ ทรงรับประมุข และผู้นำประเทศต่าง ๆ และพระราชทานพระราชวโรกาสให้บุคคลสำคัญและทูตานุทูตต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
อีกทั้งยังทรงดำรงพระองค์เป็นทูตทางภาษาและวัฒนธรรมไทยในเวทีโลก โดยทรงมีพระราชดำรัส ทรงกล่าว สุนทรพจน์ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในเวทีการประชุมต่าง ๆ เป็นที่ประจักษ์ชัดถึงพระปรีชาสามารถทางด้านภาษาและการสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการอนุรักษ์และจรรโลงภาษาไทย สร้างความภาคภูมิใจแก่ประชาชนชาวไทยทั้งปวง