พสกนิกรทั่วทุกสารทิศถวายสักการะสมเด็จพระพันปีหลวง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ พร้อมลงนามถวายความอาลัย

พสกนิกรทั่วทุกสารทิศถวายสักการะสมเด็จพระพันปีหลวง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ พร้อมลงนามถวายความอาลัย

วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

พสกนิกรทั่วทุกสารทิศถวายสักการะ

สมเด็จพระพันปีหลวง

เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์

พร้อมลงนามถวายความอาลัย

สปน.เร่งประชุมเตรียมพร้อม

จัดพระราชพิธีสมพระเกียรติ

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พสกนิกรทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลเข้ากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ พร้อมลงนามถวายความอาลัย ภายในพระบรมมหาราชวัง กทม.พร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนทั่วประเทศที่เดินทางมายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง สปน.ประชุมเตรียมความพร้อมจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพ อย่างสมพระเกียรติ

เมื่อเวลา น. วันที่ 27 ตุลาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมศพ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร

ทรงกราบ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ผ่านแถวข้าราชการมาเฝ้าฯ ไปที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรรมตั้งอยู่ด้านตะวันออกและด้านตะวันตก ณ มุขเหนือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ทรงคม ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์

เมื่อพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมครบ 4 จบ เจ้าพนักงานนิมนต์พระราชาคณะ 1 รูป ที่จะถวายอดิเรกและพระพิธีธรรมสวดพระอภิรรม 8 รูป นั่งยังอาสน์สงฆ์พร้อมแล้ว เจ้าพนักงานลาดพระภูษาโยง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตรประทับพระราชอาสน์ พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปที่หน้าพระโกศ ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ลงทางบันไดมุขกระสันพระที่นั่งพิมานรัตยา โดยลิฟต์ เสด็จฯ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

กรมสมเด็จพระเทพฯ ถวายภัตตาหารเช้า

ก่อนหน้านั้น เวลา 07.41 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระพิธีธรรมรับพระราชทานฉันเช้าแด่พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ซึ่งเป็นพระสงฆ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร รวม 8 รูป ทั้งนี้ พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม จะมีในช่วงเวลา 06.00 น. เวลา 09.00 น. เวลา 12.00 น. เวลา 15.00 น. เวลา 19.00 น. และ เวลา 21.00 น.

โอกาสนี้ ทรงวางพวงมาลาที่หน้าพระโกศ สำหรับ พระโกศทองใหญ่ทรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประดิษฐานเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร แวดล้อมด้วยเครื่องสูงหักทองขวาง มีชุมสายฉัตร 5 ชั้น บังแทรกฉัตร 7 ชั้น ต้นไม้ทองเงิน

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงได้รับการถวายพระเกียรติยศพิเศษสูงสุดเทียบเท่าพระมหากษัตริย์

โอกาสเดียวกันนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ โปรดให้ผู้แทนพระองค์ วางพวงมาลาที่หน้าพระโกศ ด้วย

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ประจำทั้งกลางวัน กลางคืน รับพระราชทานฉันเช้าวันละ 8 รูป รับพระราชทานฉันเพลวันละ 8 รูป และประโคมย่ำยามกำหนด 100 วัน

เปิดขั้นตอนการเข้าถวายสักการะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสำนักพระราชวังได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เริ่มตั้งแต่วันนี้ (27 ต.ค.) ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.00 น.ของทุกวัน ซึ่งในการนี้ได้จัดสมุดหลวงลงนามถวายความอาลัยไว้ด้วย

ขั้นตอนการเข้าถวายสักการะ ประชาชนที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่สามารถเข้าสู่เต็นท์พักคอยบริเวณท้องสนามหลวงได้ 2 ช่องทางคือ ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และฝั่งศาลฎีกา โดยเจ้าหน้าที่นำเก้าอี้จัดเป็นแถว แถวละ 10 ที่นั่ง แบ่งซ้าย-ขวาฝั่งละ 5 ที่นั่ง ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าพื้นที่เต็นท์พักคอยตั้งแต่เวลา 06.00 น. ขณะที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดเตรียมรถสุขาเคลื่อนที่ไว้รองรับ

ส่วนจุดคัดกรองมี 2 จุดคือ ด้านหน้าศาลฎีกา และจุดคัดกรองอุโมงค์หน้าพระลาน หรืออุโมงค์เดินลอดสนามหลวง ซึ่งเป็นทางเดินใต้ดินเชื่อมระหว่างสนามหลวงกับพระบรมมหาราชวัง ก่อนจะเดินเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายสักการะ

การเข้าถวายสักการะ ขอให้ประชาชนแต่งกายด้วยชุดสุภาพไว้ทุกข์สีดำหรือสีขาว เตรียมบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือพาสปอร์ตตัวจริง เพื่อแสดงตน และพกสิ่งของจำเป็น อาทิ ยาประจำตัว ร่มกันแดดสีสุภาพ

แนะนำให้ใช้รถโดยสารสาธารณะ

สำหรับการจราจรโดยรอบ เจ้าหน้าที่ปิดเส้นทางโดยรอบพื้นที่พระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวง โดยแนะนำให้ประชาชนที่จะเดินทางเข้าถวายสักการะ ใช้รถโดยสาธารณะ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จัดรถรับ-ส่งเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน ส่วนประชาชนที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะมีพื้นที่รองรับอย่างจำกัด แยกเป็นจุดจอดที่ไม่มีค่าใช้จ่าย อาทิ บ.ทรัพย์สิน บริเวณสะพานขาว 200 คัน, วัดโสมนัสราชวรวิหาร 100 คัน, วัดมกุฏกษัตริยารามฯ 100 คัน, ถนนกำแพงเพชร 5 หลังโรงพยาบาลรามาธิบดี 80 คัน, ถนนนครปฐม ถนนลูกหลวง จุดละ 40 คัน

ขณะที่จุดจอดที่มีค่าใช้จ่าย สามารถจอดได้ที่วัดบวรนิเวศ 260 คัน, ลานจอดรถ กทม. ถนนไกรสีห์ 200 คัน, ท่ามหาราช 150 คัน, ตรอกสาเก 80 คัน และวัดมหาธาตุฯ 80 คัน

กทม.พร้อมรองรับการเดินทาง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันความพร้อมรับรองประชาชนทั่วประเทศที่จะเดินทางมาที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเข้ากราบสักการะพระฉายาลักษณ์ ภายในพระบรมมหาราชวัง แต่เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ขอความร่วมมือประชาชน ใช้ขนส่งสาธารณะ รถ ราง และเรือ ส่วนการจราจรบริเวณโดยรอบมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทั้งถนนราชดำเนินใน, ถนนหน้าพระลาน, ถนนมหาราช, ถนนพระจันทร์ และ ถนนราชินี ยังเปิดการจราจรตามปกติ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร คอยอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัย

รอเข้าถวายสักการะตั้งแต่เช้า

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณประตูมณีนพรัตน์ ทางเข้าพระบรมมหาราชวัง ได้มีประชาชนเดินทางไปรอตั้งแต่ช่วงเช้า ทันทีที่สำนักพระราชวังเปิดให้เข้าถวายสักการะเบื้องหน้า พระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ประชาชนต่างทยอยเดินเข้าไปถวายสักการะ พร้อมลงนามแสดงความอาลัย หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

นอกจากนี้ สำนักพระราชวัง ยังได้เตรียมสถานที่ลงนามแสดงความอาลัย ภายในเต็นท์ บริเวณสนามหญ้าข้างศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวังด้วย

พสกนิกรทั่วทุกสารทิศเข้าถวายสักการะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ที่อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ศาลาสหทัยสมาคมฯ และเต็นท์สนามหญ้าข้างอาคารลูกขุนใน ในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมลงนามถวายความอาลัย ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย โดยมี บุคคลสำคัญ คณะบุคคล คณะทูตต่างประเทศ ผู้นำศาสนา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ ประชาชนทั่วไปเข้าถวายสักการะและลงนามถวายความอาลัยและด้วยความจงรักภักดี อาทิ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นางจิราภรณ์ ฉายแสง เอกอัคราชทูตโมร็อกโก ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูต คาซักสถาน ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตโอมาน ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตเม็กซิโก ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูต ชิลี ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตบรูไน ประจำประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ,คณะกรรมมาธิการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก( UNESCAP), คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตูนีเซีย, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฮอนดูรัส, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติโอมาน, อุปทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทย, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติโอมาน เป็นต้น

คนไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

นางฐิติมา เกศเวช อายุ 60 ปี ชาวหนองแขม กรุงเทพฯ กล่าวว่า ตนเดินทางมาพร้อมน้องสาวและหลานๆ ตั้งใจมาถวายสักการะและลงนามถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่าน เมื่อทราบข่าวว่าท่านสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก น้ำตาไหล เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ท่านเป็นแม่ของแผ่นดิน เราเกิดมาก็เห็นท่านคู่กับในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ท่านเสด็จฯไปทุกที่ถึงแม้จะเดินทางลำบาก ท่านนำความเจริญไปให้ พระองค์ท่านมีโครงการในพระราชดำริมากมาย ประทับใจทุกโครงการ

นางละออศรี หุ่นจีน ณ ไพรี วัย 71 ปี กล่าวว่า เดินทางมาจากย่านทุ่งครุ ตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ต.ค.68 ได้เดินทางมาร่วมพิธีเชิญพระบรมศพที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยแล้ว จึงอยากมาร่วมลงนามถวายความอาลัยอีกครั้ง ถือเป็นความสูญเสียที่ไม่สามารถจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะตลอดระยะเวลาหลายสิบปีพระองค์ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิยหลากหลายด้านไว้อย่างมากมาย

ขณะที่ นางสาวศุภนิตย์ เพ็ชร์ช่วย กล่าวว่า ตนเองเป็นมัคคุเทศน์คอยนำเข้าการเข้าชมพระบรมมหาราชวัง และสถานที่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์ จึงทราบประวัติศาสตร์ของชาติ ตลอดจนพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ตลอดจนพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเฉพาะการอนุรักษ์ผ้าไทย พระองค์พระราชทานอะไรมากมายให้คนไทย ทรงงานหนักมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป เมื่อทราบข่าวสวรรคตได้แต่ร้องไห้ เหมือนขาดอะไรในชีวิต

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวายสักการะเบื้องหน้า พระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคมฯ ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-ถึง16.00 น. พร้อมจัดสมุดหลวงลงนามถวายความอาลัยไว้ ณ ที่นั้นด้วย และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนได้เข้าเฝ้า ฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน ทุกวัน เวลา 09.00 น -21.00 น. เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ ที่ 9 พ.ย. 2568 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ราชสกุล คณะองคมนตรี คณะรัฐบาล คณะบุคคล ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระระราชกุศลครบ 100 วัน

“วุฒิสภา”ร่วมถวายความอาลัย

เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสถา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยก่อนเริ่มประชุมวุฒิสภา ได้แจ้งให้รับทราบประกาศสำนักพระราชวัง ลงวันที่ 24 ต.ค. 68เรื่องสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคตและประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ในการดำเนินการให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.68 และให้ไว้ทุกข์มีกำหนดเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม

จากนั้นวุฒิสภา ได้ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ และถวายอาลัยแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสู่สวรรคาลัย

สปน.ประชุมเตรียมความพร้อมจัดงาน

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้บริหารสำนักงานสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ห้องประชุม 109 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักกฎหมายและระเบียบกลาง, สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ และสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ เข้าร่วม

นางยุพา เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมภายในของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นฝ่ายเลขาฯ คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้จัดงานอย่างสมพระเกียรติมากที่สุด ซึ่งนอกจากจะมีการตั้งคณะกรรมการทั้ง 8 คณะ ขึ้นมาแล้ว ยังได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (ศปพ.) เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยทั้งส่วนงานราชการและภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะประชาชนที่อยากจะเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของรัฐบาล

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้มีการเตรียมความพร้อม เรื่องการจัดพิธีทำบุญครบสัตตมวาร (7 วัน) ,ปัณรสมวาร (15 วัน) ,ปัญญสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top