วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“กรมสมเด็จพระเทพฯ-กรมพระศรีสวางควัฒนฯ” เสด็จฯไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ขณะที่คณะบุคคล-ประชาชนจำนวนมาก ยังคงเดินทางมาเข้าถวายสักการะ-ลงนามแสดงความอาลัย“พระพันปีหลวง”เนื่องแน่น ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.18 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหาร และทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
จากนั้นเวลา 10.40 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารเพล แด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดอภิธรรม แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้น เสด็จไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จกลับ
ด้านสำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ว่าเป็นสรณะที่พึ่งที่ยึดถือ อันเป็นทางเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้โดยชอบ เพื่อถวายเป็น
พระราชกุศลน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผ่านแอปพลิเคชั่น “สมาธิเสบียงบุญ”
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม ตั้งแต่เวลา 08.30 น. สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และลงนามแสดงความอาลัย ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันที่ 7 แม้อากาศจะอบอ้าว แต่มีประชาชนจำนวนมากจากทั่วสารทิศทยอยเดินแถวจากประตูมณีนพรัตน์เข้าไปในศาลาสหทัยสมาคมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มาพร้อมบุตรหลานในวันหยุด ตั้งใจแต่งกายด้วยชุดสุภาพไว้ทุกข์ เพื่อเข้าถวายความอาลัยด้วยความเคารพยิ่งด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อปวงชนชาวไทย
ในจำนวนนี้ มีนายโยซูเกะ อิวาซากิ ชาวญี่ปุ่นเดินทางมากับครอบครัว โดยเผยว่า ตนเคยมากราบสักการะถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อ 9 ปีที่แล้ว กระทั่งสมเด็จพระพันปีหลวง
สวรรคต ตั้งใจมากราบสักการะและลงนามถวายความอาลัยด้วยความรักและเทิดทูนพระองค์ท่านเป็นอย่างสูง
ส่วนนางอายาโกะ อิวาซากิ ภรรยาของนายโยซูเกะ อิวาซากิ กล่าวว่า ชื่นชอบและประทับใจในพระอัจฉริยภาพ ด้านแฟชั่นและศิลปวัฒนธรรมของ“สมเด็จพระพันปีหลวง”เป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของชาวบ้านท้องถิ่นเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหมู่ชาวญี่ปุ่นและนานาชาติ นอกจากนี้ พระองค์ยังส่งเสริมศิลปะการแสดงโขนที่มีความสวยงามตระการตา ทำให้ตนและสามีรักเมืองไทย และสนใจศึกษา เรียนรู้เรื่องราวของเมืองไทย และพระราชกรณียกิจของพระองค์
โดยบริเวณพื้นที่พระบรมมหาราชวัง มีจิตอาสาพระราชทานคอยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน มีการจัดเตรียมจุดบริการน้ำดื่ม มีกองแพทย์หลวงคอยดูแลประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ อีกทั้งมีการแจกจ่ายผ้าเย็น และพิมเสนน้ำพระราชทานให้ประชาชน รวมไปถึงรถสุขาเคลื่อนที่จากทางกรุงเทพมหานครคอยบริการประชาชนในบริเวณพระบรมมหาราชวังและมีจุดบริการให้ยืมผ้าถุงสำหรับสุภาพสตรีที่อุโมงค์หน้าพระลาน โดยผู้ที่ต้องการใช้บริการ ให้นำบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทางมาลงทะเบียนขอใช้บริการ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และภาพการประดิษฐานพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นที่ระลึก ประชาชนทุกคนต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตั้งใจเก็บรักษาและเทิดทูนไว้เป็นสิ่งแทนใจ เพื่อรำลึกในพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ตลอดไปนอกจากนี้ บริษัท ครอป – คอนเนคท์ จำกัด ยังได้นำผลไม้มาแจกจ่ายแก่พสกนิกรผู้จงรักภักดี ถวายเป็นพระราชกุศล
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถ Shuttle Bus ให้บริการประชาชนฟรี โดยเชื่อมต่อสถานีขนส่งและจุดสำคัญ 8 เส้นทาง มุ่งสู่สนามหลวงคือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สายใต้ใหม่ สถานีหัวลำโพง สถานีเอกมัย บางใหญ่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน สถานีขนส่งผู้โดยสาร (หมอชิต 2) รถ Shuttle Bus เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้า 6 เส้นทาง สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ได้แก่ ท่าพระ สนามไชย สามยอด และสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ได้แก่ สยาม วงเวียนใหญ่ รวม 19 คัน และเชื่อมต่อเรือโดยสารท่าเรือสะพานผ่านฟ้า 2 คัน รวมถึงเส้นทางปกติผ่านสนามหลวง 18 เส้นทาง
ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมนายไทวุฒิ ขันแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถิติผู้เดินทางเข้ากราบถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ เฉลี่ยวันละประมาณ 3,000 - 3,500 คน ซึ่งทางกทม.ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน โดยสามารถรองรับได้ 15,000 คนต่อวัน
ด้านน.ส.อัยรินทร์พ้นธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ตรงกับเทศกาลลอยกระทง ถือเป็นประเพณีสำคัญของคนไทยจัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์ส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชนที่เกี่ยวข้องกับสายน้ำให้คงอยู่ และสืบทอดต่อไป ซึ่งปีนี้พื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ยังจัดงานประเพณีลอยกระทง โดยลดรูปแบบการจัดกิจกรรมที่มีความรื่นเริงลง อาทิ การแสดงดนตรี งานแสดงแสงสีเสียง เน้นจัดงานที่สืบสานประเพณีไทยให้อยู่ในขอบเขต เพื่อแสดงความเคารพในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นอกจากนี้ รัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังปรับรูปแบบการแสดง“วิจิตรเจ้าพระยา 2568” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน - 23 ธันวาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “แสงแห่งสยาม แม่ของแผ่นดิน” เพื่อรำลึกถึงพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ เปลี่ยนการแสดงพลุเป็นการแสดงโดรนที่สื่อความอาลัยและเทิดพระเกียรติ ลดโทนแสงสีให้สำรวมยิ่งขึ้น และช่วงค่ำคืนปีใหม่ จะเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรม “แสงเทียนแห่งแผ่นดิน” จุดเทียนถวายพระราชกุศลเพื่อแสดงความจงรักภักดี โดยทุกกิจกรรมจะจัดขึ้นด้วยความสำรวมและงดงามสมพระเกียรติ
“รัฐบาลเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว ร่วมเทศกาลลอยกระทงตามสถานที่ต่าง ๆ โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tourismthailand.org และ www.thailandfestival.org ทั้งนี้ รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมแสดงความเคารพในช่วงเวลานี้ เพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมไทยอย่างมีคุณค่า”รองโฆษกรัฐบาลกล่าว