วันอังคาร ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
‘อุ้มบุญ’ หวัง ‘สเต็มเซลล์’‘อะไหล่มนุษย์’ ทำได้จริงหรือ?

‘อุ้มบุญ’ หวัง ‘สเต็มเซลล์’‘อะไหล่มนุษย์’ ทำได้จริงหรือ?

วันศุกร์ ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557, 06.00 น.
Tag :
  •  

กระแส “อุ้มบุญ” หรือการรับตั้งครรภ์แทนยังบานปลาย ล่าสุดกับเรื่องที่อาจดูสะเทือนใจอีกครั้ง เย็นวันที่ 5 ส.ค. 2557 ตำรวจ สน.ลาดพร้าว สนธิกำลังกับทหาร ร.12 พัน 2 รอ. เข้าตรวจสอบห้องพักในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว หลังได้รับแจ้งเบาะแสว่าที่แห่งนี้เป็น “จุดพัก” ของเด็กและผู้เกี่ยวข้องในขบวนการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์

ภาพแรกที่ได้เห็น..เด็กชายหญิงวัยแรกคลอดถึงอายุ 1 ขวบ จำนวน 9 คน รวมกับพี่เลี้ยงเด็กเป็นผู้หญิงไทยอีก 7 คน และยังมีผู้หญิงอายุ 20 ปีที่กำลังตั้งครรภ์อีก 1 คน อยู่รวมกันอย่างแออัด!!!

เรื่องที่น่าตกใจ..นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้แจ้งข้อมูลมาทางตนถึงขบวนการค้ามนุษย์รูปแบบใหม่ ที่จะจ้างหญิงสุขภาพดีมาตั้งครรภ์ และเมื่อทารกคลอดออกมา ก็จะนำไปทำ “อะไหล่” ของตน ด้วยวิธีการเอาทารกไปดูดไขสันหลังเพื่อทำ “สเต็มเซลล์ (Stem Cell)” ขายต่อ โดยให้ค่าจ้างหญิงเบื้องต้น 350,000 บาท และเงินเดือนอีกเดือนละ 10,000 บาท

นั่นเท่ากับว่า..เด็กเหล่านี้มีค่าเป็นเพียง “อะไหล่” มิใช่ “ทายาท”!!!

หลายปีมานี้ เรื่องของสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ถูกคาดหวังว่าจะเป็นหนทางรักษาโรคร้ายนานาชนิด ทั้งโรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ (ความจำเสื่อม) โรคพาร์กินสัน การอัมพาตของไขสันหลัง โรคมะเร็ง โรคหัวใจ รวมไปถึงโรคเอดส์ (HIV) และชะลอการเสื่อมของร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยรับรองการใช้สเต็มเซลล์รักษาอย่างเป็นทางการกับโรคระบบโลหิตและกระดูกเพียง 5 โรคเท่านั้น คือ 1.มะเร็งเม็ดเลือดขาว 2.มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 3.โลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ 4.โลหิตจางชนิดธาลัสซีเมีย และ 5.มะเร็งกระดูก ซึ่งสเต็มเซลล์ที่รู้จักกันดี คือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต

ข้อมูลจาก ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย อธิบายว่าเป็นเซลล์ตัวอ่อนของโลหิต โดยจะเจริญเติบโตไปเป็น เม็ดเลือดแดง (ทำหน้าที่นำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย) เม็ดเลือดขาว (ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค) และ เกล็ดเลือด (เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว)

ขณะที่ข้อมูลจาก ศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุแหล่งที่มาของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตของมนุษย์ ได้มาจาก 3 ทาง คือ 1.ไขกระดูก 2.เลือดของผู้บริจาค และ 3.เลือดจากสายสะดือ (สายรก) ของทารกแรกเกิด

แม้จะเป็นความหวังใหม่ของมนุษยชาติ แต่สเต็มเซลล์ก็ไม่ต่างจากการปลูกถ่ายอวัยวะอื่นๆ ที่เนื้อเยื่อระหว่าง “ผู้ให้-ผู้รับ” ต้องเข้ากันได้ บทความเรื่อง “STEM CELLS : THE NEXT GENERATION, เซลล์ต้นกำเนิด : ก้าวใหม่ของวิวัฒนาการ” เขียนโดย รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล แพทย์และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์ เมื่อเดือน พ.ค. 2553 ระบุว่า โอกาสของความเข้ากันได้ของผู้ให้-ผู้รับ ที่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือดเดียวกัน จะอยู่ที่ 1 ต่อ 50,000 แต่หากเป็นผู้เกี่ยวพันทางสายเลือดเดียวกัน จะอยู่ที่เพียง 1 ต่อ 4 เท่านั้น

สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ที่ระบุว่า การบริจาคสเต็มเซลล์ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จะทำการเก็บตัวอย่างเลือดของผู้บริจาคเพื่อนำไปตรวจลักษณะเนื้อเยื่อ (HLA or Tissue typing) และเก็บเป็นฐานข้อมูลไว้ก่อน ซึ่งหากผู้บริจาคมีลักษณะเนื้อเยื่อ HLA เข้ากันได้กับผู้ป่วยแล้ว ทางศูนย์บริการโลหิตฯ จะเชิญอาสาสมัครมาบริจาคสเต็มเซลล์ในภายหลัง โดยเนื้อเยื่อ HLA ระหว่างผู้บริจาคและผู้ป่วยที่ไม่ใช่ญาติมีโอกาสความเข้ากันได้ 1 ต่อ 10,000 แต่ถ้าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน จะมีโอกาสถึง 1 ต่อ 4

พูดง่ายๆ...หากได้สเต็มเซลล์จากสายเลือดเดียวกัน โอกาสที่จะ “ใช้การได้” ย่อมมีมากกว่าผู้ที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเป็นทวีคูณ อย่างที่เทียบกันไม่ได้เลย!!!

ปัจจุบัน การได้มาซึ่งสเต็มเซลล์นั้น ตาม ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 หมวด 11 ข้อ 60 กำหนดไว้ว่า การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากไขกระดูกหรือกระแสโลหิต ในกรณีผู้บริจาคและผู้รับบริจาคมิใช่ญาติ ให้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ดำเนินการจัดหาผู้บริจาค (Donor Registration) โดยการจัดตั้ง National Stem cell Donor Program ภายใต้การกำกับดูแลของแพทยสภา

นอกจากนี้ใน ข้อ 61 ยังต้องมีหลักเกณฑ์หากมีผู้บริจาค ดังนี้ (1) ตรวจสุขภาพผู้บริจาคว่าเป็นผู้มีสุขภาพสมบูรณ์เหมาะสมที่จะบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตได้, (2) อธิบายให้ผู้บริจาคเข้าใจถึงความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่างๆ แก่ผู้บริจาคในระหว่างการบริจาคและภายหลังการบริจาค

เมื่อผู้บริจาคเข้าใจและเต็มใจที่จะบริจาคแล้ว จึงลงนามแสดงความยินยอมในแบบใบยินยอมบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ซึ่งแนบท้ายข้อบังคับนี้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร กรณีเป็นการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตโดยการใช้เลือดจากรกให้ผู้บริจาคหรือสามีเป็นผู้ลงนามแสดงความยินยอม, (3) จัดให้มีการทำหลักฐานเป็นหนังสือเพื่อแสดงว่าไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนเป็นค่าเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตแก่ผู้บริจาค

เห็นได้ชัด..เจตนารมณ์ของจริยธรรมทางการแพทย์ หากจะใช้สเต็มเซลล์ ต้องมาจากผู้สมัครใจบริจาคเท่านั้น และไม่สนับสนุนการซื้อขายสเต็มเซลล์โดยเด็ดขาด!!!

เมื่อรวมกับ ประกาศแพทยสภา ฉบับที่ 21/2545 ที่ย้ำชัดว่าการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์จะต้องไม่เป็นการกระทำในลักษณะเป็นการทำสำเนาชีวิต (Human Cloning) เพื่อการเจริญพันธุ์ อีกทั้งหญิงที่จะอุ้มท้องแทน ต้องเป็นญาติโดยสายเลือด (แต่มิใช่บุพการี หรือผู้สืบสันดานของคู่สมรส) และต้องไม่เป็นไปในลักษณะเชิงพาณิชย์ที่มีการจ่ายสินจ้างรางวัลให้หญิงที่มาตั้งท้องแทน

ดังนั้นแล้วการที่ใครสักคนหนึ่งที่จะใช้เงินจ้างหญิงให้อุ้มบุญด้วยเชื้อของตน เพื่อผลิตทารกมาเป็น “ชิ้นส่วนสำรอง” แม้ในทางเทคโนโลยีจะมีความเป็นไปได้ แต่ด้วยหลักกฎหมายและหลักศีลธรรม-จริยธรรม ย่อมไม่อนุญาตให้ทำเรื่องดังกล่าวได้แน่นอน

ส่วนในทางปฏิบัติ เรื่องของ “อะไหล่มนุษย์” นี้จะเป็นจริงอย่างที่ลือกันหรือไม่? คงต้องตรวจสอบกันต่อไป!!!

SCOOP@NAEWNA.COM

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'อิ๊งค์'น้อมรับคำสั่งศาล พร้อมพิสูจน์ปมคลิปเสียง ยันทำเพื่อรักษาอธิปไตย

'ทิดอาชว์'ยังล่องหน! ตอบยากยังอยู่ในไทย หรือหลบหนีช่องทางธรรมชาติ

(คลิป) 'อุ๊งอิ๊งค์'เปิดใจ! หลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกฯ ลั่น! ขอโทษวิธีการอาจไม่ถูกใจ!

ศาลรัฐธรรมนูญ มติเอกฉันท์ ไม่รับสอบปม กกต. เอื้อ 'ภูมิใจไทย-เนวิน' พัวพันฮั้ว สว.

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved