วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
ผันสู่โรงฆ่า...ชาวนาลืมหลังควาย ‘เจ้าทุย’เสี่ยง‘สูญพันธุ์’!!!

ผันสู่โรงฆ่า...ชาวนาลืมหลังควาย ‘เจ้าทุย’เสี่ยง‘สูญพันธุ์’!!!

วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557, 02.00 น.
Tag :
  •  

“กระบือ” หรือ “ควาย” ถือเป็นสัตว์พื้นเมืองที่ผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยมานานนับร้อยๆ ปี ภาพในอดีตของชาวนาไทยที่กำลังจูงควายเดินอยู่ตามท้องไร่ท้องนายามอาทิตย์อัสดงสลับกับสีเขียวของข้าวในท้องนา ยังคงติดตาตรึงใจของคนไทยชนบทอยู่อย่างมิรู้ลืม

แต่ปัจจุบันเมื่อท้องทุ่งถูกแทนที่ด้วย “หมู่บ้านจัดสรร” ผืนนาถูก “โรงงานอุตสาหกรรม” ยึดพื้นที่ รวมถึงการเข้ามาของ “ควายเหล็ก” ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำนา เพราะสะดวกและรวดเร็วกว่า ส่งผลให้ “ควาย” แทบตกงาน เพราะชาวนาเลิกเดินตามควาย หันไปเดินตามรถไถ จนระยะหลังเส้นทางของควายกับชาวนาแทบจะเป็น “คู่ขนาน”


ซ้ำร้าย.....เมื่อควายตกอยู่ในภาวะ “ว่างงาน” ประกอบกับความต้องการบริโภค “เนื้อควาย” เพิ่มขึ้น ทำให้ควายจำนวนไม่น้อยผันชีวิตจากท้องนาไปอยู่ใน “โรงฆ่าสัตว์” เพื่อรอส่งออก ทำให้ประชากรควายของไทยเข้าขั้นวิกฤติ จำนวนลดวูบใกล้ “สูญพันธุ์”!!!

ข้อมูลจาก “กรมปศุสัตว์” ระบุว่า ในประเทศไทยสมัยก่อนมีการเลี้ยง “กระบือ” หรือ “ควาย” เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้งานและนำเนื้อมาบริโภค แต่ช่วงราวๆ 15 ปีที่ผ่านมา ควายในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง บางจังหวัดแทบไม่มีให้เห็นเลย โดยปี 2540 มีควาย 2.29 ล้านตัว แต่ปี 2555 ลดลงเหลือ 1.24 ล้านตัว

“สาเหตุ” ที่ทำให้ควายลดจำนวนลง จนแทบหายไปจากสารบบการเกษตรของไทยนั้น ข้อมูลของกรมปศุสัตว์บอกว่า มาจาก 1.เกษตรกรผู้เลี้ยงและแหล่งเลี้ยงควายลดลง โดยปี 2555 เกษตรกรผู้เลี้ยงควายเหลือเพียง 277,977 ครัวเรือน นั่นคือ
มีการเลี้ยงเฉลี่ยครัวเรือนละ 4.5 ตัว จากปี 2551 เฉลี่ย 6.5 ตัว

2.ชาวนาใช้รถไถนา แทน “ควายเทียมคราด” มากขึ้น และเกษตรกรที่ยังเลี้ยงควายส่วนใหญ่จะปล่อยเลี้ยงไว้รวมกันตามทุ่งนา ทำให้ควายผสมพันธุ์กันเองในฝูง จนเกิดปัญหา “เลือดชิด” ลูกควายส่วนใหญ่พอโตขึ้นจึงมีอัตราการตกลูกต่ำ ให้ผลผลิตต่ำ ไม่เพียงพอต่อการบริโภค ทำให้จำนวนควายลดลง

3.“คนกินควาย” มากขึ้น และควายมีราคาสูง โดยข้อมูลจากกรมการค้าภายใน ปี 2556 พบว่า ราคา “เนื้อควาย” ปกติมีราคาสูงเฉลี่ยกิโลกรัมละ 148-195 บาท ถ้าเป็น “เนื้อควายสันใน” ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 253-300 บาท เมื่อราคาดีเช่นนี้ทำให้มีควายถูกส่งเข้า “โรงฆ่า” มากขึ้น โดยเฉพาะควายเพศเมีย และ “ควายท้อง” ส่งผลให้ฐานจำนวนลูกควายและควาย “แม่พันธุ์” ลดลง นอกจากนี้ยังมีการส่งออกเนื้อควายไปขายต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน, เวียดนาม และกัมพูชา เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งกระตุ้นให้ราคาควายสูงขึ้น ส่งผลให้มีการส่งไปจำหน่ายต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้จำนวนในประเทศลดลง

“ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา” รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสติดตามผลการดำเนินการงานพร้อมมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารกรมปศุสัตว์ ว่า โค และกระบือหรือควายของไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 1 แสนตัว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนได้ในอนาคต ถือเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างวิกฤติ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้คาดว่าไม่เกิน 5 ปี ควายไทยจะ “สูญพันธุ์” ซึ่งได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ เร่งทำยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาและอนุรักษ์กระบือ หรือควายไทยแล้ว

“หากไม่ทำ ไม่เกิน 5-6 ปี ควายไทยสูญพันธุ์หมดแน่ ในอนาคตเด็กไทยอาจมองหาควายได้ยาก เด็กไทยจะไม่รู้จักเพลงเจ้าทุยอยู่ไหน จึงต้องมีการพัฒนาเพราะควายเป็นทั้งสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพ และมีการเลี้ยงเพื่อบริโภคทั้งในประเทศและส่งออก” นายปีติพงศ์ กล่าว

ขณะที่นายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ประชากรควายกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ว่า สาเหตุหลักๆ มาจากเราผลิตควายได้น้อยลง ไม่เพียงพอต่อการบริโภค ที่เป็นเช่นนี้เพราะสมัยก่อนเรามีป่า มีเขา มีพื้นที่สาธารณะเยอะแยะไปหมด เกษตรกร ชาวนา หรือชาวบ้าน ก็จะเลี้ยงควายในทุ่งนา ปล่อยให้หากินกันเอง พอถึงเวลาก็นำไปขาย

“แต่ทุกวันนี้ที่ดินสาธารณะก็หมดไป ป่าถูกบุกรุกจนหมดเกลี้ยง กลายเป็นมนุษย์ไปแย่งแหล่งที่อยู่และแหล่งอาหารตามธรรมชาติของควายเสียหมด จนไม่มีแหล่งหญ้าธรรมชาติให้ควายกิน เกษตรกรก็ขายทิ้งไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้
เลี้ยงเพิ่ม” นายสัตวแพทย์อยุทธ์ กล่าว

นายสัตวแพทย์อยุทธ์ กล่าวอีกว่า อีกประเด็นอันเป็นที่มาของสาเหตุที่ทำให้ “ค.ควาย” กำลังจะหายไป ก็คือจากเดิมในอดีต “ข้าว” จะถูกชาวนา “ปลูก” เพื่อใช้กินในบ้าน เป็นการทำการเกษตร ทำนาแบบ“เศรษฐกิจพอเพียง” การใช้ควายเพื่อไถนาจึงยังพอทำได้ แต่ปัจจุบัน “วิถี” ของชาวนาเปลี่ยนไปเป็น “ผลิตข้าว” เพื่อการค้า จะมามัวใช้ควายไถนาคงไม่ทัน ส่งผลให้ควายลดความสำคัญลง ซึ่งปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรที่ยังใช้ควายทำงานอยู่ก็เปลี่ยนไป.....

ไม่ใช่ชาวนา แต่เป็นชาวไร่!!!

“ถ้าชาวนายังทำนาในแนวเศรษฐกิจพอเพียงก็คงยังพอจะใช้ควายไถนาได้ แต่ปัจจุบันชาวนาผลิตข้าวเพื่อการค้า
จึงหันไปใช้เครื่องจักรกันหมดแล้ว ภาพควายไถนาจึงแทบไม่มีให้เห็น จะมีที่ใช้ควายในการไถจริงๆ คือ ชาวไร่ข้าวโพด และไร่มันสำปะหลัง ที่ใช้ควายไร่กำจัดวัชพืช เนื่องจากรถแทรกเตอร์เข้าไปในไร่ไม่ได้ จะสร้างความเสียหายต่อผลผลิต” นายสัตวแพทย์อยุทธ์ กล่าว

รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวถึงแนวทางเบื้องต้นเพื่อ “ยื้อ” ไม่ให้ควายสูญพันธุ์ ว่า กรมปศุสัตว์มี “ธนาคารควาย” หรือธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ (ธคก.) ที่ให้ชาวนายืมควายไปใช้อยู่แล้ว แต่คงต้องหามาตรการที่ “จูงใจ” มากกว่าเดิม เพื่อให้ชาวนาหันกลับมาเลี้ยงควายมากขึ้น โดยหลังจากนี้จะเน้นให้ชาวนา “มั่นใจ” ว่าพวกเขาสามารถเลี้ยงควายเป็นอาชีพได้ โดยเราจะเข้าไปสนับสนุนเรื่องพันธุ์พืชอาหารสัตว์ต่างๆ เป็นต้น

“นอกจากนี้ก็จะเข้าไปสนับสนุนเกษตรกรกลุ่มอื่นๆที่ยังใช้งานควายอยู่ เช่น ชาวไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง ให้เลี้ยงควายมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้กลุ่มที่เลี้ยงเพื่อบริโภคและส่งออกเลี้ยงควายมากขึ้นรายละ หรือฟาร์มละ 1-3 ตัว เพื่อให้ทันต่อการบริโภคด้วย” รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว

วันหนึ่งถ้ามีคนบอกว่า “ควายไทย” กำลังจะสูญพันธุ์ ใครบ้างจะเชื่อ แต่เรื่องที่ใครหลายคนไม่เชื่อกำลังจะเป็นจริง
ถ้าหลังจากนี้ทุกภาคส่วนยังเพิ่มจำนวนควายไม่ได้ ก็ไม่แน่ว่าอีก 5-6 ปีข้างหน้า เราอาจทำได้แค่นั่งชี้ “รูปภาพ” ของควาย
ที่เหลืออยู่ เพื่อตอบคำถามลูกหลานว่า.....

“ควาย” คือตัวอะไร???

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'ณวัฒน์ อิสรไกรศีล' เดือดจัด! ลั่นพร้อมพานางงามประท้วง หากไม่ยุบสภาวันนี้

End of the walkway!‘สมชัย’ฟันฉับหมดเวลา‘แพทองธาร’แล้ว ต้อง‘ลาออก’สถานเดียว

'อ.เฉลิมชัย'เดือด!!! วาดภาพพร้อมข้อความ ย้ำเตือนจิตสำนึกนักการเมืองไทย

จับชาวสิงคโปร์-คนไทยคดีค้ากามข้ามชาติ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved