ณ ดินแดนปลายด้ามขวานที่ “ไฟแห่งความขัดแย้ง” ยังคุโชน มีเหตุ “เผา-บึ้ม-ฆ่า” แบบรายวัน ทหาร ตำรวจ และชาวบ้าน ต้องสังเวยชีวิตไม่หยุดหย่อน ถ้าไม่มีความจำเป็นคงไม่มีใครอยาก “เสี่ยง” เข้าไปในดินแดนแห่งความขัดแย้งนี้ แต่เหล่าทหารกล้าอาสาสมัครจำนวนไม่น้อยกลับยืนหยัดที่จะอยู่เป็น “รั้ว” ปกป้องสันติสุข และพิทักษ์อธิปไตยของชาติใน 3 จังหวัดชายแดนภายใต้เอาไว้ หนึ่งในนั้นคือ.....

เหล่า “นักรบชุดดำ” แห่งกองทัพบกไทย!!!

หรืออาสาสมัคร “ทหารพราน”(อส.ทพ.) ที่ปฏิบัติหน้าที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับทหาร หรือเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน.....

ทว่า.....แม้ “ชีวิตในสนามรบ” ของพวกเขาจะเสี่ยงไม่น้อยไปกว่า หรืออาจจะมากกว่าเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา โดยเฉพาะ “ค่าครองชีพ” และ “สวัสดิการ” กลับแตกต่าง จนทำให้พวกเขารู้สึก “ด้อยค่า”

“อยากให้ดูแลเรื่องสวัสดิการของพวกเราบ้าง รู้กันอยู่ว่าอาสาสมัครทหารพรานไม่ใช่ข้าราชการ เป็นเพียงลูกจ้างชั่วคราวของกองทัพ ทำให้ไม่ค่อยจะได้รับสวัสดิการอะไรมากนัก เมื่อเทียบกับอาสาสมัครของสังกัดอื่นๆ” อส.ทพ.เฉลิมเกียรติ(ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ใน อ.ธารโต จ.ยะลา กล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

เขา แจกแจงถึง “สวัสดิการ” ที่ได้รับให้ฟังว่า ทุกวันนี้ได้รับค่าเสี่ยงภัย 2,500 บาท ที่เหลือเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงสนาม , เบี้ย สป.พิเศษ(สิ่งอุปกรณ์ทางทหาร เช่น กระสุน น้ำมัน อาหาร ยา เป็นต้น) วันละ 6 บาท , ค่าเสบียงวันละ 15 บาท รวมเงินเดือนที่ได้รับ 13,930 บาท ยัง “ไม่หักค่าใช้จ่าย” เช่น ค่าฌาปนกิจ 200 บาท , ค่าสหกรณ์กองทัพ 300 บาท , ค่ากับข้าววันละ 40 บาท ทำให้แต่ละเดือนจะได้รับเงินเดือนจริงๆประมาณ 11,080 บาท.....

หาก “ลาออก” แม้จะมีประสบการณ์ผ่าน “กลางดงควันปืน” มานานหลายปี แต่ไม่ได้บำเหน็จบำนาญอะไร “พิเศษ” ต้อง “ตาย หรือพิการ” เท่านั้น จึงจะได้เงินชดเชย!!!

“อาสาสมัครฝ่ายอื่นๆเขาได้อยู่กับบ้าน แต่พวกผมอยู่กลางป่า ต้องเฝ้าฐาน คุ้มครองครูในพื้นที่เสี่ยง ในมุมมองของผมทหารพรานถือเป็นหน่วยที่ลำบาก และเสี่ยงอันตรายที่สุด เพราะทุกวันนี้ดูเหมือนคนร้ายในพื้นที่จะมุ่งสังหารทหารพรานเป็นหลัก แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจเราเลย เงินเดือนพวกเราน้อยมากเมื่อเทียบกับอาสาสมัครในหน่วยงานอื่น และความเสี่ยง แต่เพื่อนๆทุกคนก็ยังปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เกรงกลัว เพราะใจรัก และสมัครใจเข้ามาอยู่ตรงนี้” อส.ทพ.ผู้นี้ กล่าว

ขณะที่ อส.ทพ.บัณฑิต(ขอสงวนนามสกุล) วัย 25 ปี จากพื้นที่เดียวกัน กล่าวในเชิงน้อยใจว่า เงินเดือนเริ่มต้นที่ 1,225 บาท ทุกวันนี้เป็นทหารพรานมาได้ 4 ปีแล้ว เงินเดือนยังอยู่ที่ 6,000-7,000 บาท สวัสดิการที่ได้รับมีเพียงค่ารักษาพยาบาล แต่ต้องจ่ายเงินไปเองก่อน ไม่มี “ใบส่งตัว” เหมือนหน่วยงานอื่นๆ การเบิกก็ไม่ได้เบิกกับต้นสังกัด ต้องไปเบิกกับองค์การทหารผ่านศึก ซึ่งกว่าจะได้เงินคืนก็ต้องรอ 2-3 เดือน ถ้าไม่สบายหนักใช้เงินมากๆ จะเอาเงินที่ไหนส่งไปให้ลูกเมีย ทหารพรานทุกคนจึงต้องไปทำบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อจะได้ไม่ต้องออกเงินค่ารักษาพยาบาลเอง

เขา บอกว่า เคยไปติดต่อสำนักงานประกันสังคม คุยกันไปจนเข้าใจในระเบียบ แต่พอจะทำบัตรเจ้าหน้าที่มารู้ว่าเป็นทหารพราน เขาก็ไม่รับทำให้ ส่วนบริษัทประกันชีวิตเอกชน บางแห่งก็รับทำให้ แต่มีเงื่อนไขที่อาชีพอย่างพวกตนหากเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ถือว่าเป็นสงคราม หรือจลาจล ประกันก็ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย.....

แล้วจะทำประกันแบบนี้ไปทำไม...???

“จะลาออกไปทำงานอย่างอื่นก็คงยาก เพราะความรู้น้อย คงทำได้ก็แค่งาน รปภ. แต่ทุกวันนี้งาน รปภ.เด็กหนุ่มๆก็มาก ก็อยากให้ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเห็นความเดือดร้อนและความเป็นอยู่ที่ลำบากของพวกเราที่ต้องทำงานเสี่ยงภัย รับใช้ชาติ อยากให้ยกระดับทหารพรานเป็นลูกจ้างประจำที่มีสวัสดิการที่ดีกว่านี้ ทุกคนอยากมีความมั่นคงมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะที่มาเป็นทหารพรานมาด้วยใจ รู้ว่าแม้สักวันจะต้องตายก็ยังมาเป็นทหารพราน จึงขอให้เห็นใจพวกเราบ้าง” อส.ทพ.บัณฑิต กล่าว

ข้างต้นเป็นเสียงสะท้อนบางส่วนจากเหล่า “นักรบประชาชน” ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งหวังให้ “ผู้เป็นนาย” ในเมืองศิวิไลซ์ รับฟัง และนำไปพิจารณาแก้ไขให้คุ้มกับชีวิตของพวกเขาที่ “แขวนไว้บนเส้นด้าย” และฝากไว้ที่ “ปลายปืน”…..

ขณะที่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า กองทัพบกได้ปรับปรุงสิทธิต่างๆของ อส.ทพ.มาเป็นลำดับ ล่าสุดแบ่งเป็น 1.เงินเดือนแบ่งเป็นขั้น 1-30 อยู่ในอัตรา 4,870 บาท ถึง 15,290 บาท 2.อส.ทพ.ที่ได้รับเงินเดือนไม่ถึงเดือนละ 12,285 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว เดือนละ1,500 บาท แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนต้องไม่เกินเดือนละ 12,285 บาท ส่วนกรณีเงินที่รับรวมกันแล้วไม่ถึงเดือนละ 9,000 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนอีกจนถึงเดือนละ 9,000 บาท 3.เงินค่าเบี้ยเลี้ยงสนาม เมื่อเดือนธันวาคม 2557 ปรับเพิ่มจากวันละ 120 บาท เป็นวันละ 200 บาท เป็นต้น

4.เงินบำนาญพิเศษ แบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.“พิการทุพลภาพ” ได้รับ 30 หรือ 35 คูณ กับเงินเดือนเดือนสุดท้าย และหารด้วย 50 ถ้าไม่ถึง 15,000 บาท ให้ได้รับเพิ่มขึ้นจนครบ 15,000 บาท 2.“เสียชีวิต” ได้รับ 40 คูณเงินเดือนเดือนสุดท้าย หารด้วย 50 แต่ไม่น้อยกว่า 6,300 บาท

5.เงินช่วยเหลือ มี 3 กรณี คือ 1. กรณีทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และลาออกจากการปฏิบัติงานได้รับเงินช่วยเหลือเป็นเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณเวลาทำงาน(ปี) 2.ปฏิบัติงานจนครบอายุการปฏิบัติงาน ได้รับเงินช่วยเหลือ เป็นเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณเวลาทำงาน(ปี) 3.ออกจากงานด้วยเหตุปลดพิการทุพลภาพ หรือเสียชีวิตก่อนครบกำหนดอายุปฏิบัติงาน ได้รับเงินช่วยเหลือเป็น เงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณเวลาทำงาน(ปี)

นอกจากนี้ ยังมีเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดือนละ 2,500 บาท ถ้า “เสียชีวิต” ก็ยังมีสิทธิพิเศษ และเงินช่วยเหลือหลายรายการ เช่น เงินประกันชีวิตพิทักษ์พลกลาโหม 500,000 บาท , สินไหมทดแทนในการประกันชีวิต ประเภทภัยสงคราม(ทบ.) 500,000บาท , เงินพระราชทาน 50,000 บาท , เงินบำรุงขวัญ ทบ. 40,000 บาท , เงินฌาปนกิจ ทบ. ประมาณ 190,000 บาท(กรณีเป็นสมาชิก) , เงินช่วยเหลือจากมูลนิธิสายใจไทย 30,000 บาท , เงินจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 25,000-50,000 บาท , เงินบำเพ็ญกุศล 15,000 บาท และเงินเลี้ยงชีพรายเดือนให้กับทายาทเดือนละ 2,370 บาท เป็นต้น ซึ่งกองทัพมองว่า ณ เวลานี้ น่าจะ.....

“เพียงพอ”…???

SCOOP@NAEWNA.COM