บ้านเมืองเรานับวันจะ “ดุเดือด” แม้ปัจจุบันนอกเหนือจากตำรวจแล้ว ยังมีทหารออกจากกรมกองมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่กับ“ความไม่สงบเรียบร้อย” อันเนื่องมาจากคดี “ลัก วิ่ง ชิง ปล้น” ยังคงเกิดเยอะ จนหลายคนค่อนแคะว่า...

“โจรชุมยิ่งกว่ายุง”!!!

“จุดเสี่ยง” ที่เป็นเป้าหมายก่อเหตุปล้นจี้ของเหล่าวายร้าย หลักๆ หนีไม่พ้น “ธนาคาร-ร้านทอง-ร้านสะดวกซื้อ”

เหตุ “ปล้น” ร้านทอง ธนาคาร มีให้เห็นเป็นระยะๆ ขณะที่เหตุ “จี้” ร้านสะดวกซื้อ รวมถึง “เซเว่นอีเลฟเว่น” ชักจะมีให้เห็น “ถี่”

ตัวอย่างล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมาเกิดเหตุโจรจี้เซเว่นอีเลฟเว่น “7 สาขารวด” ในพื้นที่ย่านดินแดง พญาไท บางซื่อ และห้วยขวาง ก่อนที่จะ“จนมุม” โดนตำรวจ “รวบ” ในไม่กี่วันให้หลัง

ภัยร้ายจาก “ภัยโจร” ที่เกิดขึ้น กลายเป็น “คำถาม”??? ถึงเจ้าหน้าที่ว่าจะมี “มาตรการ” ดูแลความปลอดภัยของพวกเขาอย่างไร และ “เป้าหมาย”ของโจรเหล่านี้จะ “พึ่งตนเอง” อย่างไร???

ร้านสะดวกซื้อ หรือ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ถือว่าน่าสนใจ เพราะมีอยู่นับหมื่นแห่งทั่วประเทศ ที่สำคัญยังเปิด 24 ชั่วโมง ถือเป็นการ “ท้าทายโจร”!!!

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ “สตช.” เคยลงนามบันทึกความตกลงร่วมกันหรือ “เอ็มโอยู” ด้านการปราบปรามอาชญากรรม ระหว่างสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการร้านทอง ห้างค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อ โดย สตช.เข้ามาช่วยดูแลร่วมวางระบบต่างๆ เช่น ติดตั้ง
กล้องวงจรปิด ระบบการเก็บเงิน การสกรีนคนเข้าออก เป็นต้น เพื่อป้องกันเหตุและให้การติดตามจับกุมคนร้ายมีประสิทธิภาพขึ้น โดยมีการดึงพนักงานเซเว่นฯเป็นสมาชิกแจ้งเบาะแสให้ตำรวจด้วย

แนวทางการให้ร้านสะดวกซื้อเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จึงเป็นการนำ “จุดอ่อน”มาเป็น “จุดแข็ง” เพราะร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชั่วโมง แม้จะเสี่ยงโจร แต่ก็เป็น “ที่พึ่ง” ให้ประชาชนได้ เพราะมีแสงไฟสว่าง มีพนักงานอยู่ประจำ ทั้งยังมีกล้องวงจรปิด นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการอยู่ทุกมุมเมือง

ถ้า “สานต่อ” ก็น่าจะเป็นมาตรการที่ “เดินถูกทาง”

ด้านพนักงานเซเว่นฯรายหนึ่ง บอกว่า พนักงานเซเว่นฯทั่วประเทศจะรับรู้ถึง “กฎเหล็ก” อยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือ“ห้าม” มีเงินอยู่ในเครื่องเก็บเงินหลักเกิน 2,000 บาท ถ้าเกิน แล้วมีโจรมาปล้น พนักงานที่ยืนเครื่องนั้นต้องชดใช้ส่วนต่างที่เกินมาเอง กฎข้อนี้เพื่อป้องกันการขโมยทั้งจากพนักงานเอง และ “โจร” ซึ่งจะได้ยอดเงินไปไม่มาก สิ่งสำคัญที่ผู้จัดการร้านเน้นย้ำ คือ ถ้าโจรจะหยิบเงิน หรือสินค้าอะไรในร้านให้ปล่อยไป “อย่าขัดขืน” และให้ยึดหลัก “รวมกันเราอยู่”

“ทางผู้จัดการสาขาได้มีการเฝ้าระวังโดยการให้พนักงานมายืนอยู่ในร้านด้วยกันหลายๆ คน เพื่อให้มิจฉาชีพที่จะเข้ามาก่อเหตุเกิดความเกรงกลัว” พนักงานเซเว่นฯรายนี้ กล่าว

เขายังกล่าวว่า สำหรับมาตรการดูแลของตำรวจนั้น ตามปกติเซเว่นฯทุกแห่งจะมี “สายตรวจ” แวะเวียนมาตรวจตราเป็นรอบๆ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ตำรวจแวะเวียนมาดูแลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นสิ่งที่ต้องการให้ตำรวจดำเนินการ คือ เน้นตรวจตราในช่วงเวลาที่ “เสี่ยง” มากๆ และเน้นไปที่สาขาที่อยู่ใน “จุดเปลี่ยว” เพราะมีโอกาสถูกโจรบุกปล้นจี้ได้ง่าย

“ตู้แดง”...เป็นอีกหนึ่งความหวังที่ใครหลายคนมองว่าเป็นดั่งการ “เขียนเสือให้วัวกลัว” เพราะมีตู้แดง นั่นหมายถึงตำรวจต้องเวียนมาตรวจตรา แต่ในความเป็นจริง “ตู้แดง” อาจเป็นแค่ “เสือกระดาษ”!!!

เจ้าของร้านค้าทองคำแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง บอกว่า เวลานี้ดูเหมือนสภาพเศรษฐกิจจะไม่สู้ดี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคนทุกกลุ่ม อาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของทางร้านได้เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ทั้งการเพิ่มกล้องวงจรปิดให้ทั่วบริเวณร้าน ซ่อมแซมกล้องที่เสื่อมสภาพ และล็อกประตูอยู่ตลอดเวลา โดยจะเลือกรับเฉพาะลูกค้าที่จะมาซื้อทอง และบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น

“ที่มีปล้นร้านทองบ่อยๆ ถามว่าต้องการให้ตำรวจเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ ตอบเลยว่าเฉยๆ เพราะส่วนใหญ่จะพึ่งตัวเองมากกว่า หวังพึ่งตำรวจคงยาก เพราะเต็มที่แค่แวะมาเซ็นชื่อตู้แดง อย่างมากวันละครั้ง ดูแลตัวเองดีกว่า” เจ้าของร้านค้าทองคำรายนี้ กล่าว

“นุ” เจ้าของร้านค้าทองคำอีกแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง บอกว่า ทางร้านจะเฝ้าระวังเหตุอาชญากรรมตลอดเวลา เราจะสังเกตลูกค้าด้วยตัวเอง เพื่อป้องกัน“โจรแอบแฝง” นอกจากนี้ยัง “ติดกล้อง-ลูกกรงเหล็ก” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเหตุร้ายด้วย

“แม้จะมีตำรวจแวะเวียนมาเฝ้า มีกล้อง มีลูกกรง มีปืน แต่ก็ไม่ได้มั่นใจความปลอดภัย 100% ซึ่งมาตรการดูแลที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเพิ่มเติม คือ ต้องการให้เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะตำรวจ เพิ่มความถี่ในการแวะมาตรวจตรามากขึ้น เน้นช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุด้วย” เจ้าของร้านค้าทองคำแห่งนี้ กล่าว

หันมาตรวจสอบ “คำแนะนำ” จากตำรวจ พบว่า ช่วงเวลาที่ต้อง “ระวัง” ภัยจากโจรร้าย คือ ตั้งแต่ “เที่ยงคืน-ตีห้า”!!!

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่าได้กำชับ 88 สน.ทั่วกรุงเทพฯ กำหนด 5 มาตรการในการเข้มงวดกวดขันดังนี้ 1.เพิ่มความถี่ในการตรวจตราร้านสะดวกซื้อและสถานที่ต่างๆ 2.ต้องสกัดจับโดยเร็ว ห้ามนิ่งเฉย 3.ควรขึ้นบัญชีคนร้ายเผื่อมีการกระทำความผิดซ้ำ 4.ขอความร่วมมือไปยังร้านสะดวกซื้อให้ติดกล้องวงจรปิดทั้งในและนอกร้าน ควรมีสัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉินที่ร้าน และ 5.ผู้กำกับการทั้ง 88 สน.ต้องปรับแผนการดูแลความปลอดภัยของประชาชนให้รัดกุม

ขณะที่ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) กล่าวว่า ช่วงเวลาที่คนร้ายมักก่อเหตุปล้นทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ คือ เวลา 00.00-05.00 น. โดยพื้นที่ที่ “เสี่ยง” และเกิดเหตุบ่อยอยู่ในพื้นที่ บก.น.2 , บก.น.4 และ บก.น.5 ซึ่งหลายๆ จุดเป็น“ย่านชานเมือง” และ “เปลี่ยว”

รอง ผบช.น. กล่าวทิ้งท้ายว่า พนักงานร้านสะดวกซื้อควรสังเกตและระมัดระวังตัวเองไว้บ้าง เพราะคนร้ายจะสังเกตเห็นได้จากพฤติกรรมบางอย่าง ซึ่งอาจเข้ามาในรูปแบบใส่หมวกกันน็อก ตรงนี้ให้สงสัยไว้เลยว่า...

“ไม่ได้มาดีแน่”!!!

SCOOP@NAEWNA.COM