“เวลาไม่มีฟัน ทำให้กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง”…
จากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ไม่มี “ฟัน” เคี้ยวอาหาร โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นปัญหาต่อสุขภาพอย่างยิ่ง จึงทำให้เกิด “โครงการฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติ” ขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
หลายหน่วยงานได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสข้างต้นไปปฏิบัติ และต่อยอดเป็นโครงการเกี่ยวเนื่องต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้น คือ “โครงการรากฟันเทียม”เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่ง “ศูนย์เทคโนโลยีทางทันตกรรมชั้นสูง” (ADTEC) ภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีส่วนร่วมในการดำเนินการ โดย “3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นหนึ่งในเป้าหมาย เพราะประชาชนในพื้นที่เหล่านี้มีปัญหาด้านทันตกรรมจำนวนมาก และ “ยาก” ต่อการเข้าถึงการรักษา เพราะอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล และมีเหตุการณ์ความไม่สงบ
“น.ส.รัตนา วรปัสสุ” กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติฯ กล่าวระหว่างนำคณะทำงานโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติฯ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการที่ จ.นราธิวาส และสงขลา ว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายให้บริการฝัง “ข้าวอร่อย” ซึ่งเป็นนามพระราชทานของ “รากฟันเทียม” ให้กับผู้สูงอายุที่มีฟันเทียมทั้งปากทั่วประเทศ “ฟรี” เพื่อฟื้นฟูสุขภาพช่องปากให้กลับมาเคี้ยวอาหารได้ดีดังเดิม โดยมีหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 320 แห่ง, คณะทันตแพทยศาสตร์ จากสถาบันการศึกษาของรัฐ และโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหม ร่วมให้บริการ และ “3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นหนึ่งในเป้าหมายการให้บริการ
“ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ทำให้มีผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านทันตกรรมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเพราะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ เนื่องจากบางอำเภออยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล และมีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่บ่อยครั้ง ผู้ป่วยจึงเลือกรักษาตามอาการด้วยตนเอง กลายเป็นปัญหาสะสมจนยากต่อการรักษา” น.ส.รัตนา กล่าว
ด้าน “นพ.วิชัย วิเชียรวัฒนชัย” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า โครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อชาวนราธิวาส เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ไม่สะดวกในการเดินทางไปรักษาที่ต่างจังหวัด ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบปัญหาในการสื่อสาร เพราะชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม และปัญหาเรื่องความเชื่อทางศาสนาที่อาจทำให้ชาวบ้านไม่ต้องการทำรากฟันเทียม ซึ่งต้องทำความเข้าใจต่อไป
ส่วน “พ.อ.ธนกฤต นพคุณวิจัย” ทันตแพทย์ กองทันตแพทย์ กรมแพทย์ทหารบก กล่าวว่า ในระยะหลังพบว่าชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องรับบริการทำทันตกรรมโดยการจัดทำ “ฟันปลอม” ทั้งปากมากขึ้น และถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการดูแลสุขภาพช่องปากของชาวบ้านยังคงเป็นปัญหา ซึ่งสาเหตุหลักเพราะการเข้าถึงการรักษาพยาบาลทำได้ยาก เพราะบางแห่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และชาวบ้านยังขาดความรู้เกี่ยวกับทันตกรรม
“มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่อายุเพียง 30 ปี ก็มีปัญหาสูญเสียฟันหมดทั้งปาก เพราะเข้าไม่ถึงการรักษา อาจเป็นเพราะฐานะยากจน มีความยากลำบากในการเดินทาง ที่สำคัญคือไม่มั่นใจว่าเมื่อเดินทางออกจากบ้านแล้วจะมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ทางโครงการเล็งเห็นปัญหานี้จึงได้มีการประสานให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ออกสำรวจชาวบ้านที่มีปัญหา แล้วรวบรวมข้อมูลส่งให้ทีมทันตแพทย์พระราชทาน ที่จะจัดส่งทีมงานเข้าไปรับตัวผู้ป่วยมารักษาตามสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องเผชิญความเสี่ยง และเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น” พ.อ.ธนกฤต กล่าว
ด้าน “นายวีระ ภู่พงษ์ไพบูลย์” อายุ 64 ปี หนึ่งในผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการ เล่าให้ฟังว่า ป่วยเป็น “โรคปริทันต์”มานาน จนต้องถอนฟันหมดปาก หลายปีที่ผ่านมาประสบปัญหาในการเคี้ยวอาหาร จะไปรักษาที่โรงพยาบาลก็มีปัญหาเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ จึงไม่กล้าเดินทาง เมื่อทราบข่าวว่ามีโครงการที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จึงเข้าร่วมโครงการทันที
“ความรู้สึกมันต่างกันมาก ก่อนหน้านี้เวลาจะกินอะไรก็ต้องระมัดระวัง เพราะฟันโยกตลอด แต่พอได้ทำรากฟันเทียมแล้วรู้สึกดีขึ้น กินอะไรก็ไม่ต้องพะวงว่าฟันจะหลุดหรือไม่ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก” นายวีระ กล่าว
เช่นเดียวกับ “นางให้ เตชะศรี” วัย 82 ปี ซึ่งเข้ารับการฝังรากฟันเทียมจากทีมทันตแพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่ ที่เล่าว่า ประสบปัญหาเรื่องฟันผุและรากฟันไม่แข็งแรง ทำให้ฟันหลุดจนเหลือเพียง 2 ซี่ เกิดความลำบากในการรับประทานอาหาร จนบางครั้งต้องกินอาหารเหลว และมีอาการปวดฟันบ่อยครั้ง จึงตัดสินเข้าร่วมโครงการ ทำให้ชีวิตดีขึ้น
“โครงการนี้ดีจริงๆ เพราะกินอะไรก็ได้เคี้ยวได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ฟันหลุดออกเกือบหมด จนเหลือแต่เหงือก ตอนแรกที่จะใส่รากฟันเทียมก็กลัวเจ็บ แต่พอทำไปแล้วไม่รู้สึกเจ็บเท่าไร แถมยังได้ฟันสวยๆไว้เคี้ยวอาหารอีกด้วย” นางให้ กล่าว
ขณะที่ “นางอากีย๊ะ สะอุ” ที่เข้ารับการรักษาฝังรากฟันเทียมเช่นกัน เล่าถึงความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของ “ในหลวง” ทั้งน้ำตา ว่า ก่อนที่จะมีฟันปลอม เวลาทานอะไรก็ต้องเลือก แต่พอมีฟันปลอมแล้วเราก็สามารถทานอะไรได้เหมือนคนทั่วไป จึงอยากฝากไปถึงชาวบ้านที่มีปัญหาสุขภาพในช่องปากให้รีบเข้ามารับการรักษา เพราะคณะแพทย์บริการดีเยี่ยม และติดตามผลอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหน้า และที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
นางอากีย๊ะ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเป็นตัวแทนของพี่น้องชายแดนใต้ ขอขอบพระคุณในน้ำพระทัยที่ส่งมายังพวกเรา เพราะถึงแม้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะไม่ได้เสด็จมาประทับที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์แล้ว แต่พระองค์ท่านยังห่วงใย และส่งโครงการดีๆ มาให้ น้ำพระทัยของ “พ่อหลวง” เปี่ยมล้นอย่างหาที่สุดมิได้...
พระองค์ไม่เคยทิ้งพี่น้องชาวใต้ และประชาชนของพระองค์เลย…
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี