“น้องหมา” ต้องการเลือดด่วน!?!?!
ต้องการ “เกล็ดเลือด” ให้ “น้องเหมียว” ด่วน...
ขอรับ “บริจาคเลือด” เพื่อช่วยเหลือสุนัขเป็นพยาธิในเม็ดเลือด ด่วน!!!
ข้างต้นเป็นข้อความที่มักจะเห็นถูกแชร์ต่อๆ กันในโลกโซเชียลเนตเวิร์ก และตามเว็บบอร์ดต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่ามิใช่เฉพาะ “เลือด” ของมนุษย์เท่านั้นที่ขาดแคลน แต่เลือดของ “เจ้าตูบ” รวมถึง “น้องเหมียว” ก็อยู่ในภาวะวิกฤติเช่นกัน
จริงๆแล้วโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) บางเขน ได้ก่อตั้ง “ธนาคารเลือด” ขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2543 ซึ่งถือเป็นหน่วยธนาคารเลือดสำหรับสัตว์เลี้ยงในลำดับแรกๆของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชีย มีภารกิจเพื่อเก็บเลือดสำรองไว้ใช้รักษาสุนัข และแมว แต่ปัญหาที่พบตลอด 16 ปี
ที่ผ่านมา คือ “สต๊อกเลือด” มีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะกับสุนัขที่ต้องการเลือดด่วน ทำให้หลายครั้งที่สุนัขโชคร้ายต้องจากไปเพราะเลือด “ขาดแคลน”!?!?!
นายสัตวแพทย์(น.สพ.) พงษ์ศักดิ์ จันทรลอยนภา หัวหน้าหน่วยธนาคารเลือดเพื่อสัตว์ โรงพยาบาลสัตว์ มก. กล่าวว่า เฉพาะรอบปี 2558 ที่ผ่านมา มีสุนัขและแมวที่รอรับเลือดเพื่อการรักษารวม 3,434 ตัว แต่มีจำนวนถึง 1,006 ตัว ที่ต้อง “ตาย” เพราะเลือดมีไม่เพียงพอ ทางหน่วยไม่สามารถจ่ายเลือดให้ได้ และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ถึงปัจจุบัน มีเจ้าของสัตว์เลี้ยงมาแจ้งความประสงค์ต้องการเลือดสูงกว่า 200 ราย “สวนทาง” กับจำนวนผู้เสนอชื่อนำสัตว์เลี้ยงมา
บริจาคเลือดที่มีเพียง 80 ราย ซึ่งในกลุ่มสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขก็เหมือนมนุษย์ คือ บางตัว “รับได้-ให้ได้” ทุกกรุ๊ป ขณะที่บางตัวเป็นได้เฉพาะผู้รับอย่างเดียว
“น.สพ.พงษ์ศักดิ์” อธิบายต่อว่า “กรุ๊ปเลือด” ของสุนัขจะเรียกว่า DEA ซึ่งมีทั้งหมด 8 กรุ๊ป คือ DEA 1.1,
DEA 1.2, DEA 3, DEA 4, DEA 5, DEA 6, DEA 7 และ DEA 8 โดยเลือดของสุนัขจะแตกต่างจากของมนุษย์ คือ สุนัขจะไม่มี “แอนตี้บอดี้”(Antibody) แต่จะมีสารเคลือบผิวเม็ดเลือด หรือ “แอนติเจน”(Antigen) โดยกรุ๊ป DEA 1.1 และ DEA 1.2 ไม่สามารถเป็นผู้บริจาคเลือดได้ แต่รับเลือดได้คล้ายกรุ๊ป AB ในมนุษย์ ส่วนกรุ๊ปเลือดอื่นๆเป็นผู้บริจาค หรือรับเลือดได้หมด ไม่จำเป็นต้องเป็นกรุ๊ปเดียวกัน แต่ต้องตรวจว่าเข้ากันได้หรือไม่ ส่วนกลุ่มที่บริจาคเลือดให้กับทุกกรุ๊ปได้ คือ กรุ๊ป DEA 4
“ในการให้เลือดนั้น ทางหน่วยจะช่วยสุนัขหรือแมวที่รอรับเลือดด่วนก่อน โดยใช้ความเข้ากันได้ของเลือดเป็นหลัก ซึ่งเป็นเรื่องโชคดีที่เลือดสุนัขสามารถให้กันได้ทุกกรุ๊ป แต่ก็มีเรื่องโชคร้ายเพราะมีความต้องการเลือดเพิ่มขึ้นทุกๆปี
ทำให้ปริมาณเลือดสำรองในคลังเลือดไม่เพียงพอ จึงต้องการให้เจ้าของนำสัตว์เลี้ยงมาบริจาคเลือดเพิ่มขึ้น เพราะอย่างน้อย
ก็ได้ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงด้วย” น.สพ.พงษ์ศักดิ์ กล่าว
“น.สพ.พงษ์ศักดิ์” กล่าวอีกว่า ธนาคารเลือดต้องการเลือดเฉลี่ย 10-15 ตัวต่อวัน แต่ปัจจุบันมีมาบริจาคแค่ 8-10 ตัวเท่านั้น โดยปกติสุนัขน้ำหนัก 1 กิโลกรัม จะเก็บเลือดได้ไม่เกิน 20 ซีซี เฉลี่ย 1 ตัว เก็บได้สูงสุด 250-300 ซีซี ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว และโครงสร้างของสุนัข ซึ่งสาเหตุที่มีผู้นำสุนัขมาบริจาคเลือดน้อยส่วนหนึ่งมาจากเจ้าของสุนัขยังเข้าใจผิดว่าจะเป็นการ “ทำร้าย” ทำให้สุนัขได้รับความเจ็บปวด และอาจทำให้สุนัขของตัวเองไม่แข็งแรง ทั้งที่ในความเป็นจริงการมา
บริจาคเลือดเป็นประโยชน์ต่อสุนัข เพราะสุนัขจะได้รับการ “ตรวจสุขภาพ” ด้วย
“ขั้นตอน” การบริจาคเลือดนั้น เจ้าของควรให้สุนัข “งดอาหาร” 1 วัน ก่อนนำมาบริจาคเลือด แต่ทานน้ำได้เรื่อยๆ โดยก่อนบริจาคสุนัขจะได้รับการตรวจสุขภาพ เช่น ตรวจการหายใจ วัดไข้ ดูลักษณะภายนอกว่ามีโรคผิวหนังหรือไม่ ถ้า “ผ่านเกณฑ์” จะทำการเจาะเลือดไปตรวจสุขภาพด้วยว่าเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ จะมีการตรวจเม็ดเลือดขาว-เม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด ตับ และไต เป็นต้น
“ก่อนจะบริจาคเลือดได้ สัตวแพทย์จะตรวจสุขภาพให้แน่ใจก่อนว่ามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไม่มีโรคติดต่อ ถ้ามีอาการป่วยก็จะได้รับการรักษาทันท่วงที และต้องเป็นสุนัขที่มีอายุ 1-7 ปี มีน้ำหนักประมาณ 17 กิโลกรัมขึ้นไป มีประวัติการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าครบ เพราะโรคนี้ติดต่อมาสู่คนได้ หรือกรณีเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น พุดเดิ้ล หรือชิสุ เราจะไม่รับเพราะน้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์ และเลือดในตัวเขามีน้อยอยู่แล้ว ถ้าเอาเลือดเขามาอีกก็อาจเกิดอันตรายต่อตัวเขาได้” น.สพ.พงษ์ศักดิ์ กล่าว
ด้วยความที่เลือดมีไม่เพียงพอต่อการ “ยื้อชีวิต” สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมว ทำให้ “คณะสัตวแพทยศาสตร์ มก.” ต้องหาทางแก้ไข ล่าสุดได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลง(MOU) ว่าด้วย “ธนาคารเลือดเพื่อสัตว์เลี้ยง”เพื่อร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ กรมการสัตว์ทหารบก, กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ(K-9), มูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.จักร พิชัยรณรงค์สงคราม และสมาคมนิสิตเก่าสัตวแพทยศาสตร์ มก. ในการจัดหาเลือดสำรองสำหรับสนับสนุนการตรวจรักษาสุนัขป่วยในโรงพยาบาลสัตว์ มก. และเพื่อให้ผู้คนในสังคมตระหนักว่าธนาคารเลือดสัตว์เลี้ยงมีความจำเป็น
“รศ.น.สพ.พิบูล ไชยอนันต์ ประธานมูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.จักร พิชัยรณรงค์สงคราม กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการ “จุดประกาย” ให้ทุกคนในสังคมตระหนักว่า “ธนาคารเลือดสัตว์เลี้ยง” มีความจำเป็น และที่ผ่านมาต่างคนต่างทำงานในเรื่องนี้ จึงไม่เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม แต่ถ้ารวมกันทำให้เต็มที่จะเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้งานสำเร็จโดยเร็ว และพัฒนาต่อไปได้ง่ายขึ้น
สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีความประสงค์จะให้สัตว์เลี้ยงร่วมบริจาคเลือด สามารถร่วมบริจาคได้ที่หน่วยธนาคารเลือดเพื่อสัตว์เลี้ยง โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร.0-2797-1900 ต่อ 2329(ห้องธนาคารเลือด) หรือ 08-1838-7713
ณ เวลานี้ ยังมีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมวจำนวนไม่น้อย ที่นอนรอคอย “ความหวัง” ที่จะมีชีวิตอยู่เป็นเพื่อนข้างกาย
มนุษย์ต่อไป ดังนั้นถ้ามีโอกาสควรจะพาสุนัขไปบริจาคเลือด เพราะเลือดของสุนัขหนึ่งตัว สามารถช่วยเหลือสุนัขที่เจ็บป่วยได้อีกหลายต่อหลายตัว และนอกจากจะได้ทำบุญช่วยเหลือชีวิตสุนัขตัวอื่นๆ แล้ว ยังถือว่าเป็นการตรวจสุขภาพสุนัขไปในตัวด้วย...
ที่สำคัญ...“เลือด” ที่บริจาคไปนั้น...
วันหนึ่งอาจช่วย “ยื้อชีวิต” เพื่อนข้างกายของคุณได้!?!?!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี