“ป่าเขาขาด” ในเขตป่าสงวนแห่งชาติกุดจับ หมู่ 3 บ้านคำบอนเวียงชัย ต.หนองแวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ตกเป็นข่าวครึกโครมในช่วงที่ผ่านมา เมื่อถูกยกให้เป็น “ทุ่งสังหาร” หลังมีการพบจุดปลิดชีพหลายชีวิตด้วยวิธีสุดโหด นั่นคือการ “เผานั่งยาง” จนนำมาซึ่งการสืบหาต้นตอของ “ปมสังหาร”
ย้อนไปเมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ญาติของนางบังอร ทองอ่อน อายุ 52 ปี ชาวบ้านดงบัง ต.โนนทอง อ.บ้านผือ ซึ่งญาติเข้าใจว่าถูกคนร้าย “ฆ่าแล้วเผา” ที่ป่าเขาขาดแห่งนี้เมื่อปี 2557 ได้นำสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบจุดปลิดชีพนางบังอร เพื่อ “แกะรอย” คดีดังกล่าว แต่ปรากฏว่านางบังอรไม่ใช่ “ศพเดียว” ที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม หากแต่ยังพบจุดเผานั่งยางอีกจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว จนนำมาซึ่งการเปิดป่าทุ่งสังหารแห่งนี้เพื่อล่าตัว “แก๊งเผา”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และตำรวจกองปราบปราม ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าบริเวณเชิง “ภูเขาขาด” บ้านคำบอนเวียงชัย พบ ชิ้นส่วนกระดูก เศษลวด เศษเถ้าถ่านเป็นจุดๆ มีร่องรอยการเผานั่งยางมนุษย์ราว 23 จุด กระจายเต็มพื้นที่เป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ 1 ไร่
“พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงษ์สมาน” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) อุดรธานี กล่าวว่า แต่ละจุดที่พบมีทั้งที่เหลือชิ้นส่วนมนุษย์จำนวนมาก คาดว่าจะถูกเผามาแล้วประมาณ 2 เดือน บางแห่งน่าจะถูกเผามานานกว่า 1 ปีบ้าง 2 ปีบ้างซึ่งได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนขึ้นมาคลี่คลายคดี และ “สาง...ปมเผา” ให้ได้ เบื้องต้นพบว่าอาจจะมี“สีกากี” นอกรีตบางกลุ่มตั้ง “แก๊งอุ้มรีด” และเรียกค่าไถ่นำเหยื่อมาฆ่าแล้วเผาที่นี่
ขณะที่ “พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ซึ่งลงพื้นที่เร่งรัดคดีด้วยตนเอง ยืนยันว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ และทำคดีตรงไปตรงมา ถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องจะ “ไม่ละเว้น” เด็ดขาด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินหน้า “ไขเงื่อนงำ” ต่างๆ ทำให้เรื่องราวของ “ทุ่งสังหาร” แห่งนี้ถูกเปิดเผยขึ้นอีกหลายแง่มุม บางข้อมูลอาจเป็นจิ๊กซอว์ปะติดปะต่อโยงให้เห็นว่าใครเกี่ยวข้องกับ “ฆาตกรรมอำพราง” ครั้งนี้บ้าง.???
สำหรับป่าภูเขาขาด หรือ “ป่ากุดจับ” อยู่ติดกับถนนสาย อ.บ้านผือ-กุดจับ ห่างจากที่ตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) หนองแวง ประมาณ 2 กิโลเมตร และเชื่อมต่อกับแนว “เทือกเขาภูพาน” ที่ทอดยาวจาก อ.สังคม ผ่าน จ.อุดรธานี หนองบัวลำภู และขอนแก่น ซึ่งจากการสอบถามคนในพื้นที่ทำให้พบเรื่องราวชวน“ขนหัวลุก” ของ “ป่ามรณะ” แห่งนี้
“ฉันทะ ฤทธิวงศ์” นายก อบต.กุดจับ ย้อนอดีตให้ฟังว่า บริเวณ คือ “สุสานนักเลง” สมัยก่อนจะมี “โจรปล้นควาย” ออกอาละวาด มีเหตุมาฆ่าเผานั่งยางมานานแล้วกว่า 30-40 ปี เพราะบริเวณนี้เปลี่ยวมากไม่ค่อยมีใครผ่าน ยิ่งเป็นเวลากลางคืนชาวบ้านยิ่งไม่ค่อยออกจากบ้าน
ขณะที่ชาวบ้านรายหนึ่ง บอกว่า “สุสานนักเลง” ในความหมายของชาวบ้าน คือ เมื่อมีการเตือนแล้วไม่ฟัง จึงต้องใช้ “ศาลเตี้ย” ลงทัณฑ์ด้วยวิธีเผานั่งยาง ที่โหดที่สุด คือ “ยุคฆ่าตัดตอน” ที่มีเสียงร่ำลือกันว่าเจ้าหน้าที่จะใช้ป่าบริเวณนี้เป็นจุดเผานั่งยาง “แก๊งค้ายา” ที่ไม่เลิกค้ายา ทำกันแบบนี้มานานหลายสิบปี ถ้าให้ “ฟันธง” ว่าเหยื่อในทุ่งสังหารเป็นกลุ่มใด เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่พัวพันกับ “ยาเสพติด” มากที่สุด
“เมื่อชาวบ้านไปหาของป่าพบศพถูกเผานั่งยางก็ไม่สนใจคิดว่าเป็นพวกค้ายาที่เจ้าหน้าที่ฆ่าตัดตอน แล้วนำมาเผานั่งยาง บางครั้งช่วง 4-5 โมงเย็น จะได้ยินเสียงปืน จากนั้นก็มีควันโขมงขึ้นในป่า เชื่อว่าคงมีการฆ่าเผานั่งยางมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ศพ”
ชาวบ้านรายนี้ กล่าว
ด้านผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่ง เล่าถึง “ตำนานทุ่งสังหาร” ว่า ป่าภูเขาขาด หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าทุ่งสังหาร และ “ป่าช้าคนเป็น” มีประวัติมาช้านานว่าเมื่อ 30-40 ปีก่อน มีเจ้าหน้าที่รัฐได้นำพวกลักเล็กขโมยน้อย แก๊งลักวัวขโมยควาย ที่ไม่กลับใจมา “ฆ่าทิ้ง” ที่นี่ ต่อมาช่วงประกาศ “สงครามกับยาเสพติด” พื้นที่ตรงนี้ถูกใช้เป็นที่ตั้งฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดจากหลายหน่วยงาน โดยเส้นทางระหว่างบ้านผือ น้ำโสม จนถึง อ.สังคม จ.หนองคาย มีกองกำลัง “ปราบยา” อยู่หลายหน่วยงาน และเชื่อกันว่าเจ้าหน้าที่ใช้ “ทุ่งสังหาร” แห่งนี้เป็นจุดฆ่าตัดตอน “แก๊งยานรก”
“เชื่อกันว่าเจ้าหน้าที่ทั้งนำศพที่ฆ่าแล้วมาเผานั่งยาง หรืออุ้มมาฆ่า ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และแม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่ยังมีเจ้าหน้าที่นอกแถวบางกลุ่มที่เคยเป็นมือสังหารมาก่อน ยังไม่ยอมเลิกพฤติกรรม ยังคงรับจ๊อบพิเศษ รับจ้างอุ้มฆ่า นำศพ หรือเหยื่อ มาเผาทำลายหลักฐานที่บริเวณนี้”
ผู้นำท้องถิ่นรายนี้ กล่าวอีกว่า หลังมีการพบ“ทุ่งสังหาร...เผานั่งยาง” แพร่สะพัดออกไป ทำให้มีชาวบ้านจากทั่วทุกสารทิศแห่ไปที่ สภ.บ้านผือ เพื่อแจ้งคนหายรวมขณะนี้มียอด 31 รายแล้ว ซึ่งจากการตรวจ DNA ยืนยันได้เพียงศพเดียว คือ นางบังอร ทองอ่อน ส่วนโครงกระดูกที่พบนอกเหนือจากนั้นน่าจะเป็นของเก่าที่เกิดขึ้นมานานสิบกว่าปีขึ้นไป
นี่คือเรื่องราวของ “ทุ่งสังหาร...เผานั่งยาง” ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนอยู่ระหว่างเร่งเก็บรวบรวมหลักฐาน เพื่อใช้ติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดี เชื่อว่าถ้าเชื่อมโยงไปถึงใครขึ้นมาสักคน คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะรื้อฟื้นคดี และติดตามคนร้ายที่อาจอยู่ในคราบ “ซาตานในเครื่องแบบ” บางคนมาดำเนินคดีได้โดยเร็ว
นั่นจะทำให้ “เงื่อนปมแห่งป่าช้าคนเป็น” ถูกคลี่คลาย
เหนือสิ่งอื่นใด...ความเป็นธรรมที่จะกลับคืนสู่ร่างไร้วิญญาณของ “เหยื่อทุ่งสังหาร”
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี