วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
ตามดูชุมชนต้นแบบ “คนปั๋น” ศรัทธาแห่งผาสิงห์

ตามดูชุมชนต้นแบบ “คนปั๋น” ศรัทธาแห่งผาสิงห์

วันพฤหัสบดี ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556, 02.00 น.
Tag :
  •  

‘ปั๋น’ เป็นคำในภาษาถิ่นเหนือ  หมายถึงการแบ่งปันเช่นเดียวกับคำว่า ‘ปัน’ ในภาษากลาง  แม้ว่าสำเนียงเสียงพูดจะผิดเพี้ยนกันไปบ้าง  แต่การแบ่งปันคือรากฐานวิถีไทย  ไม่ว่าแห่งหนตำบลใด

                กลุ่มคนปั๋น  เป็นชื่อที่ชาวสวนหอม  ตำบลผาสิงห์ จ.น่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายตำบลสุขภาวะ สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่นี่จะเรียกขานผู้คนซึ่งแวะเวียนมาที่วัด  นานวันเข้า  คำคำนี้ก็กลายมากเป็นคำพูดติดปาก  ใครที่เข้าวัดมาทำกิจกรรมต่างๆ  หรือปรึกษาหารือกิจการงานวัน  และหมู่บ้านก็จะถูกเรียกว่าคนปั๋น  วันนี้คนปั๋นเติบโตเป็นกลุ่มชุมชนเข้มแข็งรวมเอาคนหลากกลุ่มหลายวัยเข้าด้วย  ชาวสวนหอมทุกคนจึงล้วนได้ชื่อเป็นคนปั๋นด้วยกันทั้งสิ้น 


                พระอธิการศราวุฒิ สุขวัทโน เจ้าอาวาสวัดสวนหอม หมู่ 3 ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ผู้ที่มีส่วนสำคัญในการก่อตั้งและหนุนเสริมกลุ่มคนปั๋นมาตั้งแต่แรกกล่าวถึงที่มาของกลุ่มว่า ได้เริ่มกันมา 4 – 5 ปีแล้ว ไม่ได้มีรูปแบบตายตัว แล้วแต่ว่าใครอยากทำอะไร ‘คนปั๋น’ ก็เลยมีคนหลายวัย  ทั้งคนเฒ่าคนแก่ กลุ่มแม่บ้าน เด็ก วัยรุ่น ที่เข้ามาวัดเพราะอยากทำกิจกรรมร่วมกัน

เยาวชนผู้หญิงหัดฟ้อนล่องน่าน

               ด้วยความที่วัดสวนหอม เป็นพื้นที่ศูนย์กลางของคนในชุมชน  นอกจากการเข้าวัดฟังธรรมของผู้เฒ่าผู้แก่  และพ่อบ้านแม่เรือนในวันพระแล้ว  การเข้าวัดของชาวสวนหอมยังรวมไปถึงการประชุมปรึกษาหารือการงานต่างๆ ของหมู่บ้าน  ตลอดจนการเข้ามาฝึกหัดฝึกฝนงานช่างแขนงต่างๆ เช่น  ช่างแกะ สลัก  ช่างจัดดอกไม้  บายศรี  หมอสู่ขวัญ  หรือเรียกขวัญ  ช่างตัดตุงต้องดอก (ฉลุลายกระดาษ)  ช่างฟ้อนและกลุ่มกลองยาว  เป็นต้น   ศรัทธาวัดสวนหอมในนาม ’กลุ่มคนปั๋น’ จึงเป็นการรวมช่างพุทธศิลป์และพื้นถิ่นมากฝีมือ  เป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่ากลุ่มมีการฝึกฝนสร้างงานศิลป์อยู่ไม่ขาด

                เจ้าอาวาสวัดสวนหอม วางมือจากงานแกะสลักพระพุทธรูปไม้  หยิบกระดาษสาสีขาวฉลุลวดลายงดงามออกมา   และบอกว่านี้คือศิลปะการต้องดอก  คือการฉลุลวดลายลงบนกระดาษ  ใช้สำหรับประดับตกแต่งในงานพิธีต่างๆ หนึ่งในการเรียนรู้เชิงพุทธศิลป์ของกลุ่มคนปั๋น

                ท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อ พ.ศ. 2549  ท่านได้เข้าร่วมโครงการฝึก สอนงานช่างพุทธศิลป์  ซึ่งได้มีการจัดอบรมการสนับสนุนจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งได้มีการเรียนรู้ตั้งแต่การตัดตุง  ต้องดอก  การแกะสลัก  ไปจนถึงการลงรักปิดทอง  หลังจากการฝึกอบรมเสร็จสิ้น  ท่านก็นำความรู้มาถ่ายทอดให้แก่กลุ่มแม่บ้านสวนหอม  เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ประดิษฐ์งานศิลป์สำหรับใช้ในพิธีกรรมต่างๆ  ของวัดอยู่เดิม

                การฝึกฝนอย่างจริงจังทำให้ฝีมือการตัดตุงและต้องดอกของกลุ่มแม่บ้านพัฒนาขึ้นจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก  มีการติดต่อจ้างงานจนเกิดเป็นรายได้ให้กับกลุ่ม  ต่อมาชาวบ้านที่มีความรู้ความชำนาญในงานช่างแขนงต่างๆ  เช่น ช่างแกะสลักหัวเรือ  ช่างทำดอกไม้ บายศรี  หมอสู่ขวัญ  ช่างฟ้อน  เป็นต้น  ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมที่วัดสวนหอม  การได้พบปะพูดคุย ช่วยเหลืองานต่างๆของวัดและหมู่บ้านร่วมกัน  ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนแนบแน่นขึ้น  งานช่างฝีมือเก่าแก่ที่เคยถูกละเลยก็ได้รับการฟื้นฟู  วันกลายมาเป็นพื้นที่ร่วม  เป็นจุดศูนย์รวมของทุกคน  “กลุ่มคนปั๋น” ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะใน  พ.ศ. 2550

พระอธิการศราวุฒิ เจ้าอาวาสวัดสวนหอม

                ทั้งนี้ถือได้ว่าเด็กและเยาวชนคือสมาชิกชุมชนที่กลุ่มคนปั๋นให้ความสำคัญ  ด้วยเห็นร่วมกันว่าเป็นวัยที่เสี่ยง  ผู้ใหญ่สามารถป้องกันด้วยการชี้นำพวกเขาเข้ามาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง  กลุ่มกลองยาวของเยาวชนบ้านสวนหอมจึงเริ่มมีขึ้นในปีต่อมา  จากกลองยาวที่เสื่อมสภาพจากการไม่ได้ใช้งานถูกนำมาซ่อมแซม  ขึ้นหน้ากลองใหม่  เด็กชายหลายคนเข้ามาฝึกหัดตีกลองโดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้สอน  เด็กๆ จะมาฝึกซ้อมร่วมกันทุกเย็นจนกลายเป็นกิจวัตร  

                ทั้งนี้พระอธิการศราวุฒิยังได้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของพ่อ แม่หลังจากเริ่มกิจกรรมว่า “พ่อแม่เห็นลูกเข้าวัดก็สบายใจ  ถ้าลูกมาวัดพ่อแม่ก็จะมาด้วย จากที่กลัวว่าเด็กจะไปติดเกม หรือไปมีเรื่องชกต่อยกับเด็กอื่น  พ่อแม่ก็เบาใจ  มีการมีงานในหมู่บ้านเรา พลังมวลชนที่จะมาช่วยกันก็มากขึ้น”

                ภายในเวลาไม่ถึงสองปี กลุ่มกลองยาวที่ฝึกฝนเริ่มเข้าร่วมแสดงในกิจกรรมต่างๆของชุมชน เช่นงานทอดกฐิน งานสรงน้ำพระธาตุ  งานห้าเป็งขึ้นถ้ำผาตูบและงานบุญต่างๆ   

                พระอธิการศราวุฒิ  กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ต่อมาในปี 2553 กลุ่มกลองยาวได้เข้าร่วมประกวดตีกลองยาวที่วัดพระธาตุแช่แห้งจัดขึ้นทุกปี รางวัลชนะเลิศทำให้เด็กๆมีกำลังใจฝึกซ้อมกันมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ยังมีการฝึกตีกลองปู่จา  ขณะที่หมู่บ้านอื่นจะให้ผู้เฒ่าผู้แก่เป็นผู้ตี แต่ที่นี่เลือกให้เด็กตีเพราะผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างรู้สึกภูมิใจในลูกหลานของตนเอง เป็นแรงพลังให้กลุ่มกลองยาวชนะเลิศการประกวดตีกลองยาวใน พ.ศ.2555 อีกครั้ง 

                 ปัจจุบันกลุ่มกลองยาวมีสมาชิก 10 คน มีเณรร่วมฝึกด้วยอีก 5 รูป สินน้ำใจที่ได้รับจากการแสดงแต่ละครั้งนั้นสร้างรายได้แก่กลุ่ม  และสามารถแบ่งปันเงินกองกลางสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ  รางวัลอาจเป็นเป้าหมายหนึ่งของความสำเร็จ  แต่การฝึกฝนตนเองเป็นเป้าหมายที่พระอธิการศราวุฒิเห็นว่าสำคัญยิ่งกว่า  

                หัวเรือพญานาคขนาดเล็กแกะสลักจากไม้บางอันฝีมือยังไม่ประณีตนัก  แต่หากมองว่านี้เป็นผลงานของเยาวชนก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีท่านเจ้าอาวาสบอกว่า  งานที่ต้องใช้ความประณีตจะทำให้เด็กรู้จัดอดทน  รู้คุณค่าของสิ่งที่ทำ  หัวเรือพญานาคขนาดจิ๋วเหล่านี้หลังจากลงสีให้สวยงามแล้วสามารถต่อยอดเป็นสินค้าที่ระลึก  หรืออาจเป็นอาชีพเสริมให้กับพวกเขาได้ในวันหน้า

                ขณะที่กลุ่มกลองยาวกำลังเป็นที่คึกคัก กลุ่มแม่บ้านก็ไม่น้อยหน้า ชวนเด็กๆเยาวชนผู้หญิงมาหัดฟ้อนล่องน่าน ออกงานได้ไม่แพ้กลุ่มกลองยาว  ช่างฝีมือแขนงต่างๆ  ก็พัฒนาฝีมือของตนและถ่ายทอดให้แก่ผู้สนใจอย่างต่อเนื่อง  ลานวัดบ้านหอมจึงไม่เคยเงียบเหงา  ความร่วมมือร่วมใจกันเช่นนี้ทำให้กลุ่มคนปั๋นได้รับการสนับสนุนทั้งจากหน่วยงานท้องถิ่นและเอกชน  เป็นพลังหนุนเสริมให้กลุ่มสร้างสรรค์งานศิลป์และสานสัมพันธ์คนในชุมชนให้เหนียวแน่นต่อไป

                วันนี้ “กลุ่มคนปั๋น” จึงไม่ใช่แค่กลุ่มชาวบ้านที่สร้างสรรค์งานช่างพุทธศิลป์  ทว่าเป็นกลุ่มคนที่แบ่งปันพื้นที่และความหมายของการเป็นคนของชุมชนให้แก่กัน เด็กและเยาวชนได้รับการปกป้องจากปัญหานานาประการด้วยศิลปะ 

                การเปิดโอกาสและการยอมรับจากผู้ใหญ่  ขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้เสริมสร้างพลังแก่ลุงป้าน้าอาด้วยการสืบทอดศิลปวัฒนธรรม  การเรียนรู้ร่วมกันนี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างชุมชนที่เข้มแข็งในทุกๆด้าน ความเป็นคนปั๋นจึงถูกส่งต่อและแบ่งปันกันไม่สิ้นสุด

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568

‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก

ตร.เชียงรายดักรวบ! ‘คู่หูไทย-ลาว’ ขนเฮโรอีน60กิโลกรัม-คารถทัวร์มุ่งหน้าเข้ากรุง

‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved