‘ปั๋น’ เป็นคำในภาษาถิ่นเหนือ หมายถึงการแบ่งปันเช่นเดียวกับคำว่า ‘ปัน’ ในภาษากลาง แม้ว่าสำเนียงเสียงพูดจะผิดเพี้ยนกันไปบ้าง แต่การแบ่งปันคือรากฐานวิถีไทย ไม่ว่าแห่งหนตำบลใด
กลุ่มคนปั๋น เป็นชื่อที่ชาวสวนหอม ตำบลผาสิงห์ จ.น่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายตำบลสุขภาวะ สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่นี่จะเรียกขานผู้คนซึ่งแวะเวียนมาที่วัด นานวันเข้า คำคำนี้ก็กลายมากเป็นคำพูดติดปาก ใครที่เข้าวัดมาทำกิจกรรมต่างๆ หรือปรึกษาหารือกิจการงานวัน และหมู่บ้านก็จะถูกเรียกว่าคนปั๋น วันนี้คนปั๋นเติบโตเป็นกลุ่มชุมชนเข้มแข็งรวมเอาคนหลากกลุ่มหลายวัยเข้าด้วย ชาวสวนหอมทุกคนจึงล้วนได้ชื่อเป็นคนปั๋นด้วยกันทั้งสิ้น
พระอธิการศราวุฒิ สุขวัทโน เจ้าอาวาสวัดสวนหอม หมู่ 3 ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ผู้ที่มีส่วนสำคัญในการก่อตั้งและหนุนเสริมกลุ่มคนปั๋นมาตั้งแต่แรกกล่าวถึงที่มาของกลุ่มว่า ได้เริ่มกันมา 4 – 5 ปีแล้ว ไม่ได้มีรูปแบบตายตัว แล้วแต่ว่าใครอยากทำอะไร ‘คนปั๋น’ ก็เลยมีคนหลายวัย ทั้งคนเฒ่าคนแก่ กลุ่มแม่บ้าน เด็ก วัยรุ่น ที่เข้ามาวัดเพราะอยากทำกิจกรรมร่วมกัน
เยาวชนผู้หญิงหัดฟ้อนล่องน่าน
ด้วยความที่วัดสวนหอม เป็นพื้นที่ศูนย์กลางของคนในชุมชน นอกจากการเข้าวัดฟังธรรมของผู้เฒ่าผู้แก่ และพ่อบ้านแม่เรือนในวันพระแล้ว การเข้าวัดของชาวสวนหอมยังรวมไปถึงการประชุมปรึกษาหารือการงานต่างๆ ของหมู่บ้าน ตลอดจนการเข้ามาฝึกหัดฝึกฝนงานช่างแขนงต่างๆ เช่น ช่างแกะ สลัก ช่างจัดดอกไม้ บายศรี หมอสู่ขวัญ หรือเรียกขวัญ ช่างตัดตุงต้องดอก (ฉลุลายกระดาษ) ช่างฟ้อนและกลุ่มกลองยาว เป็นต้น ศรัทธาวัดสวนหอมในนาม ’กลุ่มคนปั๋น’ จึงเป็นการรวมช่างพุทธศิลป์และพื้นถิ่นมากฝีมือ เป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่ากลุ่มมีการฝึกฝนสร้างงานศิลป์อยู่ไม่ขาด
เจ้าอาวาสวัดสวนหอม วางมือจากงานแกะสลักพระพุทธรูปไม้ หยิบกระดาษสาสีขาวฉลุลวดลายงดงามออกมา และบอกว่านี้คือศิลปะการต้องดอก คือการฉลุลวดลายลงบนกระดาษ ใช้สำหรับประดับตกแต่งในงานพิธีต่างๆ หนึ่งในการเรียนรู้เชิงพุทธศิลป์ของกลุ่มคนปั๋น
ท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อ พ.ศ. 2549 ท่านได้เข้าร่วมโครงการฝึก สอนงานช่างพุทธศิลป์ ซึ่งได้มีการจัดอบรมการสนับสนุนจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งได้มีการเรียนรู้ตั้งแต่การตัดตุง ต้องดอก การแกะสลัก ไปจนถึงการลงรักปิดทอง หลังจากการฝึกอบรมเสร็จสิ้น ท่านก็นำความรู้มาถ่ายทอดให้แก่กลุ่มแม่บ้านสวนหอม เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ประดิษฐ์งานศิลป์สำหรับใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ของวัดอยู่เดิม
การฝึกฝนอย่างจริงจังทำให้ฝีมือการตัดตุงและต้องดอกของกลุ่มแม่บ้านพัฒนาขึ้นจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มีการติดต่อจ้างงานจนเกิดเป็นรายได้ให้กับกลุ่ม ต่อมาชาวบ้านที่มีความรู้ความชำนาญในงานช่างแขนงต่างๆ เช่น ช่างแกะสลักหัวเรือ ช่างทำดอกไม้ บายศรี หมอสู่ขวัญ ช่างฟ้อน เป็นต้น ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมที่วัดสวนหอม การได้พบปะพูดคุย ช่วยเหลืองานต่างๆของวัดและหมู่บ้านร่วมกัน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนแนบแน่นขึ้น งานช่างฝีมือเก่าแก่ที่เคยถูกละเลยก็ได้รับการฟื้นฟู วันกลายมาเป็นพื้นที่ร่วม เป็นจุดศูนย์รวมของทุกคน “กลุ่มคนปั๋น” ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะใน พ.ศ. 2550
พระอธิการศราวุฒิ เจ้าอาวาสวัดสวนหอม
ทั้งนี้ถือได้ว่าเด็กและเยาวชนคือสมาชิกชุมชนที่กลุ่มคนปั๋นให้ความสำคัญ ด้วยเห็นร่วมกันว่าเป็นวัยที่เสี่ยง ผู้ใหญ่สามารถป้องกันด้วยการชี้นำพวกเขาเข้ามาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง กลุ่มกลองยาวของเยาวชนบ้านสวนหอมจึงเริ่มมีขึ้นในปีต่อมา จากกลองยาวที่เสื่อมสภาพจากการไม่ได้ใช้งานถูกนำมาซ่อมแซม ขึ้นหน้ากลองใหม่ เด็กชายหลายคนเข้ามาฝึกหัดตีกลองโดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้สอน เด็กๆ จะมาฝึกซ้อมร่วมกันทุกเย็นจนกลายเป็นกิจวัตร
ทั้งนี้พระอธิการศราวุฒิยังได้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของพ่อ แม่หลังจากเริ่มกิจกรรมว่า “พ่อแม่เห็นลูกเข้าวัดก็สบายใจ ถ้าลูกมาวัดพ่อแม่ก็จะมาด้วย จากที่กลัวว่าเด็กจะไปติดเกม หรือไปมีเรื่องชกต่อยกับเด็กอื่น พ่อแม่ก็เบาใจ มีการมีงานในหมู่บ้านเรา พลังมวลชนที่จะมาช่วยกันก็มากขึ้น”
ภายในเวลาไม่ถึงสองปี กลุ่มกลองยาวที่ฝึกฝนเริ่มเข้าร่วมแสดงในกิจกรรมต่างๆของชุมชน เช่นงานทอดกฐิน งานสรงน้ำพระธาตุ งานห้าเป็งขึ้นถ้ำผาตูบและงานบุญต่างๆ
พระอธิการศราวุฒิ กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ต่อมาในปี 2553 กลุ่มกลองยาวได้เข้าร่วมประกวดตีกลองยาวที่วัดพระธาตุแช่แห้งจัดขึ้นทุกปี รางวัลชนะเลิศทำให้เด็กๆมีกำลังใจฝึกซ้อมกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการฝึกตีกลองปู่จา ขณะที่หมู่บ้านอื่นจะให้ผู้เฒ่าผู้แก่เป็นผู้ตี แต่ที่นี่เลือกให้เด็กตีเพราะผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างรู้สึกภูมิใจในลูกหลานของตนเอง เป็นแรงพลังให้กลุ่มกลองยาวชนะเลิศการประกวดตีกลองยาวใน พ.ศ.2555 อีกครั้ง
ปัจจุบันกลุ่มกลองยาวมีสมาชิก 10 คน มีเณรร่วมฝึกด้วยอีก 5 รูป สินน้ำใจที่ได้รับจากการแสดงแต่ละครั้งนั้นสร้างรายได้แก่กลุ่ม และสามารถแบ่งปันเงินกองกลางสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ รางวัลอาจเป็นเป้าหมายหนึ่งของความสำเร็จ แต่การฝึกฝนตนเองเป็นเป้าหมายที่พระอธิการศราวุฒิเห็นว่าสำคัญยิ่งกว่า
หัวเรือพญานาคขนาดเล็กแกะสลักจากไม้บางอันฝีมือยังไม่ประณีตนัก แต่หากมองว่านี้เป็นผลงานของเยาวชนก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีท่านเจ้าอาวาสบอกว่า งานที่ต้องใช้ความประณีตจะทำให้เด็กรู้จัดอดทน รู้คุณค่าของสิ่งที่ทำ หัวเรือพญานาคขนาดจิ๋วเหล่านี้หลังจากลงสีให้สวยงามแล้วสามารถต่อยอดเป็นสินค้าที่ระลึก หรืออาจเป็นอาชีพเสริมให้กับพวกเขาได้ในวันหน้า
ขณะที่กลุ่มกลองยาวกำลังเป็นที่คึกคัก กลุ่มแม่บ้านก็ไม่น้อยหน้า ชวนเด็กๆเยาวชนผู้หญิงมาหัดฟ้อนล่องน่าน ออกงานได้ไม่แพ้กลุ่มกลองยาว ช่างฝีมือแขนงต่างๆ ก็พัฒนาฝีมือของตนและถ่ายทอดให้แก่ผู้สนใจอย่างต่อเนื่อง ลานวัดบ้านหอมจึงไม่เคยเงียบเหงา ความร่วมมือร่วมใจกันเช่นนี้ทำให้กลุ่มคนปั๋นได้รับการสนับสนุนทั้งจากหน่วยงานท้องถิ่นและเอกชน เป็นพลังหนุนเสริมให้กลุ่มสร้างสรรค์งานศิลป์และสานสัมพันธ์คนในชุมชนให้เหนียวแน่นต่อไป
วันนี้ “กลุ่มคนปั๋น” จึงไม่ใช่แค่กลุ่มชาวบ้านที่สร้างสรรค์งานช่างพุทธศิลป์ ทว่าเป็นกลุ่มคนที่แบ่งปันพื้นที่และความหมายของการเป็นคนของชุมชนให้แก่กัน เด็กและเยาวชนได้รับการปกป้องจากปัญหานานาประการด้วยศิลปะ
การเปิดโอกาสและการยอมรับจากผู้ใหญ่ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้เสริมสร้างพลังแก่ลุงป้าน้าอาด้วยการสืบทอดศิลปวัฒนธรรม การเรียนรู้ร่วมกันนี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างชุมชนที่เข้มแข็งในทุกๆด้าน ความเป็นคนปั๋นจึงถูกส่งต่อและแบ่งปันกันไม่สิ้นสุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี