วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
‘สมุนไพร’กับแพทย์ทางเลือก ข้อจำกัดที่ทำให้ตามไม่ทันต่างชาติ

‘สมุนไพร’กับแพทย์ทางเลือก ข้อจำกัดที่ทำให้ตามไม่ทันต่างชาติ

วันพฤหัสบดี ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556, 02.00 น.
Tag :
  •  

ปัจจุบัน กระแสการอุปโภคบริโภค จับจ่ายใช้สอยของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่เรียกว่า “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์” (Organic Product) โดยจะเห็นว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าซีกโลกตะวันออกหรือตะวันตก ล้วนหันมาสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ทั้งอาหาร เครื่องสำอาง ที่ผลิตจากสารสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่มีการใช้สารเคมีในการเร่งการเจริญเติบโต หรือกำจัดศัตรูพืชมาเจือปน รวมไปถึงความนิยมในการใช้สมุนไพร เป็นตัวยาเสริมในการรักษาโรคและบำรุงร่างกาย ควบคู่กับยาแผนปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่กระบวนการผลักดันสมุนไพรไทย ให้เป็นที่นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไทยด้วยกัน ยังถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับการโหมโฆษณายาและอาหารเสริมแผนปัจจุบันผ่านสื่อต่างๆ ของบรรดาบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ขณะเดียวกัน ท่ามกลางความเงียบนี้เอง นายทุนจากต่างชาติบางราย ก็พยายามเข้ามาศึกษาวิจัยสมุนไพรไทย เพื่อนำไปจดลิขสิทธิ์ สิ่งเหล่านี้ยังไม่ถูกทำให้ตื่นตัวเท่าที่ควรในบ้านเรา


วันนี้สกู๊ปหน้า 5 จะพาไปรับฟังสารพัดปัญหาในวงการสมุนไพรไทย ว่าพวกเขาวันนี้เป็นอย่างไร และอยากให้ภาครัฐช่วยเหลืออย่างไรบ้าง?

สมุนไพร: สารพัดปัญหาทุกขั้นตอน

“จริงๆ แล้วสมุนไพรใช้กันกว้างขวาง ในต่างประเทศ ถ้าเทียบแล้วเป็นมูลค่าหลายล้านล้านบาท ตลาดต่างประเทศนั้นสูงนะครับ แต่ส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลกนั้นน้อย มันไม่เติบโตเท่าที่ควร อย่างเครื่องดื่ม เครื่องสำอางผสมสมุนไพรนั้น มีโอกาสในตลาดสูง แต่ว่าเรายังติดขัดในเรื่องของกฎหมายภายใน กฎหมายนั้นไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก”

เป็นเสียงสะท้อนจาก นพ.เปรม ชินวันทนานนท์ ประธานฝ่ายพัฒนาภูมิปัญญาไทย มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ถึงสถานการณ์สมุนไพรในตลาดโลก ที่บ้านเรานั้นมีส่วนแบ่งในการแข่งขันนี้น้อยมาก ทั้งที่ชื่อเสียงของสมุนไพรไทยนั้นโด่งดังไปทั่วโลก

นพ.เปรม ชี้ให้เห็นปัญหาในทุกระดับ เริ่มจากระดับต้นน้ำซึ่งหมายถึงกระบวนการปลูกและผลิตวัตถุดิบ พบว่าวัตถุดิบประเภทเกษตรอินทรีย์ในบ้านเรายังมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ซึ่งต่อไปนี้จะต้องระดมบุคลากรด้านการเกษตร ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านดิน (หมอดิน) ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ (หมอน้ำ) หรือแม้แต่อาจจะต้องว่ากันไปถึงการจัดพื้นที่พิเศษ (โซนนิ่ง) สำหรับปลูกพืชสมุนไพรโดยเฉพาะ

“จริงๆ แล้ว อย่างของอภัยภูเบศรเอง ก็ลงไปทำเกือบทั้งประเทศเลยนะ ลงไปหลายจังหวัดทุกภาค เบื้องต้นคือไปรวมกลุ่ม พูดง่ายๆ คือผู้นำชุมชนทั้งหลาย เพื่อรวมกลุ่มทำเกษตรอินทรีย์ เราพยายามส่งเสริมทุกอำเภอให้ปลูกเกษตรอินทรีย์

เกษตรอินทรีย์วัตถุดิบนั้นเราเริ่มต้นตั้งแต่ข้าว ข้าวเนี่ยเราใช้ทำน้ำมันรำข้าว ก็ต้องเป็นเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งวัตถุดิบอื่นๆ ด้วย เพราะว่าจริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่เรายังขาด ท่านเชื่อไหมว่า วัตถุดิบอย่างมะขามป้อม ส่วนใหญ่มาจากในป่า แต่เดี๋ยวนี้ก็มีคนปลูก” ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าว

ขณะที่ระดับกลางน้ำ อันหมายถึงกระบวนการแปรรูป จากสมุนไพรที่เป็นวัตถุดิบไปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น นพ.เปรม กล่าวว่าโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับ ASEAN GMP ในไทยมีเพียง 25 โรงเท่านั้น ซึ่งโจทย์ใหญ่ที่ต้องการเห็นในบ้านเรา คือการมีโรงงานระดับนี้ในทุกจังหวัด อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง และในระดับปลายน้ำ เรายังขาดการพัฒนาต่อยอด โดยเฉพาะการวิจัยการตลาด แม้กระทั่งโรงพยาบาลของรัฐ วันนี้ก็ยังใช้กันไม่ถึงร้อยละ 10 ตามที่มุ่งหวังกันไว้

ข้อจำกัดด้านการโฆษณา

หากพูดเรื่องถึงสมุนไพร พบว่าในสังคมไทยนั้นยังไม่ค่อยได้รับความเชื่อมั่นเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับยาแผนปัจจุบัน โดยสาเหตุส่วนหนึ่ง มาจากการที่ขาดการประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณาที่น่าสนใจเพียงพอ ทั้งนี้ แหล่งข่าวที่เป็นผู้ประกอบการรายหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างน่าสนใจ คือข้อกฎหมายของไทยนั้น แยกประเภทโฆษณาไว้ชัดเจน ว่าเป็นยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง เช่นถ้าจดทะเบียนเป็นอาหาร ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้โฆษณาในเชิงรักษา หรือบรรเทาอาการจากโรคภัย หรือบำรุงร่างกายโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ การมีอยู่ของกฎหมายดังกล่าว ด้านหนึ่งเพื่อป้องกันการโฆษณาที่เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค แต่อีกด้านหนึ่งกลับเป็นการปิดโอกาสในการพิสูจน์ เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรในเชิงเสริมอาหาร อันเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่างหนึ่งของไทย อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงกลับพบว่า แม้จะมีกฎหมายห้ามไม่ให้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นยาโฆษณาสรรพคุณในการรักษาโรค แต่ก็มักจะพบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในนามอาหารเสริมบ้าง หรือประดิษฐ์คำเรียกแปลกๆ บ้าง เพื่อหลบเลี่ยงการดำเนินคดี โฆษณาแบบเกินจริงอยู่เสมอตามวิทยุชุมชนและช่องดาวเทียมต่างๆ ยิ่งทำให้ความเชื่อถือต่อยาสมุนไพรตกต่ำลงไปอีก

ต้องประสานทุกฝ่ายมากกว่านี้

ในแวดวงวิชาการ มักจะมีคำกล่าวเชิงเสียดสีว่า “งานวิจัยไทย เสร็จแล้วก็เก็บไว้บนหิ้ง” กล่าวคือในแต่ละปี นักวิชาการของไทยมีผลงานศึกษาวิจัยในเรื่องต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้ว รายงานทั้งหมดก็จะถูกเก็บไว้ในสถาบันการศึกษานั้นๆ ไม่ได้มีการนำมาต่อยอดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างที่ควรจะเป็น รวมทั้งงานวิจัยสมุนไพรไทยด้วยเช่นกัน

นพ.เปรม ชี้ให้เห็นจุดบกพร่องของอุตสาหกรรมสมุนไพรของไทย ที่ยังไม่มีแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติที่ชัดเจน โดยที่ผ่านมา การศึกษาวิจัยของนักวิชาการ จะเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำและเมื่อทำเสร็จแล้วก็ไม่ได้มีการนำไปใช้ ดังนั้น สิ่งที่อยากให้เพิ่มขึ้น คือการจับคู่ระหว่างนักวิชาการกับผู้ประกอบการ เพื่อนำไปสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ต่อไป “ผู้ประกอบการต้องการใช้สมุนไพรตัวไหนในการพัฒนา เราก็จะไปเชื่อมกับหน่วยงานวิจัย โดยที่เราจะมีผลประโยชน์ร่วมกัน วิจัยเสร็จแล้วผู้ประกอบการก็เอามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์”

นอกจากความร่วมมือกันระหว่างนักวิจัยกับผู้ประกอบการแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ นพ.เปรม เสนอแนะ คือฐานข้อมูลกลางของตัวยาสมุนไพร โดยที่ผ่านมา ได้มีการส่งคณะทำงานไปศึกษาดูงานที่ประเทศอินเดีย และได้เริ่มทำไปบ้างแล้ว ภายใต้ชื่อโครงการ TKDI (Traditional Knowledge Digital Information) ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลของสมุนไพรทั้งหมดที่มีใช้อยู่ในประเทศไทยกฎหมายก็ต้องเอื้ออำนวย

ปัจจุบัน ผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมสมุนไพร ตั้งข้อสังเกตไว้ประการหนึ่ง คือผู้มีอำนาจกำกับดูแล มักจะมาจากแพทย์แผนปัจจุบัน ส่งผลให้ขาดความรู้ความเข้าใจเนื่องจากไม่ได้ศึกษามาโดยตรง ดังนั้นจึงอยากให้มีการแยกหน่วยงานที่ดูแลด้านยาสมุนไพรออกมาเป็นหน่วยงานเฉพาะ

นพ.ประพจน์ เภตรากาศ ประธานกรรมการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ที่กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนของกฤษฎีกา โดยคาดว่าร่างใหม่นี้ จะมีการแยกคณะกรรมการพิจารณายาออกเป็น 2 ชุด ระหว่างยาสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน ขณะที่ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ซึ่งมีบทบัญญัติให้ส่งเสริมการปลูกสมุนไพร หากแต่ต้องรอกฎหมายลูกที่จะออกตามมารองรับเสียก่อน

“พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 เอาเฉพาะประเด็นสำคัญ มันจะมีอยู่มาตรานึง ที่ส่งเสริมให้เอกชนปลูกสมุนไพร ความจริงประเด็นนี้มันต้องมีกฎหมายลูกรองรับ แล้วก็มีระเบียบปฏิบัติรองรับ มันก็มีความล่าช้าในการยกร่างตัวกฎหมายลูกแล้วก็ระเบียบปฏิบัติ ว่าทำยังไงถึงจะส่งเสริมให้ภาคเอกชน หรือภาคประชาชนที่ปลูกสมุนไพร ได้รับการสนับสนุนจาก พ.ร.บ. ฉบับนี้ ถ้ามีระเบียบกับกฎหมายลูกรองรับ จะเป็นการส่งเสริมการปลูกสมุนไพรอย่างกว้างขวาง” นพ.ประพจน์ เสนอแนะทิ้งท้าย

กระแสของการใช้สมุนไพรในไทย แม้จะแพร่หลาย แต่ยังไม่มากเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจในสรรพคุณ เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ประกอบการบางรายโฆษณาเกินจริงเพื่อหลอกลวงผู้บริโภค ขณะที่อีกส่วนหนึ่ง พบว่ายังขาดการร่วมมือกันของผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะระหว่างนักวิจัยที่มีองค์ความรู้ กับผู้ประกอบการที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนในเชิงพาณิชย์ และภาครัฐที่ต้องสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ ทั้งในและต่างประเทศให้มากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับสาธารณรัฐประชาชนจีน พบว่าที่ประเทศจีนมีหน่วยงานรับผิดชอบด้านสมุนไพร และแพทย์แผนจีนโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าผลักดันกันในระดับวาระแห่งชาติ

หรือเราต้องรอให้ต่างชาติมาชิงจดสิทธิบัตรเสียก่อน แล้วค่อยตามไปประท้วง อย่างที่เคยเป็นมา

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ฟาดจุกๆ! ‘หมอรพ.สรรพสิทธิประสงค์’หวด‘เท้ง’กล่าวหารพ.ไม่รับผู้ป่วยเขมร ฉะเป็นผู้นำไม่ได้

จนท.ปางมะผ้าสนธิกำลัง! รวบชายนั่งเสียบกิ่งมะม่วง-ค้นพบยาบ้าในตัวอีก200กว่าเม็ด

‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568

‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved