วันศุกร์ ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
“ยาเสพติด” หรือ “สมุนไพร” ประเด็นร้อนว่าด้วย “ใบกระท่อม”

“ยาเสพติด” หรือ “สมุนไพร” ประเด็นร้อนว่าด้วย “ใบกระท่อม”

วันพฤหัสบดี ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556, 02.00 น.
Tag :
  •  

กลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เสนอให้ปลด “กระท่อม” พืชพื้นบ้านชนิดหนึ่งทางภาคใต้ของไทย ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ (ประเภท 5) จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) รับช่วงต่อ เดินสายสำรวจความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน โดยล่าสุดได้เข้าพบจุฬาราชมนตรี เพื่อขอคำปรึกษาเนื่องจากกระท่อมนิยมใช้ในกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลาม ดังจะเห็นได้จากพื้นที่ปลูกจะอยู่ในภาคใต้ตอนล่าง รวมถึงบางเขตใน กทม.

ภายหลังข้อเสนอดังกล่าวปรากฏขึ้น เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากฝ่ายสนับสนุน ที่มองว่ากระท่อมไม่ใช่ยาเสพติดร้ายแรง และเป็นวิถีเก่าแก่อย่างหนึ่งของชุมชน ดังจะเห็นได้จากชาวใต้มักเคี้ยวใบกระท่อมก่อนออกไปทำงานอยู่เสมอ และไม่ปรากฏว่ามีผู้เสพกระท่อมแล้วคลุ้มคลั่งอาละวาดเหมือนยาเสพติดชนิดอื่น อีกด้านหนึ่ง ฝ่ายคัดค้านก็กล่าวว่า แม้การใช้กระท่อมจะไม่ได้ติดกันง่ายๆ และไม่ได้ไปทำร้ายผู้อื่น แต่ก็พบว่าเมื่อใช้ไปนานๆ ก็ทำให้ร่างกายทรุดโทรมได้เช่นกัน รวมถึงปัจจุบันมีคนนำไปผสมกับสารเคมีหลายชนิด เป็นยาเสพติดชนิดใหม่คือ “4 คูณ 100”


ผศ.สมสมร ชิตตระการ อาจารย์ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) กล่าวว่า กระท่อม (Mitragyna Speciosa , Korth) มีปรากฏในตำรับยาแผนไทยมานานแล้ว พบว่ามีฤทธิ์ในการแก้ปวด แก้ท้องเสีย แก้ไอ คลายกล้ามเนื้อ ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ลดความดันโลหิตสูง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน

“จากการทดสอบ มีฤทธิ์ระงับปวดได้จริงๆ ต้านอาการซึมเศร้า คล้ายๆ กับฝื่นหรือมอร์ฟีน (แต่อ่อนกว่า) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของมาเลเซีย ที่เพิ่งตีพิมพ์ในปีนี้เอง ทางมาเลเซียเขาทำตัว mitragynine (สารอัลกาลอยด์สำคัญในพืชกระท่อม) แล้วใช้ระงับปวดได้จริงๆ เทียบเท่ามอร์ฟีน แต่ถ้าใช้ mitragynine คู่กับมอร์ฟีน จะเห็นว่าฤทธิ์ระงับปวดเพิ่มขึ้น และปกติเรารู้ว่าถ้าใช้มอร์ฟีนแล้วจะเกิดอาการทนยา ก็ต้องใช้ในขนาดที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าใช้ร่วมกับ mitragynine เราจะพบว่าไม่เกิดอาการนั้นกับมอร์ฟีน” อ.สมสมร อ้างอิงงานวิจัยจากประเทศเพื่อนบ้าน

ประเด็นต่อมาที่น่าจะมีการวิจัยต่อยอด อ.สมสมร พบว่ากระท่อมอาจช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ เพราะจากการทดลอง กระท่อมมีสรรพคุณช่วยในการนำ Glucose เข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อ ไม่ต่างจากการให้ Insulin กับผู้ป่วยเบาหวานในปัจจุบัน ขณะที่ความเป็นพิษหรืออันตราย หากให้สาร mitragynine ในปริมาณที่ต่ำ (ไม่เกิน 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม) จะไม่พบอาการเป็นพิษ แต่ต้องระวังอย่าให้ในประมาณที่สูง เพราะจากการทดลองพบว่า เมื่อให้ในปริมาณ 100 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ก็จะเริ่มปรากฏพิษตามเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย

ที่น่าสนใจเช่นกัน สาร 7-hydroxymitragynine มีฤทธิ์เช่นเดียวกับมอร์ฟีน ซึ่งปัจจุบันกำลังวิจัยกันอยู่ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงมีรายงานที่ไปสอบถามผู้ใช้ใบกระท่อม พบว่าคนกลุ่มนี้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เพราะเมื่อดื่มจะรู้สึกขม อาเจียน วิงเวียนศีรษะ คล้ายกับการให้ “ยาอดเหล้า” สำหรับรักษาผู้ติดสุราเรื้อรัง

ถึงจะพบว่ามีประโยชน์ แต่นักวิจัยจาก มอ. รายนี้ ก็ยังเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย เพราะพืชหรือยาหลายชนิด หากใช้เพื่อรักษาโรคก็ถือว่าใช้ในทางที่ถูก แต่หากนำไปใช้เป็นสารเสพติดก็ถือว่าอันตรายมาก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่นิยมนำใบกระท่อมไปต้มน้ำ แล้วนำไปผสมกับอะไรอีกหลายๆ อย่างในชื่อ 4 คูณ 100 (ซึ่งจริงๆ อาจจะมีส่วนผสมน้อยหรือมากกว่า 4 อย่างก็ได้) แน่นอนว่ามีผู้เสียชีวิตมาแล้ว

“ชายไทยอายุ 21 ปี กลับมาบ้าน นอนแล้วก็เสียชีวิต จากการตรวจเลือดกับปัสสาวะ พบสารหลายตัวเลย mitragynine อันนี้กระท่อม , Caffeine (กาเฟอีน) , ยาแก้ไอแก้แพ้ , Alprazolam หรือยานอนหลับ , Nortriptyline ที่เป็นยารักษาอาการทางจิต , Tramadol (ยาแก้ปวด) , Methamphetamine ก็คือยาบ้า และอีกหลายตัว

วัดระดับยาในเลือดและในปัสสาวะ ตัวที่พบมากคือ Nortriptyline กับ Tramadol เขาพาดหัวว่าตายจาก 4 คูณ 100 แต่เขาไม่วัดระดับของตัว Nortriptyline ถ้าเราดูขนาดยาที่ใช้ในการรักษา Nortriptyline จะใช้ไม่เกิน 0.1 ไมโครกรัม แต่พบในเลือด 1.7 ไมโครกรัม นี่เกือบ 20 เท่านะคะ ถามว่าคนไข้ตายจากอะไร?”

อ.สมสมร กล่าว และเสริมว่าไม่ได้มีแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในสหรัฐอเมริกา มีผู้ได้รับอันตรายถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากใช้กระท่อมรักษาอาการปวดเรื้อรัง แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่าผู้ป่วยรายนี้ใช้กระท่อมควบคู่ไปกับ ต้นลำโพง (Datura) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง โดยพบสารจากกระท่อมจริงๆ ในตัวผู้ป่วยน้อยมาก

อย่างไรก็ตาม อ.สมสมร ย้ำว่าผลการทดลองสรรพคุณของกระท่อมทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเพียง การทดลองที่ทำในสัตว์ เท่านั้น ยังไม่มีผลการทดลองในมนุษย์อย่างเป็นทางการ และการเสพกระท่อมเป็นเวลานาน ก็ทำให้ติดได้เช่นกัน โดยหากวันไหนไม่ได้เสพ ก็จะรู้สึกไม่อยากทำงาน หรือถ้าวันไหนใช้ในปริมาณน้อยกว่าที่ใช้เป็นประจำ ก็จะทำงานได้ช้าลง รวมถึงมีอาการอื่นๆ เช่นท้องผูก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด แต่ทั้งที่รู้ว่ามีอาการ ก็ยังต้องการใช้ต่อไป ไม่ต่างจากผู้ที่ติดสิ่งเสพติดประเภทอื่นๆ

อีกด้านหนึ่ง นพ.อังกูร ภัทรากร รองผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ ค่อนข้างที่จะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เพราะต่อให้เป็นการเคี้ยวใบกระท่อม ตามวิถีดั้งเดิมโดยไม่ได้นำไปผสมเป็น 4 คูณ 100 แต่ก็ส่งผลให้มีอาการเสพติด และเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้ใช้หากใช้เป็นเวลานานๆ ไม่ต่างจากยาเสพติดชนิดอื่นแต่อย่างใด ที่สำคัญ หากดูข้อมูลผู้เข้ารับการบำบัดที่สถาบันธัญญารักษ์ แต่ละรายล้วนใช้ใบกระท่อมไม่ต่ำกว่า 50 ใบต่อวันทั้งสิ้น

“การเคี้ยวใบกระท่อม ทำให้เกิดอาการมึนเมา แรกๆ ก็จะเมา แต่พอเคี้ยวไปเรื่อยๆ หลายวัน ก็จะรู้สึกเฉยๆ ก็จะต้องเพิ่มปริมาณ ก็คือต่อไปจะทำให้เกิดการเสพติด เข้ากับข้อบ่งชี้การเสพติดทุกข้อ คือต้องเพิ่มปริมาณ คือเคี้ยว 1-2 ใบในช่วงวันแรกๆ ต่อไปก็จะเคี้ยว 10 ใบ 20 ใบ 30 ใบ เมื่อไม่ได้เคี้ยวใบกระท่อม ก็จะทำให้เกิดอาการถอนยา ก็คือเหงื่อไหล สั่น กระวนกระวาย มีอาการทางจิต ปวดกระดูก-กล้ามเนื้ออย่างรุนแรง

และในระยะยาว ผู้ที่เคี้ยวใบกระท่อมจะมีสุขภาพทรุดโทรมลง แล้วยังมีอาการประสาทหลอน หูแว่ว อันนี้จะเห็นว่าแค่เคี้ยวใบกระท่อม ที่มีสาร mitragynine ในใบ ถึงจะปริมาณน้อย แต่การใช้ยาเสพติด มันก็จะมีผลกระทบในแง่ทั้งระยะเฉียบพลันและระยะยาว ที่ปรากฏให้เห็น”

รอง ผอ.สถาบันธัญญารักษ์ ชี้ให้เห็นถึงอันตรายของใบกระท่อม ซึ่งแม้จะเสพด้วยวิธีเคี้ยวแบบดั้งเดิม ก็ยังส่งผลร้ายต่อร่างกายในระยะยาว แต่ที่น่ากลัวกว่า คือการนำใบกระท่อมไปต้มพร้อมกับผสมสารอื่นๆ เป็น 4 คูณ 100 ทำให้ผู้เสพหลายรายเสียชีวิตได้ทันที ทั้งนี้น้ำต้มใบกระท่อมผสมสารต่างๆ กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น จึงต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีการนำไปแพร่ระบาดในหมู่นักเรียน-นักศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศ

“การต้มใบกระท่อมมีมานาน สมัยก่อนอาจจะต้มเพราะไม่อยากเคี้ยว แต่ปัจจุบันนี้ การต้มใบกระท่อมใช้ในทางที่ผิด มีการผสมสารต่างๆ มากมาย ซึ่งการดื่มกินน้ำใบกระท่อมเช่นนี้จะทำให้เสียชีวิตเฉียบพลัน และเกิดการแพร่ระบาด เรียกว่า Step (ลำดับขั้น) ของการใช้ยา ก็คือเริ่มจากการดื่มน้ำต้มใบกระท่อมก่อน แล้วก็มีการใช้สารเสพติดอื่นๆ ร่วมด้วย

ซึ่งตรงนี้เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษา ไม่ใช่แพร่ระบาดแค่ในภาคใต้ แต่ปัจจุบันนี้ครอบคลุมทั้งประเทศไทย และน่ากลัวอย่างยิ่งในการรับน้องใหม่ ก็มีการกระทำ มีการใช้สารเสพติดอื่นผสม เพราะฉะนั้น ถึงแม้ใบหรือน้ำต้มกระท่อม จะไม่ได้มีฤทธิ์หลักของกระท่อม แต่อย่าลืมว่าใบกระท่อมเป็นพืชหลัก ที่เขาใช้ในการต้มน้ำ เพื่อเอายาอื่นมาใช้ เป็นภัยคุกคามต่อเด็ก ต่อเยาวชน ต่อนักศึกษา”  นพ.อังกูร กล่าวทิ้งท้าย

เรื่องของความพยายามในการปลดล็อกกระท่อม จากยาเสพติดไปเป็นสมุนไพร หรือให้มีการควบคุมในรูปแบบอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเมื่อปี 2547 ก็เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดในปี 2549 ข้อเสนอดังกล่าวก็ตกไป

ส่วนครั้งนี้ผลจะออกมาอย่างไร อีกไม่นานคงได้รู้กัน

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘ตม.อุบลราชธานี’จับสาวเขมรอยู่เกินอนุญาต-ปรับเจ้าบ้านไม่แจ้งที่พักต่างชาติ

เปิดเส้นทางชีวิต 'หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ' จากผู้ชายธรรมดา สู่นักสื่อสารกับโลกหลังความตาย

วิกฤตประชากร! ชาวญี่ปุ่นลดลงกว่า 9 แสนคนในปี 2024

ด่วน!กกต.เคาะเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 7 เชียงราย 14 ก.ย.แทน‘พิเชษฐ์’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved