เวสต์แฮม ยูไนเต็ด-สเปอร์ส : เวลา 19.00 น.
เจ้าบ้าน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เกมล่าสุดเพิ่งจะถล่มเอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มาได้ 3-0 เกมนี้ยังไม่มี อาร์ตูร์มาซัวอากู, อังเจโล่ อ็อกบอนน่า และอันเดรย์ ยาร์โมเลนโก้ ที่มีอาการบาดเจ็บ ในรายของ มิคาอิล อันโตนิโอ รอเช็คความฟิต ซึ่งหากไม่พร้อมลงเล่น จาร์ร็อด โบเว่น จะถูกดันไปยืนหน้าเป้าในระบบฟอล์สไนน์ มีตัวปั้นเกมรุกอยู่ด้านหลังอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด และมานูเอล ลานซินี่ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไรหัวใจคือคู่มิดฟิลด์ตรงกลาง โธมัส ซูเซ็ค และเดแคลน ไรซ์ พร้อมลงเล่นทั้งคู่
ทีมเยือน “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ผลงานในลีกไม่ค่อยดี แต่ฟอร์มในรายการยูโรป้า ลีก ทำได้ดีด้วยการบุกไปเอาชนะ โวล์ฟสแบร์เกอร์ มา 4-1 เกมนี้ยังขาดแกนหลักอย่าง แซร์ก โอริเย่ร์ และโจวานี่ โล เซลโซ่ ที่บาดเจ็บ ส่วน เซร์คิโอ้ เรกีลอน ตามรายงานกลับมาซ้อมได้แล้ว รอเช็คความฟิต คาดว่า โชเซ่ มูรินโญ่ จะใช้ระบบ 4-2-3-1 ส่ง มุสซ่า ซิสโซโก้ ลงไปคุมทีมแดนกลางร่วมกับ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบี๊ยก แนวรุกใช้ สตีเว่น เบิร์กไวจน์ ประสานงานกับ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่, ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน
สถิติการพบกันทั้งสองทีม 5 ครั้งหลังสุด สเปอร์ส ทำได้ดีกว่าเอาชนะได้ 3 ครั้ง เสมอ 1 ส่วนเวสต์แฮม ชนะ 1 ครั้ง ส่วนการดวลกันในฤดูกาลนี้ที่บ้านของ สเปอร์ส เสมอกันแบบสุดมันส์ 3-3 ชนิดที่เจ้าถิ่นออกนำห่าง 3 ประตู ก่อนจะถูกไล่ตีเสมอ
แอสตัน วิลล่า-เลสเตอร์ ซิตี้ : เวลา 21.05 น. “สิงห์ผงาด”แอสตัน วิลล่า เพิ่งจะเสมอกับ ไบรท์ตัน มาแบบไร้สกอร์ 0-0 ได้พักเต็มมา ๆ เพราะไม่มีโปรแกรมกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เกมนี้ไม่มี คอร์ตนีย์ เฮ้าส์ และแมทธิว แคช ที่มีอาการบาดเจ็บ ทำให้อาห์เหม็ด เอล โมฮามาดี้ จะได้ลงประจำการแทน ตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไร ถือว่าพร้อมเต็มสูบ คาดว่าจะ ดีน สมิธ จะใช้ระบบ 4-3-3 ส่ง มอร์กกาน ซ็องซง ลงไปคุมแดนกลางร่วมกับ ดั๊กลาส ลุยซ์ และจอห์น แม็คกินน์ สามประสานในเกมรุกเลือก มาห์มุ้ด เทร์เซเกต์ ประสานงานกับ โอลลี่ วัตกิ้นส์ และแจ็ค กรีลิช
ทีมเยือน “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งผ่านการเล่นเกมยูโรป้า ลีก ด้วยการเสมอกับ สลาเวีย ปราก 0-0 เกมนี้ถือว่าขาดผู้เล่นตัวหลักหลายราย อาทิ เดนนิส ปร้าต์, เวสลีย์ โฟฟาน่า, อโยเซ่ เปเรซ และเจมส์ จัสติน ในรายของ ทีโมธี กาสตานเญ่ น่าจะฟิตทันตัวจริง เกมนี้มีแววจะกลับมาเล่นในระบบหลัง 4 เอา มีคู่มิดฟิลด์ที่กำลังผลงานดีอย่าง วีลฟรีด เอ็นดิดี้ และยูรี ตีเลมองส์ ส่วนแนวรุกใช้ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ปั้นเกมร่วมกับเจมส์ แมดดิสัน และแอชลีย์ บาร์นส์ โดยมี เจมี่ วาร์ดี้ ยืนหน้าเป้า
สถิติการพบกันทั้งสองทีม 5 ครั้งหลังสุด ถือว่าสูสีกันเป็นอย่างมาก ผลัดกันชนะฝั่งล่ะ 2 ครั้ง และเสมอกันไป 1 ครั้ง การเจอกันในซีซั่นนี้ปรากฏว่า วิลล่า บุกเฉือนถึง คิง เพาเวอร์ 1-0 จากประตูชัยของ รอสส์ บาร์คลีย์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
อาร์เซนอล-แมนฯซิตี้ : เวลา 23.30 น. เกมคู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ เจ้าถิ่น “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เพิ่งออกไปเสมอกับ เบนฟิก้า 1-1 ในศึกยูโรป้า ลีก ส่วนฟอร์มในลีกถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด มา 4-2 เกมนี้รอเช็คความฟิตของ โธมัส ปาร์เตย์ เพียงรายเดียวเท่านั้น ที่เหลือถือว่า มิเกล อาร์เตต้า ได้ขุมกำลังหลักที่พร้อมทั้งหมด คาดว่ายังยึดระบบเดิม 4-2-3-1 ดานี่ เซบาญอส คุมจังหวะแดนกลางร่วมกับ กรานิต ชาก้า แนวรุกใช้ บูกาโย่ ซาก้า,เอมิล สมิธ โรว์ และปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง โดยมี อเล็กซองดร์ลากาแซตต์ ยืนหน้าเป้า
ทางฝั่งผู้มาเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ฟอร์มกำลังยอดเยี่ยมสุดๆ เพิ่งทำสถิติชนะรวดในทุกรายการ 17 เกมติดต่อกัน เกมนี้ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ออกมาคอนเฟิร์มว่า อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์คนสำคัญหายจากอาการบาดเจ็บพร้อมเล่นเกมนี้แถมยังได้ เควิน เดอ บรอยน์ ที่กลับมาแบบสมบูรณ์อีก เรียกได้ว่าทีมแข็งแกร่งทั่วแผ่นและกำลังเล่นได้อย่างมั่นใจ แนวรุกมีแววว่า ริยาด มาห์เรซ น่าจะหลุดไปนั่งสำรองเปิดโอกาสให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ประสานงานกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และฟิล โฟเด้น
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม อาร์เซนอล (4-2-3-1) : แบรนด์ เลโน่, เอคตอร์ เบเญริน, ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นีย์, ดานี่ เซบาญอส, กรานิต ชาก้า, บูกาโย่ ซาก้า, เอมิล สมิธ โรว์, ปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง และอเล็กซองดร์ ลากาแซตต์
แมนฯซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน, ชูเอา กานเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้, เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ราฮีมสเตอร์ลิ่ง และฟิล โฟเด้น
สถิติการพบกันทั้งสองทีม 5 ครั้งหลังสุด คู่นี้ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ เป็น แมนฯซิตี้ ที่เหนือกว่าเอาชนะได้ 4 และอาร์เซนอลชนะ 1 ครั้ง เจอกันซีซั่นนี้มา 2 ครั้ง ทั้งในลีก และบอลถ้วย “เรือใบ”เก็บเรียบ
แมนฯยูไนเต็ด-นิวคาสเซิ่ล : เวลา 02.00 น. “ปีศาจแดง” เพิ่งระเบิดฟอร์มด้วยการบุกไปถล่ม เรอัล โซเซียดัด มา 4-0 ในศึกยูโรป้า ลีก แต่ผลงานในลีกสะดุดเสมอเวสต์บรอมวิช มา 1-1 เกมนี้ยังไม่มี ปอล ป๊อกบา มิดฟิลด์ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วน สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ต้องเช็คความฟิต คาดว่าอาจจะได้พักไปก่อน ให้ เฟร็ด ลงคุมแดนกลางร่วมกับ เนมานย่า มาติช แผงเกมรุกเลือก เมสันกรีนวู้ด ประสานงานกับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส และมาร์คัส แรชฟอร์ดโดยมี เอดินสัน คาวานี่ ทำหน้าที่ล่าตาข่าย
ทีมเยือน “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เพิ่งโดน เชลซี อัดมา 2-0 เกมนี้ยังไม่มี ฟาเบียน แชร์, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ และคัลลั่ม วิลสัน ที่บาดเจ็บ แบ๊คขวาต้องใช้ เอมิล คร้าฟธ์ ลงเล่น ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไรมาในระบบ 4-3-1-2 นำโดย โจ วีลล็อค, ไอแซค เฮยเด้น, จอนโจ้ เชลวีย์, มิเกล อัลเมรอน,
ดไวท์ เกย์ล และอแล็ง แซงต์-มักซิแมง
สถิติการพบกันทั้งสองทีม แมนฯยูไนเต็ด ไม่แพ้ให้กับนิวคาสเซิ่ล มา 5 เกมติดต่อกัน และยังเป็นการเอาขนะได้หมดทั้ง 5 ครั้งด้วย หนสุดท้ายที่พวกเขาพลาดท่าให้กับ “สาลิกาดง” ต้องย้อนกลับไปในปี 2018
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี