‘ลิเวอร์พูล’ ที่ยับเยินสุดในรอบ 98 ปี
.....ภาพการแพ้บอกทุกอย่างของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี ในซีซั่นนี้
มันเป็นภาพที่หลอนมาตั้งแต่เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์แรก ที่เสีย เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค
จากนั้นอาการนักเตะบาดเจ็บค่อย ๆทยอยเล่นงาน เยอร์เก้น คล็อปป์ ทีม จนเป๋ห่าว มีอาการเจ็บเกิดขึ้นอีกเกิน 40 ครั้ง และหนนี้ก็เช่นกันเกิดขึ้นกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในจังหวะสปีดเอง แล้วพังไปอีกคน
ลิเวอร์พูล แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก
......ก่อนเกมเริ่มมีข่าวดีเมื่อบัญชีนักเตะเจ็บเหลือแค่ 8 คน เมื่อ นาบี เกอิต้า หายกลับมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2020 และเบน เดวิส กองหลังตัวใหม่ที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วก็กลับมาอยู่ในม้านั่งสำรอง
ที่บอกปรับตัวเร็วก็คือ ยังไม่ทันลง ก็ซ้อมแล้วเจ็บเหมือนรุ่นพี่ในทีม
แต่ยังไม่ทันนกกระจอกยังหิวน้ำ “หงส์แดง” ต้องเสียลูกเตะมุมตั้งแต่ 13 วินาทีแรก
ไม่กี่อึดใจต่อมา เอฟเวอร์ตัน ได้ขึ้นนำที่แอนฟิลด์ และเป็นการนำครั้งแรกในรอบ 11 ปี หรือ 21 เกม จากความผิดพลาดในการชิงเหลี่ยมแดนกลางและบอลมาตกเข้าใครไม่เข้าดันมาเข้าซ้ายของ ฮาเมส โรดริเกวซ
ลูกจ่ายตัดขั้วหัวใจคู่เซ็นเตอร์ทำให้ ริชาร์ลิซอน ยิงเสียบตาข่าย แค่ 3 นาที สกอร์ทำให้ เอฟเวอร์ตัน นำ และนำจนจบครึ่งแรกเป็นครั้งที่ 2 ยุคพรีเมียร์ลีก
ริชาร์ลิซอน ยิงได้ และ ฮาเมส ก็แอสซิสต์ไปกลับได้เหมือนกัน
เข้าทางทอฟฟี่ เพราะพวกเขามาในรูปแบบของ 5-4-1 ใช้ เซมุส โคลแมน กับ ลูก้า ดีญ ปิดไลน์แบ๊กสองฝั่ง พร้อมกับให้ โฮลเกต, คีน และก๊อดฟรี่ย์ เล่นเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
ตรงกลางยืนแบบเพชร ทอม เดวิส เตะแหลกตรงกลาง ขนาบข้างซ้ายขวาด้วย ดูกูเร่ และโกเมส โดยเริ่มต้นไล่แดนบนจาก ฮาเมส แล้วทิ้ง ริชาร์ลิซอน ไว้ด้านหน้า
ลิเวอร์พูล เดินเกมได้ แม้จะไม่ถนัด แต่ทำได้ดี กระทั่งการเสีย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปก่อนถึงครึ่งชั่วโมงนั่นแหละ ดูตื้อ ๆ ตัน ๆ ไม่ได้มาจากคู่แข่ง
แต่มาจากอารมณ์ของนักบอลในสนามที่ไม่รู้เหมือนกันว่า ชะตา โชค ฟ้า คิดอะไรกันอยู่ถึงได้เจ็บกันบานตะเกียงถึงเพียงนี้
ยิ่งเจอลูกหนักตามสไตล์ เอฟเวอร์ตัน ทำให้เล่นด้วยยาก
**************
รายงานระบุว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ มีปากเสียงกับ “บิ๊กดังค์” ดันแคน เฟอร์กูสัน ก่อนเดินเข้าอุโมงค์หลังจบครึ่งแรก
ไฮไลท์มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นในครึ่งหลังก็คือ ลิเวอร์พูล เดินเครื่องอย่างหนัก แต่ทิ้งโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า
ปิดสกอร์ไม่ได้กระทั่งมาเสียประตูที่ 2
ผมนึกถึงตอนดูไฮไลท์สมัยเด็กๆที่ แกรม ชาร์ป วอลเล่ย์ระยะไกลเข้าไป แล้ว ลิเวอร์พูล พ่ายคารัง หนนี้ไม่ใช่ลูกที่ยิงสวยเหมือนครั้งนั้น แต่ตอกย้ำด้วยการ “เสียจุดโทษ”
แนต ฟิลิปส์ พลาดง่ายๆที่โดนพลิกหลบโดย ริชาร์ลิซอน เป็นการตอกย้ำว่า “ทำไม” และไม่ต้องอธิบายอีก ก่อนบอลจะหลุดแล้วจ่ายให้ โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน ยิงไปติดเซฟ อลิสซอน
จากนั้นบอลมันเป็นจังหวะโฟลโล่ วอเธอร์ บอลทะลักมาอยู่ในทางปืนของ ลูวิน ที่กำลังวิ่งมาแล้วขาไปกระแทกหัวของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แล้วล้มลงเป็นจุดโทษ
สัญญาณส่งมาจากห้องวีเออาร์ว่า ให้ไปดูจอ ซึ่งผู้ตัดสินก็วิ่งไปดูแล้วยืนยันคำเดิม
เหมือนกับจะบอกว่า “กีดขวางการเข้าทำประตู”
กิลฟี่ย์ ซิกูร์ดส์สัน ยิงอย่างเฉียบขาด บอลเรียดเสียบมุมเป็นประตูชัยให้ เอฟเวอร์ตัน บุกชนะ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ เป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี
ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยังจมดิ่งในการเล่นที่แอนฟิลด์ต่อไป เมื่อแพ้ติด ๆ กันมา 4 นัด ทั้งที่ปีก่อนชนะในลีกติด ๆ กัน 18 เกม
นี่เป็นการแพ้ติดต่อกัน 4 นัดรวดในถิ่นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1923 หรือ 98 ปีที่ผ่านมา
ครั้งนั้นแพ้ วิลล่า 0-1, แพ้ เชฟฯยู 2-3, แพ้ คาร์ดิฟฟ์ 0-2 และแพ้ นิวคาสเซิ่ล 1-2 โดยการคุมทัพของ แมตต์ แม็คควีน
นี่เป็นอีกนัดที่การเล่นแบบไปเร็วไม่ได้ เพราะเซ็ตบอลทางเดียว นั่นคือมาจากแนวลึก เนื่องจากเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ไม่สามารถที่จะเปิดบอลยาวพุ่ง ๆ หรือ สวิงพาสต์เปลี่ยนแกนแม้แต่หนเดียว
ที่สำคัญก็คือ เอฟเวอร์ตัน วันนี้แนวรับท็อปฟอร์มมาก โดยเฉพาะจอมเฟอะอย่าง ไมเคิล คีน ก็เหนียวทุกจังหวะ บวกกับ ก๊อดฟรี่ย์ กับ โฮลเกต แทบจะไม่ผิดตำแหน่งเลย
ทำงานในสนามได้ตามหน้ากระดานที่วางมา
จอร์แดน พิคฟอร์ด ก็ผีเข้าคนไฟบินอย่างมากในเกมนี้
ลิเกจบสกอร์จบ แต่ปัญหายังไม่จบ ที่เสียหายกว่าความพ่ายแพ้ก็คือ ต้องลุ้นอาการขาหนีบของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นี่แหละ!!!!
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี