ศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมซูเปอร์ซันเดย์  ประจำวันอาทิตย์นี้ ไฮไลท์จะอยู่ในเกมที่ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงของตารางที่กำลังจะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ จะบุกไปเยือน “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนาม โอลด์แทร็ฟฟอร์ด  ในเวลา 20.05 น. เป็นต้นไป

แมนยูฯ (5)-เลสเตอร์ (1) (20.05 น.) : “ปีศาจแดง” ที่เวลานี้ยังคงมีลุ้นที่จะลุ้นโควตาอันดับ 4 เพื่อคว้าตั๋วไป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้า เกมนี้สภาพทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือของทีม จะขาดแข้งอย่าง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, อั๊ดนาน ยานาไซ, ฟิล โจนส์ และ ลุค ชอว์ที่เดี้ยงมานานแล้ว โดยแผงหลังจะให้ ดาร์ลีย์ บลินด์ จับคู่กับ คริส สมอลลิ่งส่วนแดนกลาง มอร์กาน ชไนเดอร์แลง จะจับคู่กับ มารูยาน เฟลไลนี่ ส่วนแนวรุก เวยน์ รูนี่ย์ จะยืนเป็นจอมทัพ พร้อมให้ 3 ประสานอย่างเจสซีย์ ลินการ์ด, อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ดลงล่าตาข่าย

ทางฝั่ง “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” ที่เกมนี้หากบุกมาเก็บชัยชนะได้สำเร็จ ก็จะคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรทันที โดยสภาพทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาเลียน จะยังคงหมดสิทธิ์ใช้งานดาวยิงคนสำคัญอย่างเจมี่ วาร์ดี้ ที่ต้องรับโทษแบนเพิ่มจากการแสดงกิริยาไม่เหมาะสมใส่ผู้ตัดสินอีก 1 นัด ทำให้ เลโอนาร์โด้ อูยัว จะได้รับหน้าที่ลงล่าตาข่ายร่วมกับ ชินจิ โอกาซากิ ต่อไป ส่วนแดนกลางจะมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ ดาเนี่ยล ดริงก์วอลเตอร์ เป็นห้องเครื่อง และให้ ริยาด มาห์เรซ เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก เป็นตัวขับเคลื่อนเกม

ขณะที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาเลียน ของเลสเตอร์ เผยว่านี่คือโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดในการลุ้นแชมป์  และอาจจะเป็นเพียงครั้งเดียวตลอดชีวิต

“เรากำลังมีลุ้น ผมเป็นคนเน้นทางปฏิบัติ เราต้องการอีกแค่ 3 คะแนน เราต้องสู้เพื่อให้ความฝันเป็นจริง แต่มันยังมาไม่ถึง ผมสัมผัสถึงความสุขรอบๆ เมือง แต่เราต้องทำงานหนักต่อไป วันอาทิตย์นี้ จะเป็นเกมยากที่สุดเกมหนึ่ง แต่เราต้องไปเยือนด้วยสภาพจิตใจแบบเดิมๆ มันเปรียบราวกับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เราอยากจบแบบ แฮปปี้เอนดิ้ง ผมรู้สึกผ่อนคลาย เพราะผมคุมลูกทีมซ้อม พวกเขาต่างชื่นมื่น และคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันสำคัญมากที่จะต้องเตรียมตัวมาอย่างดี”

สำหรับสถิติที่ทั้งคู่เจอกัน 5 นัดหลังสุด ปรากฏว่าเป็น แมนยูฯที่เอาชนะไปได้ 3 นัด เลสเตอร์ ชนะ 1 นัด และเสมอกันไป 1 นัด

เซาแธมป์ตัน (8) - แมนฯ ซิตี้ (3) :  เกมนี้สภาพทีมของ โรนัลล์ คูมัน กุนซือนักบุญ จะขาดชาร์ลีออสติน ดาวยิงตัวเก่งที่มีอาการบาดเจ็บ นอกนั้นแข้งหลักจะพร้อมลงสนามทั้งหมด โดยแดนกลาง โอลิโอล โรเมอู จะเป็นตัวตัดเกมร่วมกับ วิคเตอร์ วานยาม่า  ขณะที่แนวรุก สตีเฟ่น เดวิส, ดูซานทาดิช และ เจย์ โรดริเกวซ จะเป็นสามประสานในแนวรุก พร้อมให้ เชน ลอง ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า

ทางฝั่งทีมเยือน “เรือใบสีฟ้า”ที่ยังมีเกมสำคัญในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือก นัด 2 กับ เรอัล มาดริด รออยู่ทำให้เกมนี้ มานูเอล เปเญกรีนี่ กุนซือชาวชิลี อาจจะทำการพักผู้เล่นคนสำคัญบางรายอย่าง แว็งซองต์ กอมปานี, เควิน เดอบรอยด์ และ เซร์คิโอ “กุน”อเกวโร่ เป็นเพียงแค่ตัวสำรอง บวกกับแข้งที่มีอาการบาดเจ็บอย่าง ซาเมียร์ นาสรี่,ดาบิด ซิลบา และ ยาย่า ตูเร่ ทำให้ทีมไม่พร้อมเท่าที่ควร โดยแนวรุกต้องฝากความหวังเอาไว้ที่ ราฮีม สเตอร์ลิง, เฆซุส นาบาส รวมไปถึง 2 ดาวยิงอย่าง วิลฟรีด โบนี่และ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่

สวอนซี (15)-ลิเวอร์พูล (7) (18.00 น.) : หงส์ขาว ที่ฟอร์มยังไม่กระเตื้องแพ้มา 2 เกมติดต่อกัน เกมนี้ ฟรานเชสโก้ กุยโดลิน กุนซือของทีมจะต้องขาด 2 แข้งหลักอย่าง เลอรอย เฟอร์ และ อัลแบร์ โต้ ปาลอชชี่ ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม แข้งหลักอย่าง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน จะลงเป็นตัวขับเคลื่อนเกมในแดนกลาง พร้อมปล่อยให้แนวรุกอย่าง, เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่,โมดู บาร์โรว์ และ อันเดร อายิว ลงล่าตาข่าย

ทางฝั่งทีมเยือน “หงส์แดง” ที่เพิ่งพ่ายจากเกมยูโรป้า มาเมื่อวันพฤหัสบดี เกมนี้สภาพทีมของ เจอเก้น คล็อปป์ จะยังคงมีผู้เล่นเดี้ยงอยู่เพียบเช่นเดิม ทั้ง เอมเร่ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ดิว็อก โอริกี้  รวมไปถึง มามาดู ซาโก้ ที่โดนสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป แบน 30 วัน จากการใช้สารกระตุ้น นอกจากนี้ กุนซือชาวเยอรมัน อาจจะพักผู้เล่นบางรายไว้เป็นเพียงตัวสำรองด้วย  ทำให้แผงหลัง โคโร่ ตูเร่จะได้จับคู่กับ มาร์ติด สเคอร์เทล ส่วนแดนกลาง เควิน สจ๊วต กองกลางดาวรุ่งจะเป็นห้องเครื่องร่วมกับ เจมส์ มิลเนอร์  ส่วนแนวรุก อดัม ลัลลาน่า, จอร์ดอน ไอบ์และ ฟิลิปป์ คูตินโญ่ จะขับเคลื่อนเกม พร้อมให้ คริสติยง เบนเตเก้ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า