การแต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือที่มีครบทุกอย่าง เข้ามาคุมทัพ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

ซึ่งที่จริงแล้ว มูรินโญ่ โลกรู้จักเขาก็ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดแห่งนี้ เมื่อปี 2004 ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ที่เขาวิ่งไปดีใจกับลูกทีมหลังจาก ปอร์โต้ ได้ประตูตีเสมอปีศาจแดง

จนกระทั่งทุกอย่างถึงบทจบของตัวเอง เหมือนละครเรื่องนี้ถูกเขียนมาไว้แล้ว เมื่อ หลุยส์ ฟาน กัล ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม เนื่องมาจากเขาทำสิ่งเดียวกับที่ เดวิด มอยส์ กุนซือคนก่อนทำเอาไว้

นั่นคือการไม่ได้ไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

แม้จะได้แชมป์เอฟเอ คัพ มาปลอบใจ และเป็นแชมป์แรกนับตั้งแต่หมดยุคทองของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่การที่ไม่ได้ไปเล่นถ้วยใหญ่ ได้ไปเล่นแค่ถ้วยเล็ก

สโมสรเสียหายทางมูลค่าทางการตลาด และอย่างน้อยก็ทิ้งเงินไปแน่ๆ กว่า 40 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาทไปฟรีๆ

เมื่อ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทัพที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถิ่นที่มีทุกอย่าง โดยเฉพาะในมุมของประวัติศาสตร์ที่เหนือล้ำ และการเป็นทีมที่ได้แชมป์ฟุตบอลลีกมากที่สุดก็การันตีทุกอย่างไว้แล้ว

งานนี้ไม่ใช่เป็นงานง่ายเหมือนตอนที่ มูรินโญ่ มารับตำแหน่งกุนซือเชลซี เมื่อปี 2004 แน่นอน

เริ่มจากประเด็นวงกว้างที่ชัดเจนที่สุดเพียงข้อเดียวก็เสียวแล้ว เมื่อคู่ปรับร่วมลีกมีผู้จัดการทีมที่น่าใจเต็มลีกไปหมด แบบไม่เคยปรากฏมาก่อน

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แห่งแมนฯซิตี้, อันโตนิโอ คอนเต้ แห่งเชลซี คือรุ่นใหม่ที่ถือว่ามาพร้อมกัน

มูรินโญ่ แจ้งเกิดที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้โลกรู้จัก เมื่อครั้งนำทัพปอร์โต้ มาเตะแชมเปี้ยนส์ลีก

บวกกับของเดิมอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ แห่งอาร์เซนอล, เจอร์เก้น คล็อปป์ แห่งลิเวอร์พูล นี่คือกลุ่มของทีมใหญ่ที่ยังไงก็ต้องมีเอี่ยวลุ้นแชมป์ทุกปี

ที่สำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้คือ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่พา เลสเตอร์ เป็นแชมป์, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แห่งสเปอร์ส และอดีตสองกองหลังระดับท็อปที่คุมทัพได้น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ อย่าง โรนัลด์ คูมัน แห่งเซาแธมป์ตัน และสลาเวน บีลิช แห่งเวสต์แฮม

สมมุติว่า เอฟเวอร์ตัน ได้ตัว อูไน อมารี่ กุนซือเซบีญ่ามาทำงานอีกคนนี่จะเกิดอะไรขึ้น แต่.......

แต่ต้องไม่ลืมว่า มูรินโญ่ คือจอมทระนงคือ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” แม้ว่า 3 ปีก่อนเขาจะยอมลดบทบาทตัวเองลงให้กลายเป็นแค่ “เดอะ แฮปปี้ วัน” ก็ตามที

มูรินโญ่ เคยมาในยุคที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ อาร์แซน เวนเกอร์ ครองเมือง แต่ก็ทำให้สองเก๋าคู่ปะทะแห่งพรีเมียร์ลีกต้องเงียบสนิทมาแล้ว

อย่างไรก็ดี ในทางกลับกันการเป็นตัวของตัวเองสูงอย่าง มูรินโญ่ จะนำมาใช้กับทีมที่ใหญ่อยู่แล้วอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่ถือว่าลำบากมากๆ

มันคนละสถานะกับการคุมทัพเชลซีตอนนั้น และเขาก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในการคุมทีมระดับบิ๊กอย่าง เรอัล มาดริด มาแล้ว

มูลเหตุมาจากตัวของ มูรินโญ่ เองทั้งนั้น

ความละเอียดอ่อนต่อสถานที่แห่งใหม่ เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ และน่าสนใจมากว่า มูรินโญ่ ที่ถูกจับตาทุกฝีเก้าจะทำอย่างไร
กับขั้วอำนาจเก่าของแมนยูฯ ที่ยากมากในการปรับทัศนคติ

หากปรับของเก่าออกหมดไม่เอาใครเลย แล้วยกทีมมาทำ คงจะเห็น เดวิด มอยส์ เป็นตัวอย่างมาแล้ว

หรือจะเลือกไว้คนหรือสองคน รวมถึงเอาเด็กเก่าผีตามที่มีข่าวมาทำงานด้วย แน่ใจหรือว่าเก้าอี้ของเขาจะปลอดภัย

โลโก้ผีถือสามง่ามใหญ่กว่าเขาอย่างชัดเจน หากคิดบริหารจัดการทีมในแบบเดิม อีโก้สูง อินดี้เกินพิกัด เขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนและล้มเหลวไม่เป็นท่า

แต่ถ้าลดดีกรีความห่ามได้เหมือนกับตอนแถลงข่าวได้จริง อย่างที่พูดไว้ว่า “ที่นี่ช่างโรแมนติก น่าหลงใหล เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”

อารมณ์ประมาณจีบสาวใหม่ๆ กันเลยทีเดียว

ทั้งหมดทั้งมวลอย่างที่บอกไป มูรินโญ่ ต้องทำใหม่และคิดใหม่ทั้งหมด นั่นเพราะความเป็น “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” จะมาใช้ที่นี่ไม่ได้

เพราะถ้าต่างคนต่างใหญ่ จะอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ถ้าปรับเข้าหากันได้ ยอมลดระดับตัวเองลง คู่ปรับคนไหนสำหรับ มูรินโญ่ ถือว่าไม่ใช่ปัญหา

ผีแดงจะกลับมาน่ากลัวไม่แพ้ยุคเซอร์เฟอร์กี้เลยทีเดียว!

บี แหลมสิงห์