ความเคลื่อนไหว ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดสู้ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 3-5 มิ.ย. นี้ ที่สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน โดยมี ทีมชาติซีเรีย, จอร์แดน และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมแข่งขัน โดยไทย จะประเดิมสนามนัดแรกดวลกับ ซีเรีย วันที่ 3 มิ.ย. นี้ ในเวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ไทยรัฐทีวีถ่ายทอดสด

ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันโดยมีตัวแทนของทั้ง 4 ชาติ เข้าร่วมแถลงความพร้อมที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์

โดย พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 44 ทีมชาติไทยตั้งเป้าชนะรวดเพื่อคว้าแชมป์และถ้วยพระราชทานมาครองให้ได้ และการคว้าแชมป์จะมีผลต่ออันดับโลกของฟีฟ่า ที่ “ช้างศึก” จะได้ขึ้นมาติดท็อป 100 ของโลก อีกด้วย

ส่วน “ใกล้รุ่ง” ตรีจักรสังข์ ผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไทย ที่มาพร้อม มิก้า ชูนวลศรี ปราการหลังของทีม เผยถึงความพร้อมในเกมแรกที่จะพบ ทีมชาติซีเรีย ว่า “เวลานี้สภาพทีมถือว่าสมบูรณ์มากๆ แต่คู่แข่งของเรานั้นต่างมีอันดับโลกที่สูงกว่าเราทั้งหมดทำให้ประมาทไม่ได้ ซึ่งเราได้ศึกษาฟอร์มการเล่นของซีเรียมาแล้วทั้งในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รวมถึงนัดล่าสุดที่อุ่นเครื่องแพ้เวียดนาม 0-2 พวกเขาถือเป็นทีมที่น่ากลัว และเราต้องเล่นแบบรัดกุม อย่างไรก็ตามไทยก็มองถึงการคว้าแชมป์แน่นอน”

ทางด้าน อายมาน ฮาคีม ผู้ฝึกสอนทีมซีเรีย กล่าวว่า บอลลีกของซีเรียเพิ่งจบฤดูกาล เวลาในการรวมทีมจึงมีน้อย ซึ่งการที่ไปแพ้ เวียดนามนั้น เพราะว่ายังไม่พร้อม แต่เกมที่จะเจอกับไทยในนัดนี้พวกเราพร้อมแล้ว โดยยอมรับว่ากองหน้าทีมชาติไทย มีความเฉียบคมมาก แต่กองหลังของซีเรียก็มีวิธีรับมือเช่นกัน

สำหรับเกมนัดนี้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จะใช้ระบบ 4-3-3 ลงสนาม โดยผู้รักษาประตูจะเป็น กวิน ธรรมสัจจานันท์ 
ยืนเฝ้าเสา แผงหลัง 4 คน ประกอบด้วย ธีราทร บุญมาทัน, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, อดิศร พรหมรักษ์ และ ทริสตอง โด ส่วนแดนกลาง สารัช อยู่เย็น จะขับเคลื่อนเกมรวมกับ สรรวัชญ์ เดชมิตร และ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ขณะที่แนวรุกจะเป็นหน้าที่ของ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, มงคล ทศไกร และ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ที่จะยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า

ขณะเดียวกัน ทัพ “ช้างศึก” ก็เขยิบขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนอีกครั้ง หลังการจัดอันดับ แรงกิ้งโลกของฟีฟ่าล่าสุดในเดือน พฤษภาคม เขยิบขึ้นมา 2 อันดับ จากอันดับ 119 เป็น 117 เป็นที่เรียบร้อย แซงหน้า ฟิลิปปินส์ ที่ตกจาก 115 ไปอยู่ที่ 120