ลักษณะ มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ (จากปลายปากถึงรูก้นประมาณ 82 มิลลิเมตร) ลำตัวยาวและส่วนของหัวค่อนข้างกว้าง บนหัวระหว่างตาทั้งสองข้างมีรอยพับของแผ่นหนังพาดขวางในตำแหน่งด้านท้ายของตา หรือตรงขอบท้ายของแถบสีดำ และมีรอยพับของผิวหนังจากด้านท้ายตาลงไปที่ส่วนต้นของขาหน้าหรือทางด้านท้ายของมุมขากรรไกร เพศผู้มีหัวใหญ่และมีโครงสร้างคล้ายฟันเขี้ยวอยู่ที่ส่วนปลายของขากรรไกรล่าง ผิวหนังทางส่วนต้นของลำตัวค่อนข้างเรียบ มีตุ่มเล็กกระจายอยู่บ้าง แต่ผิวหนังทางส่วนท้ายลำตัวและบนขาหลังมีตุ่มกระจายหนาแน่น โดยเฉพาะด้านข้างลำตัว ด้านหน้าทางส่วนต้นของขาหลัง และบริเวณช่องเปิดรูก้น ส่วนยอดของตุ่มบางตุ่มเป็นสีขาว

ด้านหลังสีน้ำตาลอมเขียว บนหัวระหว่างตาทั้งสองข้างมีแถบสีน้ำตาลเข้มพาดขวาง ขอบด้านหน้าเป็นแถบสีน้ำตาลเข้มเป็นแถบกว้างสีน้ำตาลแดงและขอบด้านท้ายเป็นเส้นสีน้ำตาลเหลือง ด้านข้างของหัวสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลเหลือง ตามีทางสีดำพาดขวาง ด้านท้ายของลำตัวมีปื้นสีเข้มกระจาย คางสีน้ำตาลจาง ด้านท้องสีขาวและมีโครงข่ายสีเข้มกระจาย ทางด้านหน้าของขาหลังมีปื้นสีเข้มพาดขวางเป็นระยะ

ขาหน้าและขาหลังสั้นแต่ใหญ่ นิ้วตีนหน้าไม่มีแผ่นหนังระหว่างนิ้ว นิ้วตีนหลังมีแผ่นหนังเกือบเต็มความยาวนิ้ว ส่วนปลายของนิ้วตีนหน้าและนิ้วตีนหลังมนแต่ไม่ขยายเป็นตุ่ม

ลูกอ๊อดมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ (ประมาณลูกอ๊อดปาดบ้าน) ลำตัวแบนและสีน้ำตาล บนหลังมีปื้นสีน้ำตาลเข้มกระจาย ด้านท้องขาว หรือสีน้ำตาล หางยาวและมีกล้ามเนื้อแข็งแรง แผ่นครีบหางใหญ่และแผ่นครีบหางบนใหญ่กว่าแผ่นครีบหางล่าง แผ่นครีบหางบนมีปื้นสีเข้มกระจายส่วนแผ่นครีบหางล่างมีปื้นสีเข้มกระจายเฉพาะด้านท้าย ปากอยู่ทางด้านล่างของหัว ช่องปากใหญ่ ตุ่มฟันในอุ้งปากมีจำนวนแถวและลักษณะการเรียงตัวเป็นสูตร I:1+1/1+1:II ขอบของจะงอยปากบนและของจะงอยปากล่าง
มีรอยหยัก

การแพร่กระจาย เฉพาะประเทศไทยและบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เลย และนครราชสีมา)ในพื้นที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช พบในลำห้วยบริเวณเขาสูง

พื้นที่อาศัย ในเวลากลางวันหลบซ่อนตัวอยู่ใต้กองใบไม้ที่ทับถม หรือซอกหินตามลำห้วย ออกหากินในเวลากลางคืน

นิสัย อาศัยในแหล่งน้ำที่เป็นแหล่งน้ำถาวรและหลบซ่อนตัวเวลากลางวันในพื้นที่ไม่ห่างไกลจากแหล่งน้ำ ผสมพันธุ์
และวางไข่ในช่วงต้นปี ซึ่งจะพบเห็นลูกอ๊อดขนาดใหญ่แล้วช่วงเดือนเมษายน ลูกอ๊อดหากินอยู่บริเวณพื้นท้องน้ำ

สถานภาพ ไม่ได้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ.2535 และไม่มีสถานภาพเพื่อการอนุรักษ์ตามเกณฑ์ของ Office of Natural Resources and Environmental Policy and Planning (2005) และตามเกณฑ์ของ IUCN (2008)

สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย