พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้าล้มกระหม่อมของชาวไทย ทรงฉายแววทางกีฬาหลายประเภทตั้งแต่ทรงพระเยาว์
เริ่มจากกีฬา “สกี” เมื่อครั้งประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยพระชนมายุเพียง 8 พรรษา โดยมี นายชาตาลานาต์ เป็นครูฝึก
กีฬาแบดมินตัน เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่พระองค์สนพระราชหฤทัย พระองค์ทรงแบดมินตัน สัปดาห์ละ 3 วัน ที่สนามแบดในสวนจิตรลดา โดยเชิญนักแบดฝีมือดีมาเล่นด้วย หนึ่งในนั้นที่ได้ร่วมเล่นกับพระองค์ คือ “หง่อง เป็ง สูน” แชมป์โลกชาวสิงคโปร์
โปรดเล่นในประเภทคู่ และประเภทชายสาม
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงกีฬาอื่นๆ อาทิ สกีน้ำ, ว่ายน้ำ, เรือกรรเชียง, เรือพาย, แบดมินตัน, ยิงปืน, กอล์ฟเล็ก, รถเล็ก และเครื่องร่อน พร้อมกันนี้พระองค์สนพระทัยเรื่องการวิ่งและเดินเร็ว โดยเริ่มใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาตามหลักวิชาการ ตั้งแต่ปี 2510
พระองค์พระราชทานพระราชดำรัสแก่ข้าราชบริพารว่า “การออกกำลังกายนั้น ถ้าทำน้อยเกินไป ร่างกายและจิตใจก็จะเฉา ถ้าทำมากเกินไป ร่ายกายและจิตใจก็จะช้ำ”
............อย่างที่ทุกคนทราบกันดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในทวีปเอเชียที่สามารถครองรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันและเป็นที่ยอมรับในวงการกีฬาเรือใบระดับโลก
ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 พ.ศ.2510 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ พระองค์ทรง ได้รับชัยชนะร่วมกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ในการแข่งขันเรือใบ ประเภท โอ.เค.
....พลอากาศเอก ทวี จุลละทรัพย์ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2510
ที่ห้องประชุมกองบัญชาการทหารสูงสุด ได้แจ้งต่อคณะกรรมการในที่ประชุมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จ
พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนฯ ทรงเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ในฐานะนักกีฬาเรือใบประเภท โอ.เค. ในนามของประเทศไทยด้วย
เมื่อมีข่าวนี้ออกไป คณะกรรมการบริหารสหพันธ์กีฬาแหลมทอง ซึ่งควบคุมการแข่งขันกีฬาแหลมทอง โดยมีตัวแทนจากทุกชาติที่เข้าร่วมเป็นกรรมการ ได้จัดทำหนังสือยอพระเกียรติขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนฯ ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถ และทรงเป็นตัวอย่างอันดีงามต่อประชาชนที่พระองค์ทรงเป็นนักกีฬาของชาติ เข้าร่วมการแข่งขัน ด้วยพระองค์เอง
โดยทั้งสองพระองค์ทรงฝึกซ้อมอย่างหนักเป็นเวลานาน นับตั้งแต่ทรงเข้าร่วมคัดเลือกเป็นนักกีฬาทีมชาติร่วมกับนักกีฬาทั่วไป และ ทรงประสบชัยชนะ ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการแล้วทั้งสองพระองค์ ก็ได้ทรงฝึกซ้อมอยู่เสมอ เริ่มแข่งขันเที่ยวแรกที่อ่าวพัทยา ในวันที่ 11 ธันวาคม 2510 ต่อด้วยวันที่ 12 และ 13 ธันวาคม แข่งขันวันละ 2 เที่ยว เที่ยวเช้าเริ่ม 10.30 น. และ เที่ยวบ่าย เริ่มเวลา 15.00 น.
ผลการแข่งขัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าหญิงทรงมีคะแนนเท่ากัน คณะกรรมการจัดการแข่งขัน รวมไปถึง ผู้แทนจากสหพันธ์เรือใบแห่งนานาชาติ และผู้แทนชาติที่เข้าร่วมแข่งขันอันประกอบด้วย พลเรือเอกศิริ กระจ่างเนตร ประธานที่ประชุม, มร.โจนาธาน แซมซัน ผู้แทนสหพันธ์เรือใบแข่งนานาชาติ, มร.เดวิด สัน จากมาเลเซีย มร.พอล วีเบน และ มร.ฮัน ทุน จากพม่า จึงได้เปิดประชุมกันขึ้น
หลังจากประชุมอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง จึงตกลงพร้อมกันถวายชัยชนะ อันดับที่ 1 แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง ทรงได้รับเหรียญทองเรือใบประเภท โอ.เค. ทั้งสองพระองค์ ส่วนตำแหน่งที่ 2 เหรียญเงินได้แก่ ลาซาริ จากประเทศมาเลเซีย และ ที่ 3 ยัน ขิ่น จากประเทศพม่า
สำหรับพิธีมอบเหรียญรางวัล มีขึ้นในช่วงพิธีปิดการแข่งขัน ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 ซึ่งวันนั้นได้กลายเป็นวันประวัติศาสตร์วงการกีฬาของประเทศไทย และถูกกำหนดให้เป็นวันกีฬาแห่งชาติมาจนถึงปัจจุบัน
......ในเรื่องของกีฬาเรือใบนั้น พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยกีฬาเรือใบอย่างจริงจัง เนื่องจากทรงเห็นว่า เป็นกีฬาที่เล่นอยู่ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นสบาย รวมถึงต้องใช้ความสามารถทุกส่วนประสานกัน และเนื่องจากพระองค์มีฝีพระหัตถ์ในงานช่างไม้ พร้อมกับได้รับคำกราบบังคมทูลจากคนใกล้ชิดว่า “คนจะเล่นกีฬาเรือใบได้ดี ต้องต่อเรือเอง”
พระองค์ทรงเริ่มต่อเรือขึ้นมาเอง และทดลองแล่นเรือ ในสวนจิตรลดา
......... ภ.ณ ประมวลมารค หรือ หม่อมเจ้า ภีศเดช รัชนี ได้ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือ “ชีวิตชั้นๆ” ใจความเกี่ยวกับ ในหลวงของเรา เกี่ยวกับเรือใบว่า ทรงได้รับสั่งให้เข้าเฝ้าฯ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และทรงมีรับสั่งว่าอยากจะต่อเรือด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง จึงเห็นว่า หม่อมเจ้า ภีศเดช รัชนี ต่อเรือเป็น จึงทรงมีรับสั่งให้เข้ามาดำเนินการ เป็นโครงการร่วม
เริ่มต้นจาก “เรือเอ็นเตอร์ไพรส์” พระองค์ต่อทั้งหมด 2 ลำ คือ ลำแรกชื่อเรือว่า “ราชปะแตน” ชื่อมาจากแบบเสื้อ และลำที่สองชื่อว่า “เอจี”
ทรงมีรับสั่งให้ หม่อมเจ้า ภีศเดชฯ เป็นลูกเรือและถวายคำแนะนำไปด้วย โดยรับสั่งว่า หม่อมเจ้าภีศเดชฯ ว่าเป็น “ครูสองภาษา” นั่นคือ CREW ที่แปลว่า ลูกเรือและคุณครู ตามภาษาไทย
จากนั้นพระองค์ทรงเปลี่ยนพระทัยมาแล่นเรือใบ ประเภทโอ.เค.เนื่องจากแบบเดิมหาลูกเรือยาก แต่แบบนี้คือเล่นคนเดียวได้ ในกาลต่อมา พระองค์ทรงเป็นแชมป์ประเทศไทย ประเภทเรือโอ.เค. 3 สมัย
ลำแรกพระราชทานชื่อว่า “นวฤกษ์” จากนั้นทรงต่อเรือโอ.เค.อีกหลายลำ นั่นคือ “เวคา” ที่มาจากคำว่า ดาวที่สว่าง ซึ่งทรงต่อเรือทั้ง เวคา 1, เวคา 2, และ เวคา 3
ซึ่ง เรือเวคา 2 หมายเลข TH27 เป็นลำที่ทรงใช้แข่งขันในกีฬาแหลมทอง นั่นเอง
ส่วนเรือเวคา 1 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ โปรดเรือลำนี้มาก จึงขอพระราชทานจากพระองค์
....เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2509 พระองค์ทรงเรือใบ “เวคา” ที่มีขนาด 13 ฟุต ออกจากวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ข้ามอ่าวเพื่อไปยัง ฐานนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ด้วยพระองค์เองพระองค์เดียว เริ่มตั้งแต่เวลา 04.28 น. ถึงเวลา 21.28 น. รวมทั้งสิ้น 17 ชั่วโมง โดยทรงจำกัดเรือตามเสด็จเพียง 3 ลำ เท่านั้นด้วย
เมื่อเสด็จถึง พระองค์นำธงราชนาวิกโยธิน มาปักไว้เหนือยอดก้อนหินใหญ่ ที่ชายหาดของอ่าวเตยงาม โดยมีข้าราชการทหาร, ครอบนาวิกโยธิน และประชาชนมารอเฝ้าฯรับเสด็จ ซึ่งกองทัพเรือได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ ให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ไว้เป็นสิริมงคลและเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่กองทัพเรือสืบไป...........
นอกจากพระองค์ จะทรงแข่งขันเรือใบ, ต่อเรือใบเอง ท่านยังทรงคิดค้น และออกแบบเรือใหม่นั่นคือ ประเภทม็อธ(Moth) โดยจำกัดความยาวไม่เกิน 11 ฟุต มีใบเดียว และเนื้อที่ไม่เกิน 75 ตารางฟุต แต่ไม่จำกัดความกว้างของเรือ มีทั้งหมด 3 แบบ
1.เรือมด 2.เรือซูเปอร์มด และ 3.เรือไมโครมด
ทรงมีรับสั่งว่า ที่ให้ชื่อว่า มด นั้น เพราะมันกัดเจ็บๆ คันดี
อีกทั้งพระองค์ พระราชทานชื่อเรือปลกๆ ให้กับผู้เป็นเจ้าของให้สอดคล้องกับบุคลิก อาทิ เจ้าของเรือเจ้าอารมณ์ ร้องกรี๊ดบ่อยๆ พระราชทานชื่อว่า “Grease” หรือชื่อไทยว่า “กรี๊ด”
พระราชทานชื่อว่า “Why” ให้กับเจ้าของเรือที่ชอบร้อง “วี้ดว้าย” ระหว่างเล่น
พระราชทานชื่อเรือไมโครมด ฝีพระหัตถ์พระองค์ว่า “Catfish” หรือ “ปลาดุก” ให้เข้ากับคำว่า “ดุ๊ค(Duke)” เมื่อครั้งที่ ดยุคแห่งเอดินเบอระห์ ทรงเรือไมโครมดไปเกาะล้าน
......โลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ เคยมีกษัตริย์ทรงแข่งขันกีฬาเรือใบและได้เหรียญทอง รวมทั้งสิ้น 3 ประเทศ ประกอบด้วย นอร์เวย์, กรีซ และไทย
“ในหลวง”ของเรา เป็นพระองค์เดียวจากทวีปเอเชีย ที่ทรงชนะเลิศเหรียญทอง
“ในหลวง” ของเรา เป็นพระองค์เดียวที่ทรงชนะเลิศเหรียญทอง จากเรือใบที่ทำขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง
………
King of Kings
ที่มา : หนังสือพระมหากษัตริย์นักกีฬา
บี แหลมสิงห์ : เรียบเรียง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี