จากการที่เสื้อแข่งฟุตบอลโลกของ “อินทรีมรกต” ทีมชาติไนจีเรีย สร้างความฮือฮาขายดีแบบถล่มทลายเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะสโตร์ของ ไนกี้ ณ กรุงลอนดอน ยืนยันว่าชุดแข่งของทีมชาติไนจีเรียที่เตรียมมาขายในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ขายดิบขายดีหมดทุกแบบทุกลาย ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ไนกี้ ได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 3 ปีครึ่งกับทัพอีเกิลส์ นับตั้งแต่ปี 2015 โดยตลอดสัญญาเป็นเงินจำนวน 3.75 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่งจ่ายโบนัส 500,000 เหรียญ หลังจากทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายบอลโลกได้สำเร็จ

สำหรับเสื้อของไนจีเรีย มีความแปลกและเก๋กว่าทีมอื่น นั่นคือ การใช้เฉดสีเขียว ดำกับขาวสลับกัน รวมถึงลายซิกแซ็ก เอามารวมกัน โดยได้แรงบันดาลใจจากเสื้อบอลโลกปี 1994 พร้อมกับเป็นเสื้อแนว “สตรีท” ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันอีกด้วย ทั้งนี้ ยอดขายเสื้อของทีมชาติไนจีเรีย มียอดสั่งจองกว่า 3 ล้านตัว เป็นข้อมูลจาก สมาคมฟุตบอลไนจีเรียในการประชุมของไนกี้ ณ สำนักงานใหญ่ประจำทวีปยุโรป ทุบสถิติเดิมของ “ปีศาจแดง” สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมียอดขายเสื้อรวมกันทั่วโลก สูงสุดที่ประมาณ 2.85 ล้านตัว ในช่วงปี 2016

ขณะที่ “CNN” สื่อดังระดับโลก ตีข่าวเสื้อปลอมของโลกฟุตบอลผลิตที่ประเทศไทย มีราคาตั้งแต่ 5 ยูเอส หรือ 200 บาท ไปจนถึงระดับเกือบ 2 พัน ขึ้นอยู่กับเกรด และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเมื่อเทศกาลบอลโลกมาถึงสื่อดังระบุอ้างคำพูดจาก ผู้ค้ารายหนึ่งเผยว่า มักจะเริ่มขายก่อนการขายจริงอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นล่าสุดเสื้อของไนจีเรีย ที่กำลังมาแรง ก็มีขายมาเป็นเดือนแล้ว

“คนที่เมืองไทย เริ่มซื้อเสื้อบอลโลกมาตั้งแต่ปี 1994 หลังจากที่ได้เห็นเสื้อทีมชาติไนจีเรียเมื่อเดือนก่อน ปรากฏว่ามีการถามถึงเยอะมาก และขายดีอย่างมาก เนื่องจากได้รับความนิยมจากแฟนบอล” นอกจากนี้ผู้ขายที่ CNN ระบุชื่อผู้ขายว่า RONKE Oni ยังเปิดเผยด้วยว่า เธอได้ขายเสื้อปลอม (Fake jerseys) ผ่านทางออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย อีกด้วย

ทั้งนี้นักวิเคราะห์บางคนคาดกันว่า ไนกี้ ปล่อยเวลาให้แฟนบอลรอเสื้อตัวนี้และอุปกรณ์ต่างๆ นานเกินไป ทำให้เป็นการ “เปิดพื้นที่” ให้กับนักฉวยโอกาส (bootleggers) ได้มีเวลาทำเสื้อปลอมมาเพื่อสนองความต้องการของแฟนบอล