ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เป็นประเภท “มิดเดิ้ลเวท” ทุกทีมดูเหมือนจะมีทีเด็ด และพลังการต่อการที่เท่าเทียมกัน สูสีกันอย่างสุด ๆ
การมาจาก 4 ทวีป ยิ่งทำให้การดวลแข่งกลุ่มนี้ย่อมเมามันส์ไม่แพ้กลุ่มอื่น แม้จะไม่มีบิ๊กเนม แต่เชื่อว่า ความสนุกจะเกิดขึ้นในทุก ๆ เกม
ระทึกแน่นอน!!!
โปแลนด์
“โปแลนด์”ขอแล่นลมอีกสักที
“อินทรีขาว” ที่ก่อตั้งมาในยุคแรก ๆ เช่นเดียวกันของวงการฟุตบอล ประเดิมเริ่มต้นให้โลกได้บันทึก นั่นคือการแพ้ บราซิล แบบดุเดือดเลือดพล่าน 5-6 ในช่วงต่อเวลาของฟุตบอลโลก 1938 ซึ่งเป็นหนแรกของพวกเขา ก่อนปฐพีนี้ต้องหยุดทุกอย่างเพราะสงครามโลก ครั้งที่ 2
โปแลนด์ หายไปจากโลกของฟุตบอล กระทั่งมาในยุค 70 จนถึงกลางทศวรรษที่ 80 พวกเขากลับมาอยู่ในแผนที่ของวงการฟุตบอลอีกครั้ง ด้วยการไปบอลโลก 4 สมัยติดต่อกัน โดยเฉพาะการคว้าอันดับ 3 ได้ถึง 2 สมัยในปี 1974 และ 1982
พวกเขามีขุนพลชั้นดีทั้ง แยน โทมาสเซฟสกี้, เฮนริค คาสเปอร์แซค แต่ที่ทุกคนจดจำคือ เกอร์ซากอซ ลาโต้ หัวหอกมหาภัย เรื่อยมาจนถึง อันเดรซจ์ ซาร์มาช และซบิ๊กนิว โบเนี๊ยค
จากนั้นพวกเขาก็หายไป และกลับมาตกรอบแรกสองสมัยติดกันในปี 2002 และ 2006 ก่อนจะพลาดตั๋วในสองครั้งล่าสุด ก่อนจะตีตั๋วมาได้ในครั้งนี้ ด้วยขุนพลที่ต่อเนื่องจากชุดลุยบอลยูโร 2016
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือหัวใจสำคัญของทีม และต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างมาก หนักจากฝืดสนิทในยูโรครั้งก่อน ว่าเขาเป็นของจริงที่เก่งเฉพาะในสโมสรหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตัวประกอบของ เลวานฯ ดูเหมือนจะมีปัญหา เพราะถ้าไม่แก่เกินแกงอย่าง
เกรเซกอร์ซ ครีโชเวี๊ยค กับ ยาคุบ บลาซีคอฟสกี้ พวกตัวเสริมที่"ดูเหมือนอันตราย" อย่าง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กับ ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้ ก็ได้แค่เข้าๆ ออกๆในทีมระดับสโมสร
ที่สุดแล้ว เลวานดอฟสกี้ อาจจะคมจริง แต่ในระดับชาติเขาจะแบกทีมมากเกินไปหรือเปล่า!?
เซเนกัล
“เซเนกัล”สิงโตแห่งเตรังก้าขอคำราม
หากคุณคิดว่า แคเมอรูน คือจอมพลิกล็อคในฟุตบอลโลก เมื่อปี 1990 ที่มีชัยเหนือ อาร์เจนติน่า แชมป์เก่า ในนัดเปิดสนาม
ก็ต้องไม่ลืมว่า “สิงโตแห่งเตรังก้า” เซเนกัล ก็เป็นที่สุดแห่งจอมพลิกล็อคอีกเช่นกัน เมื่อระเบิดฟอร์มคว่ำ ฝรั่งเศส ที่มาป้องกันแชมป์ไปแบบล็อคทะลาย 1-0 ในนัดเปิดสนามปี 2002
ครั้งนั้น เซเนกัล กลายเป็นอีกทีมในประวัติศาสตร์ลูกหนังแอฟริกา ที่พาเหรดเข้าถึงรอบ 8 ทีม เฉกเช่น แคเมอรูน เคยทำเอาไว้ก่อนหน้านั้น 12 ปี
นักเตะต่าง ๆ โด่งดังมากมาย อาทิ เอล ฮํดจิ ดิยุฟ, ซาลิฟ ดิเยา, ปาป้า บูบา ดิยอฟ และกุนซือสุดเท่ห์ผู้ล่วงลับอย่าง บรูโน่ เม็ตซู
นี่คือครั้งที่ 2 ที่พวกเขาได้มาฟุตบอลโลก พร้อมกับขุนพลตัวความหวังที่แจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกจนโลกรู้จักอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ของลิเวอร์พูล
หนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อปี 2002 เพราะผู้เล่นหลายต่อหลายคนเป็นที่รู้จักในโลกของฟุตบอลมาก่อนแล้ว
นับจากแกนหลักจาก มาเน่ ก็มี คาลิดู คูลิบาลี่ ปราการหลังตัวแกร่งของ นาโปลี, 3 ห้องเครื่องจากศึกลีกผู้ดี บาดู เอ็นดิอาย ของสโต๊ค ซิตี้, อิดริสซ่า กาน่า เกย์ ของเอฟเวอร์ตัน และชีค คูยาเต้ ของเวสต์แฮม รวมถึง เอ็มบาย เนียง แกนรุกจากโตริโน่
ด้วยยุทธวิธีการเล่นแบบแข็งแรง, รวดเร็ว และมีวินัย รวมถึง”มีตัวทีเด็ด”แบบนี้
พวกเขาไม่เป็นรองใครในกลุ่มนี้จริงๆ
โคลอมเบีย
“โคลอมเบีย”ความหวังคือพลังแห่งรุก
โคลอมเบีย อาจจะเริ่มต้นขยับตัวช้ากว่าชาติอื่นในดินแดนเดียวกัน
เริ่มต้นแมทช์แรกของวงการลูกหนัง ก็คือปี 1938 ซึ่งบอลโลกเตะไปแล้วถึง 3 สมัย แต่ถือว่าได้เล่นฟุตบอลโลกได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน เพราะออสตาร์ทเมื่อปี 1962 ที่ชิลี เป็นเจ้าภาพ
แต่หลังจากนั้นพวกเขาหายไปเลยกระทั่งได้มาเล่นในฟุตบอลโลกยุคเทคโนโลยีทันสมัย 3 ครั้งรวด นั่นคือ ปี 1990, 1994 และ 1998
ปรากฏว่า มีถึงสองครั้งที่ถูกโลกจดจำไปไม่รู้ลืม
หนรกในปี 1990 ทีมมีจอมทัพกัปตันทีมที่ชื่อ คาร์ลอส วัลแดร์ราม่า เป็นแม่ทัพ และไว้ผมทรงคล้าย ๆ กับงูเก็งก็อง เหมือนกับ “ไอ้หัวงูเก็งก๊อง” รุด กุลลิท แม่ทัพเนเธอร์แลนด์ ทำให้ วัลแดร์ราม่า ได้รับฉายาว่า “กุลลิทขาว”
มาพร้อมนายประตูจอมลีลา เรเน่ ฮิกิต้า ที่ชอบขึ้นมาโชว์ลีลาทำเกมรุก และสุดท้าย โลกก็จำลูกผิดพลาดของเขาที่ถูก โรเจอร์ มิลล่า สิงห์เฒ่าแคเมอรูน ฉกจากเท้าไปสังหารจนตกรอบ 2
จากนั้นในปี 1994 “ไข่มุกดำ” เปเล่ อมตะนักเตะชาวบราซิล ยกให้พวกเขาเป็นเต็งแชมป์ แต่ต้องตกรอบแรก แถม อันเดรส เอสโคบาร์ ที่ทำเข้าประตูตัวเอง ในเกมกับ สหรัฐ ต้องสังเวยชีวิต เมื่อถูกนักพนันสังหารในบ้านเกิดตัวเอง
พวกเขาหายไปจากบอลโลกอีกถึง 3 สมัย และกลับมาอีกทีคือ 4 ปีก่อน พร้อมกับสร้างผลงานเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย พร้อมกับมีดาราดวงใหม่ชี่อว่า “เจมส์ โรดริเกวซ”
ลงท้ายคำว่า James ในภาษาของพวกเขาคือ ฮาเมส ซึ่งเจ้าฮาเมส ก็กลายเป็นดาราซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์อีกด้วย
ฮาเมส ยังอยู่ และได้ประสานงานกับแนวรุกที่มีให้เลือกมากมายทั้ง คาร์ลอส บัคก้า ดาวยิงคนสู้ชีวิตจาก บียาร์เรอัล หรือ ราดาเมล ฟัลเกา เสือเจ็บที่เลียแผลกลับมาเกิดใหม่ใน โมนาโก, หลุยส์ มูเรี่ยล จากเซบีย่า และตัวเดินเกมริมเส้นที่โตมาพร้อมกับ ฮาเมส จากบอลโลกหนก่อนก็คือ ฮวน กวาดราโด้ จอมเลื้อยของยูเวนตุส
ถือว่าเกมรุกน่าเกรงขามมาก ๆ อยู่ที่ว่าจะจัดขบวนทัพกันได้ดีขนาดไหน นั่นซิปัญหา!
ญี่ปุ่น
“ญี่ปุ่น”ซามูไรลือลั่นฟันได้ทุกทีม
ความมีระเบียบวินัย, ความเอาจริงเอาจัง และความมุ่งมั่น นำพาให้วงการฟุตบอลญี่ปุ่น เดินทางมายาวไกล และรวดเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด
การพัฒนาเป็นระบบ ส่งนักบอลลงทำการแข่งขันแบบพิศดารหลายรายการ ด้วยการส่งชุดยู-17 ไปแข่งยู-19 หรือส่ง ยู-19 ไปเล่นยู-23 เพื่อการพัฒนาในอนาคต
รวมถึงการสร้างสรรค์”การ์ตูน”ที่รู้จักกันไปทั่วโลกอย่าง “กัปตันซึบาสะ” เดินทางไปพร้อม ๆ กับ”ความเป็นจริง”
ปัจจุบัน ญี่ปุ่น เติบโตอย่างเกินคาด หลังจากตีตั๋วไปฟุตบอลโลก 1998 ต่อด้วยการเป็นเจ้าภาพร่วมในปี 2002…พวกเขาไม่เคยพลาดตั๋วฟุตบอลโลกอีกเลย
นักเตะจากแดนซามูไร กลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าส่งออก ที่ปัจจุบันไปทำมาหากินแทบจะทั่วทวีปยุโรป ลีกดัง ๆ อย่าง บุนเดสลีกา, พรีเมียร์ลีก, ลา ลีกา, กัลโช่เซเรียอา และลีกเอิง มีผู้เล่นจากแดนอาทิตย์อุทัย อยู่เต็มไปหมด
ชุดนี้มีถึง 15 คนที่ค้าแข้งอยู่ต่างประเทศ พร้อมกับมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือมาใช้”คนใน”อย่าง อาคิระ นิชิโนะ มาทำงาน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจาก วาฮิด ฮาลิฮ็อดซิช โดนปลดออกไป
ผู้เล่นน่าจะมาจากต่างแดนเป็นหลักแน่นอน แผงหลังถือว่าประสบการณ์สูงมาก ยูโตะ นากาโตโมะ ที่ไปอยู่ถิ่นเติร์ก กับ กาลาตาซาราย, มายะ โยชิดะ ของเซาแธมป์ตัน, ฮิโรกิ ซาคาอิ แบ๊คจากมาร์กเซย และโกโตคุ ซาคาอิ ของฮัมบูร์ก
ห้องเครื่องยังมีกัปันทีม มาโกโตะ ฮาเซเบะ จากแฟรงเฟิร์ต เป็นกลจักรสำคัญ ทำงานร่วมกับ เคสึเกะ ฮอนดะ ที่ไปเล่นกับ ปาชูก้า และชินจิ คากาวะ ของดอร์ทมุนด์ ส่วนแดนหน้า เลือกใครเล่นได้เหมือนกันหมด ชินจิ โอคาซากิ จากเลสเตอร์, ยูยะ โอซาโกะ ของแวร์เดอร์ เบรเมน และ โยชิโนริ มุโตะ จากไมนซ์
นี่คือ “ซามูไร” ที่ดูเก๋าขึ้นและน่าสนใจมาก ๆ แม้ผลงานจะไม่แรงเท่าเดิม แต่คุณภาพไม่ได้ลดลงเลย
พวกเขามีลุ้นเข้ารอบอย่างเต็มตัว
ข้อมูลที่น่าสนใจ
โปแลนด์
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 8 สมัย
ผลงานดีที่สุด : อันดับ 3 ปี 1974 กับ 1982
สตาร์เด่น : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
เซเนกัล
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 2 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 8 ทีมสุดท้าย ปี 2002
สตาร์เด่น : ซาดิโอ มาเน่
โคลอมเบีย
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 5 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 8 ทีม ปี 2014
สตาร์เด่น : ฮาเมส โรดริเกวซ
ญี่ปุ่น
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 6 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 2 ปี 2002 และ 2010
สตาร์เด่น : เคสึเกะ ฮอนดะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี