สนามแข่งขันวอลโกกราด หรือโวลโกกราด ผ่านสายตาของแฟนบอลทั่วโลก ในการประกาศชัยชนะนัดแรกของ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ที่เฉือน ตูนีเซีย ไปแบบเสียเหงื่อถึงก๊อกสุดท้าย 2-1
อย่างไรก็ตาม กลายเป็นประเด็นให้พูดถึงกันอย่างมากมาย เกี่ยวกับเรื่องของ “แมลง” ที่มาเล่นงานนักเตะตั้งแต่ช่วงเตรียมตัว, ช่วงซ้อม มาจนถึงช่วงวอร์ม และช่วงแข่งขัน
หลายท่านคงทราบดี แต่ก็มีที่ไม่รู้ เมืองนี้คือหนึ่งในสมรภูมิที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2
300 ปีก่อนเมืองนี้ถูกเรียกว่า ซาร์ริทซิน(Tsaritsyn) ก่อนจะมาเป็นชื่อที่ถูกจดจำไปตลอดกาล นั่นคือ “สตาลินกราด” เพื่อสดุดี โจเซฟ สตาลิน ผู้นำแห่งสหภาพโซเวียต
อย่างไรก็ดี เมื่อ สตาลิน ได้ถึงแก่อสัญกรรม ปรากฏว่า นิกิต้า ครุสซอฟ ทายาททางการเมืองของสตาลิน ต้องการที่จะ”ลบล้างผลผลิต”ในระบอบเผด็จการทิ้งไป จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “วอลโกกราด” ในปัจจุบัน
เมื่อ 4 ปีก่อน วลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำประเทศ เคยเสนอว่าจะลงประชามติเปลี่ยนชื่อจาก วอลโกกราด ให้กลับมาเป็น สตาลินกราด อีกครั้ง เป็นอุดมการณ์“ชาตินิยม” ที่ร่วมสร้าง”คะแนนนิยม”ให้แก่ตัวของเขาเอง
เหตุผลของ ปูติน คือเพื่อฉลองวันที่ 9 พฤษภาคม หรือ วันแห่งชัยชนะของกองทัพแดงเหนือนาซีเยอรมัน หวังจะเชื่อมประวัติศาสตร์สงครามโลก ให้เข้ากับประวัติศาสตร์ของเมือง แต่สุดท้ายก็ถูกปัดตกไป
ประเด็นข้อเสนอดังกล่าวนั้น สร้างความเห็นต่างอย่างชัดเจน แต่หนึ่งในจำนวนที่เห็นด้วยก็คือ “ทหารผ่านศึก” เพราะปัจจุบันยังคงมีซากศพของทหารอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง โดยเฉพาะการสร้างสนามฟุตบอลรับบอลโลกหนนี้ มีการขุดพบซากทหารถึง 3 นายด้วยกัน
เนื่องจากสมรภูมินี้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 2 ล้านคนนั่นเอง
จากสมรภูมิสงครามในคราครั้งนั้น มากระทั่งวันนี้ วอลโกกราด ออกสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง กับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในฐานะ 1 ใน 11 เมืองเจ้าภาพของรัสเซีย สิ่งที่ต่อสู้กันครั้งนี้ไม่ใช่ คนกับคน หรืออาวุธ, ระเบิด, กระสุนปืน ประดามี
แต่เป็น”แมลง” กับ “มนุษย์”
ภาพปรากฏคือนักบอลอังกฤษมีปัญหาตั้งแต่วอร์มอัพ ชัดเจนคือ เจสซี่ ลินการ์ด ที่แมลงเข้าหูทั้งสองข้าง แถม แฮร์รี่ เคน ก็บอกว่า มันไม่ได้เข้าหูอย่างเดียว มันยังเข้าตาเข้าปากอีกด้วย
แต่จะเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าอย่าได้ไปโทษ“แมลง”เลย
อันที่จริงเจ้าภาพยืนยันความตั้งใจในการปราบแมลงเหล่านี้ เพียงแต่ว่ามันเกินจะไปห้ามปรามได้ เพราะใครล่ะครับจะคุยกับแมลงรู้เรื่อง
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พีโอเตอร์ เชคมาเรฟ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ว่า “เป็นห่วง” เนื่องจากแมลงจะบุกสนามช่วงบอลโลก เพราะสนามฟุตบอลเป็นสีเดียวกับผืนป่าสีเขียวขจี ที่แน่นอนว่า ป่าเขียวๆ คือของคู่กันกับแมลง
แล้วมันก็ห้ามไม่อยู่จริงๆ
เจ้าภาพได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงไปที่ โวลโกกราด อารีน่า ขณะที่คนงานรอบๆ เมือง ต้องยกเลิกการทำงานไปก่อน เนื่องจากเมืองต้องการควบคุมปัญหานี้
นั่นหมายว่า ฉีดเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว
แมลง สร้างปัญหาให้กับการทำงาน โดยเฉพาะ สกายสปอร์ตส ได้ยกเลิกการถ่ายทำทีมชาติอังกฤษนอกโรงแรมที่พัก ซึ่งแข้งผู้ดีซ้อมที่ The GAFK ติดกับสนามแข่งขันโวลโกกราด อารีน่า
ไม่มีใครสู้ธรรมชาติได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเวลาในปัจจุบัน คือหน้าร้อน ซึ่ง วอลโกกราด มีสภาพภูมิอากาศสมบูรณ์มากๆ แน่นอนจึงเป็นแหล่งกำเนิดแมลงนานาชนิดบริเวณแม่น้ำโวลก้า ซึ่งไหลผ่านเมืองโวลโกกราด ก่อนจะไปบรรจบที่ทะเลสาบแคสเปี้ยน
เมืองนี้อากาศที่บันทึกไว้ได้ในหน้าร้อนจะเคยสูงถึง 41.1 องศา แต่หน้าหนาวก็จะหนาวเหน็บระดับติดลบถึง -32.6 องศา
ตามรายงานที่ลองรวบรวมมาดู ทุกคนลงมติว่ามันคือ Midge หรือตัว“ริ้น”นั่นเอง
แน่นอนว่า บันทึกประวัติศาสตร์จะมีหน้าใหม่ไปเรื่อยๆ และสถานที่แห่งนี้มีบันทึกแห่งตำนานนั่นคือ สมรภูมิแห่งสงคราม ระหว่าง มนุษย์ กับ มนุษย์ โดยมี “อาวุธ” กับ “อากาศ” เป็นตัวแปรสำคัญ
มาถึงปีปัจจุบัน ต้องบันทึกไปใหม่ว่า นี่ก็เป็นสงครามบนสนามฟุตบอล ของมนุษย์ กับ มนุษย์
โดยมี “อากาศ” กับ “แมลง” เป็นตัวแปรสำคัญเช่นกัน!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี