การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 7 กรกฎาคม เป็นการพบกันระหว่างสวีเดนกับอังกฤษ ที่สนามซามารา อารีน่า (Samara Arena) เมืองซามารา ประเทศรัสเซีย ซึ่งสถิติคู่นี้อังกฤษมีฟอร์มข่มอยู่เล็กน้อย โดยทั้งคู่เคยพบกันมาแล้ว 25 ครั้ง อังกฤษเอาชนะมาได้ 8 ครั้ง สวีเดนชนะ 7 ครั้ง ส่วนที่เหลืออีก 9 ครั้งผลออกเสมอ ขณะที่การเจอกันก่อนหน้านี้ในฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มปี 2002 และ 2006 ทั้งคู่เสมอกัน 1-1 และ 2-2 ตามลำดับ โดย 11 ตัวจริงที่ลงสนามของทั้ง 2 ทีมมีดังนี้
สวีเดน : โรบิน โอเซ่น (ผู้รักษาประตู), เอมิล คราฟธ์, วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ, อันเดรียส กรานควิสต์, ลุดวิก ออกุสตินสัน; วิคเตอร์ เคลสสัน , อัลบิน เอ็คดาล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก; มาร์คุส เบิร์ก และ โอล่า ตอยโวเน่น
อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (ผู้รักษาประตู), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ - คีแรน ทริปเปียร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดเล่ อัลลี่, เจสซี่ ลินการ์ด, แอชลี่ย์ ยัง - ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี่ เคน
โดยเปิดเกมมาได้เพียง 30 นาที ขุนพลสิงโตคำรามก็เรียกเฮสนั่นจากกองเชียร์ได้ จากจังหวะลูกเตะมุมโดย แอชลี่ย์ ยัง ที่ใส่พานมาหน้าประตู ก่อนที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลัง จะกระโดดเบียดตัวประกบอย่าง เอมิล ฟอร์สเบิร์ก ของสวีเดนขึ้นมาโหม่งเข้าไปตุงตาข่ายได้อย่างเด็ดขาด ทำให้อังกฤษออกนำไปก่อน 0-1
จากนั้นผู้เล่นสวีเดนก็พยายามวิ่งแลกเพื่อเอาคืน แต่ก็ไม่ผ่านแนวรับของอังกฤษ จนหมดครึ่งแรกสวีเดนตามอังกฤษอยู่ 0-1
เข้าสู่ครึ่งหลังทั้ง 2 ทีมยังคงเปิดเกมแลกกันที่กลางสนาม และผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่ก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น โดยต่างฝ่ายต่างทำได้แค่หวาดเสียว จนกระทั่งนาทีที่ 58 ฝั่งกองเชียร์อังกฤษก็ได้เฮกันอีกครั้ง จากจังหวะที่ เจสซี่ ลินการ์ด เปิดบอลเข้าไปที่เสาไกลให้ เดเล่ อัลลี่ โหม่งเข้าไปแบบสบายๆ ทำให้อังกฤษนำห่างออกไปเป็น 0-2 และมีโอกาสเข้าใกล้รอบรองชนะเลิศมากขึ้น
หลังเสียประตูในนาทีที่ 65 สวีเดน เปลี่ยนผู้เล่น 2 คนรวด คือ โอล่า ตอยโวเน่น และ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก โดยส่ง จอห์น กุยเด็ตติ และ มาร์ติน โอลส์สัน ลงมาแทน พร้อมกับพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่อังกฤษเป็นระลอก แต่ก็ไม่เป็นผล ถูกอังกฤษตัดเกมและโต้กลับมาเป็นระยะ กระทั่งหมดเวลา 90+5 นาที สวีเดนพ่ายให้อังกฤษ 0-2 ตามอุรุกวัยและบราซิลกลับบ้านไปอีก 1 ทีม ขณะที่อังกฤษไปรอพบผู้ชนะระหว่างรัสเซียกับโครเอเชีย ที่จะพบกันในเวลา 01.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม
การแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก" รอบไฟนอล โฟร์ ได้ทำการจับสลากรอบรองชนะเลิศ ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า ทีมชาติอังกฤษ จะดวลแข้
‘ดัทช์’ฉะ‘ดอยช์’! อังกฤษมีหืด จับติ้วบอลยูโร2020
“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ตีตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกฟุตบอลเนชั่นส์ลีก ได้สำเร็จ หลังจากเปิดสนามนิว เวมบลีย์ หักด่าน “ตาหมากรุก” ท
จากการที่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ทำแฟนแฮปปี้กันถ้วนหน้า เมื่อต่างกำชัยชนะ 5 นัดรวดในการเปิดซีซั่น 2018-19
จากการที่ “ตราไก่” ทีมชาติฝรั่งเศส เอาชนะ“ตาหมากรุก” ทีมชาติโครเอเชีย ไปแบบสุดมันส์ 4-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ไปครองอย่างยิ่งให
จากการที่ "ตราไก่" ทีมชาติ ฝรั่งเศส เอาชนะ "ตาหมากรุก" ทีมชาติ โครเอเชีย ไปแบบสุดมันส์ 4-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ไปครองอย่างยิ่งใหญ
ฟุตบอลโลก 2018 นัดชิงชนะเลิศ ที่สนาม ลุซนิกิ สเตเดี้ยม ซึ่งกลายเป็น ทัพ "ตราไก่" ทีมชาติ ฝรั่งเศส เอาชนะ "ตาหมากรุก" ทีมชาติ โครเอชีย ไปแ
ประมวลภาพ ฟุตบอลโลก 2018 นัดชิงชนะเลิศ ที่สนาม ลุซนิกิ สเตเดี้ยม ซึ่งกลายเป็น ทัพ "ตราไก่" ทีมชาติ ฝรั่งเศส ที่เอาชนะ "ตาหมากรุก" ทีมชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี