นาทีนี้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหลือแค่ 2 ทีมที่ยังคงเดินหน้าชนะต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดซีซั่นมา 5 เกม คือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล ทำสถิติหรูแบบนี้ได้เป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นหนแรกนับตั้งแต่ซีซั่น 1990-91 ซึ่ง เคนนี่ ดัลกลิช คุมทัพเป็นสมัยแรก เรียกว่าก่อนยุคพรีเมียร์ลีก ซะอีก โดยหนแรกที่ทำได้ต้องย้อนไปถึงปี 1978-79
ขณะที่ เชลซี ทำแบบนี้เป็นหนที่ 4 เกิดขึ้นในยุคมิลเลนเนียมล้วนๆ โดยทำได้ซีซั่น 2005/06, 2009/10, 2010/11 และปีนี้ มากกว่าทุกๆ ทีมในลีก
ที่สำคัญ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 110 ปีของการฟุตบอลอังกฤษ กับเหตุการณ์ที่มีทีมออกสตาร์ทชนะรวด 5 นัดแรกของฤดูกาลพร้อมกันถึง 2 ทีม โดยเกิดขึ้นครั้งสุดท้าย นั่นก็คือ ซีซั่น 1908-09 หรือนับถอยหลังไปก็ 110 ปี
ในครั้งนั้น “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทร้อนแรงกำชัยได้ 5 นัดรวดทั้งคู่ แต่พอมาถึงเกมที่ 6 ทั้งสองทีมสะดุดทั้งคู่ ก่อนจะปิดซีซั่น นิวคาสเซิ่ล เร่งเครื่องเข้าเส้นชัยคว้าแชมป์ไปครอง ส่วน แมนฯยูไนเต็ด หลุดโค้งไปจบอันดับที่ 13 ของตาราง
คำถามที่เกิดขึ้นมากที่สุด ไม่ได้เกี่ยวกับทั้ง ลิเวอร์พูล และ เชลซี แต่เกี่ยวกับว่า ที่ผ่านมาเคยมีใครทำได้ และลงท้ายได้แชมป์หรือเปล่า
นับเฉพาะยุคพรีเมียร์ลีก 27 ปี เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ 8 ครั้ง และบทสรุปก็คือได้แชมป์เพียง 2 ครั้งเท่านั้น ก็คือ เชลซี ทั้ง 2 คราในซีซั่น 2004-05 และ 2009-10
ที่เหลือนี่มือเปล่าล้วนๆ
เริ่มจากฤดูกาล 1994-95 “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในยุคของ “คิงเคฟ” เควิน คีแกน สตาร์ทแรงด้วยการกำชัย 6 เกมติดต่อกัน ก่อนจะค่อยๆ ฟอร์มร่วงลงไป แถมยังเสีย แอนดี้ โคล ไปให้กับ แมนยูฯ พวกเขาจบด้วยอันดับ 6 ตามหลังแชมป์คือ แบล็คเบิร์น ถึง 17 คะแนน
ทีมที่ 2 คือ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ในซีซั่น 2004-05 ต่อเนื่องจากปีไร้พ่าย หรือ “The Invincibles” เมื่อชนะ 5 เกมรวด ก่อนจะพลาดเจ๊า โบลตัน ในบ้าน และเข้าวินเป็นรองแชมป์
ทีมที่ 3 คือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในซีซั่น 2005-06 หลังจากเป็นแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 50 ปี เชลซี เดินหน้าต่อเนื่องด้วยการ“ใช้เงิน”ยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วยการชนะ 9 เกมแรก และกว่าจะเสียประตูก็นานถึง 584 นาที ก่อนจะเป็นแชมป์ในบั้นปลาย
ทีมที่ 4 คือ เชลซี ที่ทำได้อีกครั้งในซีซั่น 2009-10 ในยุคการทำงานปีแรกของ “คาร์เล็ตโต้” คาร์โล อันเชล็อตติ ที่พาทีมชนะ 6 เกมรวด ก่อนจะบุกพ่าย วีแกน แบบพลิกล็อก 1-3 ก่อนพวกเขาจะเป็นแชมป์ในปีนั้น ด้วยสถิติยิงได้ 103 ลูก, ยิงได้ในบ้าน 68 ลูก และประตูได้เสียบวกถึง 71 ประตู
ทีมที่ 5 ที่ทำได้ยังคงเป็น เชลซี ที่ทำได้ในฤดูกาลต่อมาทันที หรือ 2010-11 ด้วยการชนะรวด 5 นัด ยิง 19 ลูกและเสียแค่ประตูเดียว แต่จากนั้นไม่นานเจอช่วงเวลาสุดเลวร้าย ชนะแค่ 2 จาก 10 เกม ลงท้ายพวกเขาได้ตำแหน่งรองแชมป์ และ อันเชล็อตติ โดนไล่ออก
ทีมที่ 6 ไม่ต้องรอนานก็เกิดขึ้นในซีซั่นต่อมา 2011-12 เมื่อ “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด สตาร์ทสุดแรงชนะรวด 5 เกมแรก ก่อนจะได้ตำแหน่งรองแชมป์ โดยยกมงกุฎแชมป์ให้กับเพื่อนร่วมเมืองอย่าง “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวินาทีสุดท้าย และเกมสุดท้ายของฤดูกาล
ทีมที่ 7 เกิดขึ้นในซีซั่น 2015-16 มานูเอล เปเยกรินี่ นำทัพ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 5 เกมรวด เป็นสถิติทีมที่ชนะรวด 4 นัดแรกหนแรกรอบ 103 ปีอีกด้วย แต่ลงท้ายไม่สวย เมื่อ เปเยกรินี่ ได้รับการแจ้งว่า เขาจะได้ทำงานแค่สิ้นสุดซีซั่น เมื่อทีมจะนำ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาแทน ก่อนที่ปีนั้น แมนฯซิตี้ จะได้แค่อันดับ 4 เท่านั้น
ทีมล่าสุดทีมที่ 8 คือ แมนฯซิตี้ ที่ทำได้อีกครั้งเมื่อซีซั่น 2016-17 หรือซีซั่นต่อมาที่มีกุนซือใหม่คือ เป๊ป เข้ามาทำงาน โดย ซิตี้ สตาร์ทแรงสุดในประวัติศาสตร์ทีมเมื่อกำชัย 6 เกมรวด แต่อีก 7 นัดต่อมา พวกเขายางแตกกำชัยได้แค่เกมเดียว ก่อนจะปิดซีซั่นด้วยการเป็นทีมอันดับ 3
น่าสนใจว่า ก้าวต่อไปของทั้ง ลิเวอร์พูล ที่จะเฝ้าบ้านดวลกับ เซาแธมป์ตัน และเชลซี ที่ต้องไปเยือน เวสต์แฮม อะไรจะเกิดขึ้น
เพราะสิ่งที่มาพร้อมกันตอนนี้แบบไม่ได้ตั้งตัวก็คือ ความมั่นใจ กับ ความกดดัน
หากไม่หยุดที่สัปดาห์นี้ ก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ เพราะทั้งคู่จะชนกันเองในสัปดาห์หน้า ที่เดอะ บริดจ์ และจะมีแน่ๆ 1 ทีมที่ตกไหล่ทาง
ที่สำคัญพวกเสือสิงห์กระทิงแรดที่ตามหลังมาก็ยังอันตราย
ไม่แพ้หัวใจของพวกเขาเอง
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี