วันเวลาผ่านไปไวจริงๆ อึดใจเดียวฟุตบอลลีกอาชีพของไทยก็ผ่านมาได้ 22 ฤดูแล้ว ปีหน้า 2019 หรือ 2562 จะเป็นฤดูที่ 23 แล้วแต่สถานการณ์ของไทยลีกดูไม่ค่อยจะสดใสเท่าใด โดยเฉพาะจำนวนแฟนฟุตบอลที่เข้าไปชมในสนามลดลงเมื่อเปรียบเทียบปริมาณคนดูโดยในฤดู 2561 มีคนดูทุกแมทช์จำนวน 1,366,497 คน น้อยลงจากปี 2560ที่มีจำนวน 1,399,728 คน และปี 2559 จำนวน 1,503,600 คน ส่วนปีที่มีคนดูมากที่สุด ได้แก่ปี 2558 มีคนดู 1,926,278 คน ซึ่งเป็นยุคที่นายวรวีร์มะกูดี เป็นนายกสมาคมในขณะที่ปัจจุบันนั้นมีพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นนายกสมาคม
22 ปีที่ผ่านมา มีสโมสรที่ครองแชมป์ลีกรวม 11 สโมสร ได้แก่ บุรีรัมย์ยูไนเต็ดมากที่สุด 6 สมัย รองลงมา คือ เมืองทองยูไนเต็ด 4 สมัย, ทหารอากาศ 2 สมัย, ธนาคารกรุงไทย 2 สมัย,บีอีซีเทโรศาสน 2 สมัย ที่เหลือที่ได้แชมป์คนละ1 สมัย ได้แก่ สินธนา, การท่าเรือแห่งประเทศไทย, พนักงานโรงงานยาสูบ, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, มหาวิทยาลัยกรุงเทพหรือแบงค็อกยูไนเต็ด และสโมสรจังหวัดชลบุรี
แชมป์ฤดูที่ผ่านมา คือ บุรีรัมย์ยูไนเต็ดนั้นเป็นสโมสรที่โกยแชมป์หรือโทรฟี่มากที่สุดในปัจจุบันรวม 25 รายการ คือ ไทยลีก 6 สมัย, โตโยต้าไทยลีกคัพ 5 ครั้ง, ช้างเอฟเอคัพ 4 ครั้ง, ถ้วยพระราชทาน ก.4 ครั้ง, แม่โขงคัพแชมเปี้ยนชิพ 2 ครั้ง, ไทยลีกดิวิชั่นหนึ่ง 1 ครั้ง,โตโยต้าพรีเมียร์คัพ 3 ครั้ง ประธานสโมสร คือ นายเนวิน ชิดชอบคณะผู้ฝึกสอนปัจจุบันประกอบด้วย นายโบซิดาร์ บันโดวิช ชาวมอนเตเนโกรเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนผู้ช่วย ได้แก่นายวลาดีคาร์ กรูจิช และ นายซอรันมียาโนวิช ชาวเซอร์เบีย หัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชน ได้แก่ นายอังเดร อ๊อดด์ชาวอังกฤษ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีม 23 ปี ได้แก่ นายอิสระ ศรีทะโร
สถิติของไทยลีก T1 ปีล่าสุดนั้นมีสโมสรร่วมแข่งขัน18 สโมสร ทีมอันดับหนึ่งถึงอันดับ 1-4 ที่ได้รางวัลเป็นกอบเป็นกำได้แก่ บุรีรัมย์ยูไนต็ด ได้ 87 คะแนน ซึ่งมากที่สุดในรอบ 22 ปี เป็นแชมป์ได้ 10 ล้านบาท แบงค็อกยูไนเต็ด รองแชมป์ได้ 71 คะแนนได้รางวัล 2 ล้านบาท อันดับ 3 การท่าเรือเอฟซี 61 คะแนนได้รางวัล 1.5 ล้านบาท และอันดับ 4 เมืองทองยูไนเต็ด 59 คะแนนได้รางวัล 800,000 บาท ส่วนทีมสโมสรที่ตกไป T2 มีถึง 5 สโมสร คืออันดับ 14 บางกอกกล๊าสเอฟซี 42 คะแนน อันดับ 15 โปลิศเทโรเอฟซีได้ 36 คะแนน อันดับ 16 ราชนาวีเอฟซี ได้ 30 คะแนน อันดับ 17อุบลยูเอ็มที ได้ 26 คะแนน อันดับ 18 แอร์ฟอร์ซยูไนเต็ด 16 คะแนน
ผู้ทำประตูสูงสุดมีดังนี้ อันดับ 1 ดิโอโก ลูอิส ซังตูร์ บราซิลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด 34 ประตู อันดับ 2 โจนาธาน เฟไรร่า รีส บราซิลพีทีประจวบเอฟซี 26 ประตู และเฮร์บาร์ตี้ เฟร์นองเดซ บราซิล เมืองทอง26 ประตู อันดับ 3 ได้แก่ เนลสัน โบนิลญา เอลซัลวาดอร์ สุโขทัย ยิงได้25 ประตู อันดับ 4 ดราแกน บอสโควิช มอนเตเนโกร การท่าเรือ21 ประตู ในขณะที่ปีนี้ไม่มีนักเตะไทยที่ยิงติดกลุ่มหนึ่งในสิบเลยในกลุ่มนี้มีนักเตะหลายรายที่สามารถยิงประตูในไทยลีกได้มากกว่า100 ประตูไปแล้ว มี ดิโอโก, เฮร์บาร์ตี้ และบอสโควิช
นักเตะที่ยิงประตูทำแฮททริกได้ 3 ประตูขึ้นไป มีทั้งหมด 12 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเตะสัญชาติไทยแค่รายเดียว คือ เจนรบ สำเภาดี จากเมืองทอง ที่ยิงได้ 3 ประตู ในนัดพบแบงค็อกยูไนเต็ด ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 ที่เหลือเป็นนักเตะต่างชาติที่ทำได้แมทช์เดียวสูงสุด4 ประตู คือ ดราแกน บอสโควิช การท่าเรือยิงได้ในวันที่ 7 ตุลาคม ในนัดชนะพัทยา 4-1 คนอื่นๆ คือ ดิโอโกของบุรีรัมย์ ยิงได้ 3 ครั้ง, เอ็ดการ์ของบุรีรัมย์ ทำได้ 1 ครั้ง, โจนาธานของพีทีประจวบ ทำได้ 2 ครั้ง, เฮร์บาร์ตี้ ของเมืองทอง ทำได้ 2 ครั้ง, ลูเกียน นักเตะบราซิลของพัทยาทำได้ 1 ครั้ง, เปาโล เรนเกิล นักเตะบราซิลของนครราชสีมา ทำได้ 1 ครั้ง, กวางซูอิล นักเตะเกาหลีใต้ ของราชบุรีมิตรผล ทำได้ 1 ครั้ง, เนลสันโบนิลญา นักเตะ เอลซัลวาดอร์ ของสุโขทัย ทำได้ 2 ครั้ง, มิทเชล เอ็นดรี้ นักเตะฝรั่งเศสของโปลิศเทโรทำได้ 1 ครั้ง, แอเรียล โรดริเกวซนักเตะชาวคอสตาริกา ของบางกอกกล๊าส ทำได้ 1 ครั้ง
สโมสรที่มีแฟนฟุตบอลสนับสนุนเข้าไปในชมการแข่งขันในสนามมากที่สุด คือ บุรีรัมย์ มีทั้งหมด 221,003 คน ซึ่งน้อยลงจากปี 2560 ร้อยละ 6.4 ในนัดที่ 33 นั้น มีคนดู 35,573 คนในนัดพบพัทยายูไนเต็ด ซึ่งทีมถูกปรับ 50,000 บาท เพราะจำหน่ายบัตรเข้าชมมากกว่าที่นั่งที่ระบุไว้ในช้างอารีน่า คือ 32,600 คนรองลงมา ได้แก่ เมืองทองมีคนดูทั้งหมด 134,506 คน ลดลงไปร้อยละ 10.2 ถือว่าลดลงไปอย่างฮวบฮาบเหมือนกัน อันดับ 3 นครราชสีมาเอฟซี มีคนดู 124,460 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.4 สโมสร ที่มีจำนวนแฟนฟุตบอลเข้าชมเพิ่มเป็นสถิติ คือ พีทีประจวบ น้องใหม่ที่เลื่อนมาจากไทยลีก 2 มีคนดู 65,281 คน เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ 165 คือ มากกว่าเท่าตัวอีกทีม คือ ชัยนาทฮอร์นบิล ทีมที่รอดตายไม่ต้องตกไป T2 แบบน่าใจหายใจคว่ำ ในนัดสุดท้ายเมื่อ 7 ต.ค. ที่ผ่านมามีคนดูรวม 52,031 คน เพิ่มจากปีที่แล้วที่อยู่ใน T2 ร้อยละ 122.7
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี