ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทได้แรงเหลือเชื่อ ขณะที่ แมนฯซิตี้ ยังทำได้สมมาตรฐานแชมป์เก่า
ไม่แปลกอะไร ถ้าจะบอกว่า สัปดาห์นี้คือช่วงเวลาแห่งความเหงาหงอยของแฟนบอล
เนื่องจากเป็นหนที่ 2 ของ “ฟีฟ่าเดย์” ในฤดูกาลนี้
หนแรกว่าหงอยแล้ว หนนี้ยิ่งดูหงอยยิ่งกว่า เพราะการต่อกรกันของแต่ละทีมในระดับสโมสรถือว่าเข้มข้นมากๆ เข้มเกินกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้
แยกสาเหตุการหงอยเหงาของแฟนบอล นั่นก็คือ เกมระดับทีมชาติ แต่ละคนนั้นเสพกันจนเอียนในศึกฟุตบอลโลก เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา
และยังไม่ทันหาย ก็มาเตะกันอีกสองรอบ
ว่ากันว่า แฟนบอลอยากจะติดตามเกมระดับสโมสรมากกว่าในเวลานี้
อย่างไรก็ดี หลายทีมแถมเป็นยักษ์ใหญ่อีกต่างหาก ที่ต้องการช่วงเวลานี้ในการเยียวยา และปรับบรรยากาศภายในทีม หลังจากออกสตาร์ทมาดีๆ อยู่ๆ ก็เริ่มฟอร์มหดหาย บางทีมฟอร์มตก บางทีมออกอาการเหมือนกับว่าหมดแรง
ใครจะไปคิดว่า บาเยิร์น มิวนิค, บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด รวมถึง ลิเวอร์พูล ต่างไม่ชนะใครเหมือนกันมา 4 นัดติดต่อกัน
ความสาหัสสากรรจ์ต่างกัน และกลายเป็นบางลีกใน 5 ลีกดังยุโรป มีการพลิกผันมากมาย
จะบอกว่า “ฟีฟ่าเดย์” ครั้งนี้ เป็น “ระฆังช่วย” หลายต่อหลายทีมก็คงจะไม่แปลกเท่าไหร่นักหรอก!!!
l พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เริ่มจากบอลอังกฤษ ขวัญใจมหาชนคนกันเอง เป็นไปได้ที่ผ่าน 8 นัด มีถึง 3 ทีมที่มี 20 คะแนน นั่นคือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า, “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แต่ ซิตี้ ได้นำจ่าฝูง เนื่องจากประตูได้เสียดีที่สุด คือบวก 18 ตามด้วย เชลซี บวก 13 และลิเวอร์พูล บวก 12
ยิ่งไปกว่านั้น สองทีมจากนอร์ธ ลอนดอน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล กับ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ตามมาติดๆ มีทีมละ 18 แต้ม นอกจากนี้ มี 3 ทีมที่ยังไม่ชนะใครคือ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
หลายคน “ลืมเหลียวมอง” ไปที่ แมนฯซิตี้ เนื่องเพราะการออกสตาร์ทแรงๆ ของทั้ง ลิเวอร์พูล, เชลซี และวัตฟอร์ด ซึ่ง ซิตี้ เองออกสตาร์ทเหมือนปีก่อนคือพลาดเสมอเกมเดียวแล้วชนะต่อเนื่อง กระทั่งมายึดจ่าฝูงได้สำเร็จ ทำให้ปีนี้ความน่าสนใจก็คือ จะมีทีมเบียดลุ้นแชมป์กี่ทีมกันแน่ สำหรับบอลอังกฤษ
หรือใครจะแค่ “ม้าตีนต้น”
l ลา ลีกา สเปน
พลิกผันสุดๆ เมื่อจ่าฝูงกลายเป็น เซบีญ่า ทีมดังแห่งแคว้นอันตาลูเซีย ที่เร่งเครื่องชนะ 4 เกมติดโดยนัดล่าสุดเปิดบ้านเฉือน เซลต้า บีโก้ 2-1
เหตุผลสำคัญมาจากสองทีมดังยางแตกทั้งคู่ โดย “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ทำได้แค่บุกไปเสมอ บาเลนเซีย 1-1 และ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ถึงขั้นแพ้ให้กับ อลาเบส 0-1 ทำให้ทั้งสองทีมไม่ชนะใครทุกรายการทีมละ 4 นัดรวดเหมือนนัดกันมา หนักเลยก็คือ เรอัล มาดริด ยิงใครไม่ได้เลย เป็นแบบนี้หนแรกในรอบกว่า 33 ปี
ทำให้ผ่าน 8 นัด เซบีญ่า มี 16 คะแนน ตามมาด้วย บาร์ซ่า กับ แอตเลติโก มาดริด ทีมละ 15 แต้ม และเรอัล มาดริด 14 แต้มเท่ากับ เอสปันญ่อล
เอาเข้าจริง เซบีญ่า มีสถิติสุดหรูชนะ 4 เกมรวด แต่เกมของพวกเขานั้นยังไม่เสถียรเท่าไหร่นัก
การเปลี่ยนกุนซือมาเป็น ปาโบล มาชิน เล่นในระบบเดิม แต่ความสมดุลเกิดขึ้น เมื่อใช้ เฆซุส นาบาส ออกไปเล่นวิงแบ๊กขวา และการเล่นแบบใจกว้างของ ปาโบล ซาราเบีย ทำให้บอลไหลลื่นมาก แม้ว่าทางซ้ายจะยังเป็นปัญหา
แต่ถึงจะไม่เสถียรตามที่บอก พวกเขายังมีความสม่ำเสมอมากกว่า บาร์ซ่า และเรอัล มาดริด
ประเด็นที่จัดตัดไปไม่ได้เลยก็คือ เรอัล มาดริด อาศัย คริสติอาโน่ โรนัลโด้ มาตลอด 9 ปี และ บาร์ซ่า ก็ใช้บริการ อันเดรส อิเนียสต้า มานานกว่า 10 ปี
มันอาจจะเป็นเหตุผลที่สำคัญก็เป็นได้
l บุนเดสลีกา เยอรมนี
มันเกิดขึ้นแล้ว เมื่อ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค แชมป์เก่า 6 สมัยซ้อน อาการหนักไม่ชนะมา 4 เกมติดทุกรายการ โดยเฉพาะเกมหลังสุดที่โดน “สิงห์หนุ่ม” มึนเช่นกลัดบัค บุกไปถลุงคาบ้าน 3-0
ทำให้ บาเยิร์น ร่วงไปอยู่อันดับ 6 มี 13 แต้ม จาก 7 นัด ถ้าจบตอนนี้ไม่ติดไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกเลยทีเดียว!
ประเด็นสำคัญแห่งการย่ำแย่ คงไม่พ้นเรื่องที่การเสีย “มิดฟิลด์ตัวกลาง” ที่คอยออกบอล และพักบอล นั่นคือ โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ที่บาดเจ็บ รวมถึง เซบาสเตียน รูดี้ ที่ย้ายออกไป แถม ฆาบี มาร์ติเนซ ก็เหมือนเสียธรรมชาติกองกลางไปแล้ว ส่วน ติอาโก้ อัลคันตาร่า ก็ไม่ใช่
งานนี้เก้าอี้ของ นิโก้ โควัช ที่ว่านิ่มๆ ตอนนี้เริ่มมีควันไฟออกมาแล้ว
จ่าฝูงตอนนี้เป็นของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มี 17 คะแนน ตามมาด้วย 4 ทีมที่มี 14 คะแนนเท่ากันคือ อาร์แบ ไลป์ซิก,
กลัดบัค, แวร์เดอร์ เบรเมน และแฮร์ธ่า เบอร์ลิน
ถือว่าสูสีสุดๆ
l กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
ยากต่อการต่อกรด้วยโดยแท้ สำหรับ “ม้าลาย” ยูเวนตุส แชมป์ 7 สมัยซ้อน ยังคงเดินหน้าเก็บชัยชนะได้ทุกนัดที่ลงสนาม โหดกว่าทุกซีซั่นที่ออกสตาร์ท
ทำให้พวกเขามี 24 คะแนนเต็ม จาก 8 นัด นำโด่งต่อไป ตามมาด้วย นาโปลี 18 คะแนน, อินเตอร์ มิลาน 16 คะแนน และลาซิโอ 15 คะแนน
ประเด็นก็คือ “ความยืดหยุ่น” ของ แม็กซ์ อัลเลกรี กุนซือของพวกเขาถือว่าเด็ดมากๆ ปรับทัพเล่นได้หลายระบบทั้ง 4-3-3, 4-2-3-1, 3-4-3 หมุนจนคู่แข่งปวดหัว
ที่สำคัญก็คือ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ปรับเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว และเพื่อนร่วมทีมก็เข้าใจธรรมชาติของ โรนัลโด้
เพราะในตอนแรก ทุกคนคิดที่จะ “ปั้นโด้” เพื่อให้ยิงประตูแรกให้ได้ หลังจากบอดมาหลายเกม กระทั่ง โด้ ยิงได้ ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ
นั่นคือ ต้องให้ “โด้ปั้น”
แถมอีกนิด เซเรีย อา ปีนี้มี 2 ทีม ที่ยังไม่ชนะใครคือ โฟรซิโนเน่ กับ คิเอโว่
l ลีก เอิง ฝรั่งเศส
แดนตราไก่แชมป์โลกทีมล่าสุด “หอคอยฝังเพชร” ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง ระเบิดฟอร์มไล่ถล่ม โอลิมปิก ลียง ยับเยินถึง 5-0 นี่ขนาดเป็นบิ๊กแมทช์ลุ้นแชมป์กันแท้ๆ
ทีนี้ เปแอสเช โกยอ้าวทำสถิติชนะ 9 นัดรวด มี 27 คะแนนเต็ม และเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลแดนน้ำหอม ที่ออกสตาร์ทชนะรวดได้ถึง 9 เกม
ผู้ตามมาก็น่าจะเหนื่อยหน่อย ลีลล์ เป็นรองจ่าฝูง 19 คะแนน, โอลิมปิก มาร์กเซย กับ มงต์เปลิเยร์ ทีมละ 16 คะแนน และแซงต์ เอเตียง 15 คะแนน
เอาเป็นว่า ลีกนี้ต้องชิงพื้นที่ไปแชมเปี้ยนส์ลีก เพราะดูจากทรงทั้งตัวจริงตัวสำรองของเปแอสเช และสแกนกรรมไปยังคู่แข่งก็ยิ่งแล้วใหญ่ น่าจะไล่ไม่ทัน
ลียง, มาร์กเซย ก็ไม่ได้แกร่งนัก รวมถึง โมนาโก ที่ “ขายจนหมดตัว” คือขายจนหมดตัวผู้เล่น
แต่เงินเต็มธนาคาร!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี